หลังจากออกมาจากคุก ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดถึง “กองทุนดวงหัวใจ” คำนี้ หลังจากที่เจี่ยนถงออกมาจากคุกแล้ว ก็ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้เลย
“ ‘กองทุนดวงหัวใจ’ ……ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน พ่อของฉัน……คนในตระกูลเจี่ยน สามารถดูแลมันและคงรักษามันได้”
ยังไง “กองทุนดวงหัวใจ” ก็ไม่ใช่ของเธอคนเดียว ในนั้นมีหยาดเหงื่อของคุณปู่อยู่กว่าครึ่ง ไม่มีเหตุผลที่คนตระกูลเจี่ยนจะไม่ปกป้องและดูแลมันให้ดี
เธอคิดไปเองว่าควรจะเป็นแบบนั้น ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมาทันที “เจี่ยนถง ถ้าหากว่าฉันไม่เห็นด้วยตาตัวเองว่าเธอเป็นคนสร้าง ‘กองทุนดวงหัวใจ’ ขึ้นมากับมือ ฉันก็คงจะสงสัยว่าทำไมเธอดูใสซื่อขนาดนี้ เจี่ยนถง เธอมองคนตระกูลเจี่ยนดีเกินไปแล้ว”
ได้ยินแบบนั้น เสียงหัวใจของเจี่ยนถงดัง “ตึกตัก” ขึ้นมาทันที พร้อมกับมีความรู้สึกไม่ดีบางอย่าง “ประธานเสิ่นหมายความว่ายังไง?”
“งานเลี้ยงคืนนี้ สำคัญและมีความหมายมาก เพราะเป็นงานการประมูล และตระกูลเจี่ยนก็เป็นเจ้าภาพ สถานที่ก็อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเจี่ยน”
เจี่ยนถงยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไร “ประมูล……อะไร?”
คงไม่ใช่……
“คืนนี้พ่อกับพี่ชายเธอจะเปลี่ยนประธานของ ‘กองทุนดวงหัวใจ’ และหมายความว่า……”
“พวกเขาต้องการจะขาย ‘กองทุนดวงหัวใจ’ !” เขายังไม่ทันได้พูด เธอก็พูดขัดขึ้นมาอย่างดัง!
เสิ่นซิวจิ่นไม่พูดมากความ พร้อมกับลุกขึ้น “ไปไม่ไปก็แล้วแต่เธอ”
เจี่ยนถงกัดฟันแน่น……และเห็นด้วย เธอกลัวที่ต้องไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ กลัวต้องไปเผชิญกับสายตาดูถูกของคนที่รู้จัก กลัวการเผชิญหน้า แต่ว่า……แต่ว่านั่นคือ ‘กองทุนดวงหัวใจ’ เลยนะ
“ไป ฉันจะไปกับคุณ” ยังไงเธอก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา ไม่งั้นจะสบายใจได้ยังไง
เสิ่นซิวจิ่นพยักหน้า พร้อมกับหันไปกวักนิ้วพวกช่างแต่งนายแบบที่อยู่ข้างๆ “เธอ ยกให้พวกคุณจัดการแล้วกันนะ”
เจี่ยนถงนั่งบนโซฟา แล้วปล่อยให้พวกเขาจัดการปัดๆ ถูๆ บนใบหน้าของเธอ……ครั้งนี้ เป็นเธอเองที่ต้องการจะไป! ‘กองทุนดวงหัวใจ’ เป็นของขวัญที่คุณปู่มอบให้เธอ แม้ว่าตอนนี้จะตกไปอยู่ในมือของพวกเขา เธอก็ต้องการไปดูให้เห็นกับตาตัวเองว่า “คนในครอบครัว” นั้นทำยังไงกับหยาดเหงื่อของเธอกับคุณปู่!
เหมือนกับเป็นการแสดง ไม่ว่าพวกช่างแต่งหน้าให้เธอทำอะไร เธอก็ทำตามอย่างไม่พูดไม่จา เสิ่นซิวจิ่นนั่งเอนหลังอยู่ข้างๆ พร้อมกับมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ไม่ได้แต่งตัวสวยมาก แต่ก็ทำให้ใบหน้าของเธอดูเป็นเจี่ยนถงคนก่อนมาก……แปลกมาก ที่เขายังจำเจี่ยนถงคนก่อนได้ ห่างหายไปนานถึงสามปี หน้าตาของเวยเหมิง เริ่มจะจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่สำหรับท่าทางการสารภาพรัก ตอนโมโห ตอนหยิ่งยโส รวมถึงท่าทางหลงตัวเอง……ตอนนี้เขากลับจำได้อย่างชัดเจน
เธอทำตามคำแนะนำของช่างแต่งหน้า จึงต้องเปลี่ยนเป็นสวมชุดเดรสสีขาว
“รอแป๊บ” เสิ่นซิวจิ่นที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น เจี่ยนถงจึงหันมามอง และพวกช่างแต่งหน้าเองก็หันไปมองเขาด้วย เสิ่นซิวจิ่นลูกขึ้น แล้วเดินไปที่ราวเสื้อผ้าที่ช่างแต่งหน้านำมาด้วย แล้วจ้องไปที่ชุดราตรีสีดำ จากนั้นก็ยื่นมือ แล้วหยิบออกมาหนึ่งชุด “ใส่สีดำตัวนี้เถอะ”
สายตาของเจี่ยนถงจ้องมองไปที่ชุดกระโปรงยาวที่อยู่ในมือเขา แล้วค่อยยื่นมือไปรับมา
หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาในห้องรับรองใกล้ๆ ห้องทำงาน ไม่นาน ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดขึ้นมาเบาๆ เสิ่นซิวจิ่นหันไปมอง ในตอนนั้นสายตาเขาก็ดูตะลึงไปทันที……แต่ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของเธอ แต่เป็นเพราะชุดราตรีสีดำที่เธอใส่อยู่นั้น มันเหมือนกับว่าทำให้เขาเห็นภาพตอนที่เธออายุสิบขวบที่เธอสารภาพรักเขาต่อหน้าคนมากมาย
ในสายตาของเขา แสดงออกถึงใจเต้นถี่ออกมาอย่างที่ตัวเองไม่เคยรู้สึก เจี่ยนถงมองเห็นสายตาอันเร่าร้อนของเขา ก็ยิ่งทำให้ทำตัวไม่ถูก เขาจึงยกมือขึ้น “ออกงานได้”
……
รถกำลังแล่นอยู่บนถนน แต่ในระหว่างทาง ก็เข้าไปในอุโมงค์ อุโมงค์ไม่ใหญ่ สามารถเอารถเข้าไปได้หนึ่งคัน
ไม่นาน รถก็มาจอดด้านหน้าของร้านแฮนด์เมดหลังหนึ่ง
เสิ่นซิวจิ่นลงจากรถอย่างสบายใจ แล้วเดินอ้อมมาอีกทาง พร้อมกับเปิดประตูรถออก “ลงรถ”
“ประธานเสิ่น สถานที่จัดงานไม่ใช่บ้านตระกูลเจี่ยนเหรอ?” พอลงรถ เจี่ยนถงก็ถามขึ้นเบาๆ
เขาจับมือเธอเอาไว้ แล้วเดินไปข้างหน้า “ก่อนที่จะไปงานเลี้ยง มีเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการ”
รอจนเจี่ยนถงเดินเข้ามาด้านในร้านแฮนด์เมดอย่างเงียบๆ ถึงรู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่ร้านแฮนด์เมดธรรมดา
แผงโชว์ทั้งสองด้าน ล้วนเป็นเครื่องประดับหลากหลายแบบ ถือว่ามีจำนวนไม่มาก แต่ทุกแบบต่างก็ดูสร้างสรรค์ทั้งนั้น
อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ร้านเล็กๆ นี้ เป็นกิจการของนักธุรกิจคนไหนเหรอ?”
ถึงเธอจะเคยอยู่ในคุกมา เสิ่นซิวจิ่นสามารถลบล้างสถานะของเธอ ลบล้างอดีตที่ผ่านมาของเธอได้ แต่ว่าไม่สามารถลบล้างความสามารถที่ท่านแก่เจี่ยนสอนเธอมาตั้งแต่เด็กได้ เพราะเธอถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กให้มีความละเอียดอ่อน
“ฉันก็ว่าทำไมวันนี้ตื่นมา ถึงได้ยินเสียงนกสาลิกาปากดำร้องทัก?ที่แท้ก็เป็นคุณชายเสิ่นมาใช้บริการนี่เอง คุณชายเสิ่นทำไมถึงได้มาที่ร้านเล็กๆ ของฉันได้?” มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในห้อง ดูลึกลับแบบคนตะวันออก และยังดูเซ็กซี่แบบตะวันตก ภาษาจีนที่เธอพูดออกมานั้น ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้หญิงที่เดินออกมานี้ เป็นลูกครึ่ง
เจี่ยนถงค่อยๆ กวาดสายตามองหญิงลูกครึ่งคนนี้ เธอเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้ตอบคำถามของหญิงลูกครึ่งที่จู่ๆ ก็เดินออกมาจากด้านในคนนี้ แต่กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พร้อมกับใบหน้ายิ้มแต่ในใจไม่ใช่
“ยุคนี้แล้ว เธอยังได้ยินเสียงนกสาลิกาปากดำร้องทักอีกเหรอ?อริส เธอรู้ว่านกสาลิกาปากดำเป็นตัวแบบไหนไหม ?”
ที่แท้ชื่อของหญิงลูกครึ่งคนนี้คือ อริส เจี่ยนถงหยุดมองเธอทันที
“เสิ่น เธอเป็นใคร?” อริสถามขึ้นอย่างสงสัย แล้วก็มองมายังมือพวกเขาสองคนที่จับกันอยู่ ในขณะนั้น สายตาของเธอก็นิ่งไป
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้สนใจเธอ แล้วหยิบเช็กออกมา พร้อมกับปากกา แล้วเขียนลงไป จากนั้นก็กดไว้ด้านข้างตู้กระจก “ฉันจำได้ว่าเธอมีชุดเครื่องประดับหินอัญมณีสีน้ำเงิน ฉันต้องการจะซื้อมัน”
อริสอึ้งทันที……หลังจากนั้นก็หันไปมองมือเขากับเจี่ยนถงที่กุมไว้แน่น พร้อมกับแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ
และก็มองไปที่จำนวนเงินในเช็กที่วางอยู่ ด้วยสายตาครุ่นคิด หลังจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น “เสิ่น คุณช่างมีเงินมากจริงๆ” เธอหันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้อง และตอนที่เดินออกมาอีกรอบนั้น ก็ได้ถือกล่องออกมาด้วย
ตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเจี่ยนถง อริสก็พูดด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวลกับเจี่ยนถง “เธอต้องดูแลรักษามันไว้ให้ดีนะ เครื่องประดับชุดนี้ มันล้ำค่ามากเลย จนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยคิดอยากจะส่งต่อให้คนอื่น” สายตาของเธอดูอ่อนโยนขึ้นอีก
“ถ้าหากว่าคนต้องการไม่ใช่เสิ่น ฉันไม่มีทางยกให้แน่นอน”
เจี่ยนถงมองอริสครั้งหนึ่ง……ทำไมเธอรู้สึกว่า อริสจงใจกอดเธองั้นเหรอ?และประโยคนี้ ก็ยิ่งฟังดูว่ามีอะไรแอบแฝง?
ด้านข้างก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมา แล้วรับกล่องจากมือของอริสไป พร้อมกับวางไว้ที่ตู้กระจก จากนั้นก็หยิบสร้อยหินอัญมณีสีน้ำเงิน พร้อมกับเดินอ้อมมาด้านหลังเจี่ยนถง แล้วใส่ให้เธออย่างไม่คิดอะไร พลางพูดขึ้นเสียงเรียบ
“เครื่องประดับในกล่องนี้ ฉันซื้อแล้ว เป็นของเธอแล้วนะ เธออยากจะใส่อยากจะเก็บไว้หรือจะจัดการยังไง ก็ขึ้นอยู่กับเธอ ฉันจะไม่ยุ่ง”
ความหมายจากสิ่งที่เขาพูดคือ ผู้หญิงของฉัน ฉันซื้อของให้เธอ ฉันจะไม่ยุ่งวุ่นวายว่าเธอจะทำยังไงกับของขวัญที่ฉันมอบให้ และเธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง
สีหน้าของสาวลูกครึ่งอย่างอริส แดงก่ำขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด และแววตาก็ดูเสียใจ
“แฮะแฮะ……เสิ่น คุณยังไม่ได้แนะนำให้ฉันรู้จักเลย คุณหนูคนนี้……เป็นคุณหนูตระกูลไหนเหรอ?”
เสิ่นซิวจิ่นจับข้อมือของเจี่ยนถงไป แล้วก็หยิบเอาสร้อยข้อมือหินอัญมณีสีน้ำเงินในกล่อง แล้วใส่ให้เธอ และยังหยิบต่างหูออกมาด้วย
“ฉันใส่เอง” เจี่ยนถงรีบห้ามไว้ แต่เสิ่นซิวจิ่นกับหลบมือที่ยื่นออกมาของเธอ “อย่าขยับ” ตอนที่อยู่ต่อหน้าอริส เขาก็ได้ใส่ต่างหูให้เจี่ยนถง
จนมาถึงแหวน……
“ไม่ต้องหลบ” เขาจับมือของเธอเอาไว้ แล้วค่อยๆ สวมแหวนให้เธอ
สายตาของเจี่ยนถงดูสับสนมาก…… ภาพเหตุการณ์นี้ เคยเกิดขึ้นในฝันของเธอมาหลายครั้งแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยคิดว่า วันนี้ “ฝันจะกลายเป็นจริง” แต่กลับไม่รู้สึกอะไรมานานแล้ว
แต่สำหรับอริสนั้น กลับรู้สึกเสียใจตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
สำหรับอริสแล้ว เสิ่นซิวจิ่นกลับไม่รู้สึกอยากขอโทษเลย เขาให้เงิน เธอก็ให้ของ เป็นการแลกเปลี่ยนของสองฝ่าย เขาและเธอนั้นก็เป็นแค่คนที่รู้จักกันจากงานประมูลก็เท่านั้น และชื่นชอบในความสามารถก็ของกันและกัน เพียงแต่ความชื่นชอบในความสามารถ……ในโลกใบนี้คนที่มีความสามารถในการออกแบบอัญมณี ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
วันก่อนนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดมาก เธอไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาต่อหน้าเขาเลยสักนิด
แต่ว่า ในเมื่อวันนี้ได้แสดงออกมาแบบนี้แล้ว งั้นหลังจากนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องติดต่อกันอีกแล้ว