เสิ่นซิวจิ่นพาเจี่ยนถงออกไป ในขณะที่ทุกคนกำลังพลุกพล่านคึกคัก ตรงกันข้ามอีกมุมของตระกูลเจี่ยน ลู่เชนลูบคางอย่างสนุกสนานพูดด้วยเสียงทุ้มๆ “เจี่ยนถงเหรอ”
เจี่ยนถงในวันนี้ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงลู่เชนประกายแสงวาววับในนัยน์ตาสีดำสนใจไม่น้อย ริมฝีปากบางๆขยับเล็กน้อย มือล้วงในกระเป๋าสูทแล้วเดินออกจากบ้านตระกูลเจี่ยน
“เดาดูสิว่าวันนี้ฉันเจอใคร” ระหว่างเดินไปที่รถที่อยู่ข้างถนนของตัวเอง ก็โทรคุยกับเซียวเหิงไปด้วย “คุณจะต้องคิดไม่ถึงแน่นอน”
“ในเมื่อคิดไม่ถึง เช่นนั้นฉันก็จะไม่ถามแล้ว” เสียงดังกึกก้อง ดังมาจากในโทรศัพท์ เสียงของเซียวเหิงเอ้อระเหยลอยชาย“ลู่เชน จะมาสนุกด้วยกันไหมหงจิ่ง มีน้องใหม่ๆน่าสนใจมาก”
ลู่เชนฟังเสียงเอ้อระเหยลอยชายของเซียวเหิง ก็ไม่ได้สนใจเขา พูดต่อว่า “เจี่ยนถง ฉันเจอเจี่ยนถงที่ตระกูลเจี่ยน”
อีกด้านของโทรศัพท์ เงียบไปสักครู่ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายดังขึ้น “ฉันนึกว่าใคร เธอเหรอ ลู่เชนคุณน่าเบื่อมาก ผู้หญิงอย่างเธอฉันเล่นจนเบื่อแล้ว คุณตั้งใจโทรหาฉันเพราะเรื่องเธอเหรอ”
ลู่เชนถอนหายใจในใจ “จริงเหรอ เซียวเหิงถ้าในใจคุณคิดอย่างนั้นจริงๆทำไมถึงอยู่แถวๆนั้นทั้งวัน”
“ฮ่าๆ คุณตลกจริงๆ ลู่เชน ฉันก็เป็นคนเช่นนี้อยู่แล้ว คุณก็คิดว่าช่วงก่อนสมองของฉันถูกประตูหนีบแล้วกัน ก็เลยเลอะเลือนไปช่วงหนึ่ง”
ทางเซียวเหิงเริ่มหมดความอดทนแล้ว “พอได้แล้ว ฉันกำลังสนุกอยู่ ถ้าไม่มีธุระอะไรฉันจะขอวางสายก่อนแล้ว”
กำลังจะวางสายโทรศัพท์ ก็มีเสียงเบาๆของลู่เชนดังขึ้นจากในโทรศัพท์ “คุณรู้จัก ‘กองทุนดวงหัวใจ’ใช่ไหม วันนี้ตระกูลเจี่ยนจัดงานเลี้ยง เพื่อประมูล‘กองทุนดวงหัวใจ’เสิ่นซิวจิ่นยืมเงินให้เจี่ยนถงสี่ร้อยล้าน ‘กองทุนดวงหัวใจ’ถูกเจี่ยนถงประมูลไปแล้ว เซียวเหิง คุณต้องคิดให้ดีนะ เจี่ยนถงคนที่สกปรกในสายตาของคุณ ตอนนี้มี‘กองทุนดวงหัวใจ’อยู่ในมือแล้ว อย่าให้ท้ายสุด คุณชายตระกูลเซียวอย่างคุณ ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนอย่างเจี่ยนถงแล้วกัน”
ครั้งนี้ ไม่ต้องรอเซียวเหิงพูดว่าวางสาย หลังจากที่ลู่เชนพูดจบ ไม่พูดพร่ำทำเพลง วางสายทันที
“ติ๊ด” ดังขึ้น ประตูรถปลดล็อกลู่เชนเปิดประตูรถแล้วนั่งเข้าไป รถเคลื่อนออก…..สิ่งที่ทำได้เขาก็ได้ทำมันแล้ว ส่วนเซียวเหิงจะก้าวออกมาจากความเสื่อมได้ไหม ก็ต้องดูระเบิดที่เขาวางลงไป ว่ามันจะแรงมากแค่ไหน
นึกถึงเจี่ยนถงลู่เชนสีหน้าค่อนข้างสับสน ร่องรอยของความเสียใจแวบผ่านดวงตา……”ขอโทษ เจี่ยนถง ที่แอบอ้างคุณ” แต่ขอเพียงเซียวเหิงสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง ลู่เชนก็จะไม่เสียใจ ที่แอบอ้างผู้หญิงที่ไม่มีความแค้นเคืองอะไรกับเขา………ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้มีค่าอะไร
ปากบางๆยกขึ้น เย็นยะเยือกกว่ากรอบแว่นทองในวันธรรมดา
นักธุรกิจให้ความสำคัญกับกำไร……..เขาเป็นนักธุรกิจ แก่นแท้ของนักธุรกิจคือความเย็นชา
“จริง……..จริง ขอแค่ไอ้เซียวเหิงสามารถยืนขึ้นอีกครั้ง………” อย่าว่าแต่ประโยคที่เขาพูดไป จะทำให้เซียวเหิงยิ่งเข้าใจเจี่ยนถงผิด หรือเจี่ยนถงจะไม่ได้รับความยุติธรรม………รัศมีมุมปากของลู่เชน ก็ไม่มีร่องรอยของความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว และได้แสดงท่าทางออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า แลกเจี่ยนถงกับเซียวเหิง แลกไหม
แลก!
หงจิ่ง
ตั้งแต่เซียวเหิงวางสาย ก็ก้มหน้านิ่ง นั่งอยู่ข้างๆก็ได้เพื่อนกินดื่มอีกมากมาย กินและดื่มกันอย่างเมามัน เซียวเหิงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“คุณชายเซียว กำลังคิดถึงสาวสวยคนไหนถึงได้หมกมุ่นขนาดนั้น พี่ๆน้องๆกำลังชวนคุณดื่ม”
ชายหนุ่มผมหยิกหยักศกสั้นสีเหมือนเกาลัดยิ้มและเดินเข้ามาหาเซียวเหิง ทั้งสองคนเอามือวางบนไหล่ของเซียวเหิง ในมือถือแก้ววิสกี้ “คุณชายเซียว พวกเราพี่น้องดื่มให้คุณ ดื่ม”
จู่ๆ เซียวเหิงก็ลุกขึ้น ยกมือขึ้น และคว่ำแก้วไวน์ในมือของชายผู้นั้น พูดด้วยความเย็นชาว่า
“ใครเป็นพี่น้องกับคุณ คุณเป็นพี่น้องใคร”
“โอ้…….” ชายคนนั้นตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง วินาทีถัดมาก็ยิ้ม “อ้อ รีบมาดูกัน ทุกคนรีบมาดูเร็ว วันนี้คุณชายเซียวของพวกเราเล่นอารมณ์ขันอีกแล้ว”
ขณะพูด ก็ถูกเซียวเหิงขัดจังหวะ “เฮอๆ~ดื่มกับพวกคุณสองแก้ว พูดคุยเล็กน้อย ก็สนิทสนมกัน เห็นฉันเป็นพี่น้องแล้ว
ขอโทษด้วย แม่ของฉันไม่ได้คลอด‘ลูกชาย’มากมายขนาดนี้
เรื่องได้คืบจะเอาศอก ก็ต้องดูอารมณ์ของคนอื่นด้วย เวลาอารมณ์ดี ดื่มกับคุณสองแก้ว อารมณ์ไม่ดี พวกคุณเป็นน้องฝ่ายไหนมิทราบ”
พูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา หยิบธนบัตรออกมา โยนลงหนึ่งกอง “หลายวันมานี้พวกคุณเล่นเป็นเพื่อนฉัน วันนี้มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยง เล่นให้สนุกนะ” พูดจบ ขาเรียวยาวก็เดินออกจากห้องไป
ตอนออกจากห้อง วินาทีที่ประตูห้องปิดลง ชายหนุ่มในห้องที่กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา ด่าว่าทันทีที่เขาออกไปแล้ว
เซียวเหิงไม่ได้สนใจ หันกลับมาแล้วเหลือบมองประตูห้องเล็กน้อย หยิบบุหรี่ออกมา จุดบุหรี่ ดูดไปหนึ่งคำ แล้วพ่นควันขาวๆออกมา บุหรี่ที่จุดใหม่ ยังมีอีกเยอะที่ยังไม่ได้สูบ เมื่อปล่อยมือ ร่วงลงบนพื้นอย่างไร้เสีย รองเท้าที่สั่งทำ รองเท้าหนังวัวเหยียบลงอย่างแรง ขยี้ไปมาอย่างดุเดือด
ดวงตาพีชเย็นชาทันที มองไปทางหน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไม่ดี ยกเท้าที่ขยี้บุหรี่ขึ้น แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
รถเล่นอย่างเร็วบนถนน ความเร็วนั้น เหมือนกำลังบิน แต่ดูหมือนเขาจะไม่สังเกตเลย สายตาจ้องมองไปด้านหน้า คันเร่งใต้ฝ่าเท้าเหยียบอย่างรุนแรง
ในคืนนั้น เป็นเวลาห้าทุ้มเที่ยงคืนแล้ว
มาเซราตีคันหนึ่ง บินอยู่บนถนน สุดท้ายจอดอยู่หน้าบ้านใหญ่ของตระกูลเซียว
เมื่อรถจอดลง ประตูรถก็ถูกเปิดออก หลังจากนั้น เซียวเหิงก็ลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ
เมื่อพ่อบ้านได้ยินเสียง รีบมาเปิดประตูบ้าน เห็นร่างที่ยืนอยู่ด้านนอก ตะลึงไปสักครู่ ทันใดนั้น
“คุณชาย คุณท่านสั่งไว้ ห้ามท่านเข้าบ้าน”
เซียวเหิงผอมลง แก้มผอมๆเย็นยะเยือก เสียงพูด แหบแบบบอกไม่ถูก
“ฉันมาหาคุณปู่”
พ่อบ้านกล่าว “คุณชาย คุณรอสักครู่ ฉันจะไปถามคุณท่านก่อน”
พ่อบ้านไปแล้วกลับมา มองเซียวเหิงด้วยความลำบากใจ “คุณท่านบอกว่าท่านหลับแล้ว……”
ในเมื่อท่านแก่เซียว “บอกว่า” ตัวเองหลับแล้ว แล้วจะหลับได้อย่างไร
เซียวเหิงก้มลง ถามด้วยเสียงแหบว่า “ฉันรู้แล้ว ลุง”
“เช่นนั้น……ฉันไปส่งคุณชาย”
“ไม่ต้องแล้ว”
พ่อบ้านทำไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่ปิดประตู
เซียวเหิงยืนอยู่ด้านนอกประตู หันหลังแล้วเดินกลับ หยุดอยู่ในกลางห้องโถง ทันใดนั้น “ปัง” ดังขึ้น คุกเข่าลงบนพื้น
ท่านแก่เซียวยืนอยู่ชั้นสอง พ่อบ้านเดินมา “คุณท่าน………ในตอนหนุ่มสาวมีใครบ้างที่ไม่เคยทำผิด ท่านก็…….”
“ที่นี่ไม่มีธุระของคุณแล้ว คุณกลับพักผ่อนเถอะ” ท่านแก่เซียวไม่รอพ่อบ้านพูดจบ พูดเบาๆไล่คนออกไป
เหลืออยู่คนเดียว ยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองร่างที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง………เขามีความคาดหวังสูงสำหรับหลานชายคนนี้แต่ไม่สามารถให้เขาทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
“คุกเข่าไปสักพักแล้วกัน” ท่านแก่เซียวกล่าวกับตัวเองเบาๆ