เสิ่นซิวจิ่นทำเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้เจี่ยนถงรู้สึกสบายใจขึ้นเลย
ตรงกันข้าม เธอกำลังจะเป็นบ้าเพราะผู้ชายที่ไม่เหมือนคนอื่นคนนี้
เหมือนสัตว์เดรัจฉานค่อยๆถูกเขาต้อนจนชนมุม แม้แต่พื้นที่ในการขยับตัวก็ยังไม่มี
เธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็ทนไม่ไหวที่เขาเป็นแบบนี้ เธอยินดีให้ชายผู้นี้ทำกับเธอเหมือนเดิม และไม่หวังให้ชายผู้นี้เปลี่ยนมาอ่อนโยนกับเธอเช่นนี้อย่างกะทันหัน
นี่ น่ากลัวมาก!
น่ากลัวกว่าจับเธอเข้าคุกซะอีกยังจะทำให้เจี่ยนถงตื่นตกใจด้วย
“ประธานเสิ่น ทำไม?” ในที่สุด ก็อดไม่ไหว เธอหลับตา ขณะลืมตาขึ้นก็ถามออกไป
ทำไมจู่ๆก็อ่อนโยน……เสิ่นซิวจิ่นอ่อนโยนเป็นด้วยเหรอ
เป็น!
แต่คงไม่ปฏิบัติต่อเธอ!
ชายผู้นั้นเปิดไดร์เป่าผม รวบผมเธอไปที่หลังหู ไม่ตอบแต่พูดเบาๆว่า “พักผ่อนให้สบาย”
เขาหันหลัง เจี่ยนถงอยากเอื้อมมือไปคว้ามุมเสื้อผ้าของเขา แต่สุดท้ายก็เก็บมือที่เอื้อมไปกลับมา
ไม่ได้เพื่อสิ่งอื่น เพื่อสีหน้าที่นิ่ง
“อ้อ คุณต้องคิดดีๆนะ‘กองทุนดวงหัวใจ’ภาระหน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบ” ขณะที่เสิ่นซิวจิ่นเดินไปถึงประตู ก็หันกลับมาพูดกับเจี่ยนถงอย่างกะทันหัน
พูดจบก็หันกลับไป
ในคืนนี้ สำหรับเจี่ยนถง ก็เป็นคืนที่นอนไม่หลับอีกหนึ่งคืน
เธอไม่ค่อยตื่นแต่เช้าเปลี่ยนชุดสูท แต่งตัวและจัดทรงผมอย่างพิถีพิถัน ขณะที่มือไปโดนผมตรงหน้าผาก นิ่งไปสักครู่ หลังจากนั้น ก็ยังไม่กล้ารวบผมขึ้น ให้เห็นแผลนั้น
มองตัวเองในกระจก มองตัวเองในกระจกด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เจี่ยนถง คุณจะมีความกล้าพอที่จะยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนเหรอ
แต่เธอ ไม่มีทางที่ให้ถอยแล้ว
ไม่สามารถทำให้อาลู่ผิดหวัง และไม่สามารถทำให้คุณปู่ผิดหวังเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก็คือ……..เผชิญหน้า
“กองทุนดวงหัวใจ” วันนี้หดหู่แค่ไหน เธอสามารถเดาได้ ถ้าก่อนจากไป ไม่สามารถทำให้ ‘กองทุนดวงหัวใจ’กลับไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้ เธอคิดว่า ตัวเองคงจะผ่านอุปสรรคในใจนี้ไปไม่ได้
ออกจากห้องน้ำ วินาทีที่เปิดประตูห้อง มีแสงส่องมาบนใบหน้า เธอพยายามหลับตา และเห็นว่าผู้ชายที่นอนบนโซฟาได้ตื่นแล้ว
ดวงตาดำของเสิ่นซิวจิ่น มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า หยิบเสื้อสูทอยู่ข้างๆขึ้นมา พูดเบาๆว่า “ไปกันเถอะ”
เจี่ยนถงเดินตามหลังเสิ่นซิวจิ่นอย่างเงียบๆ รถรอพวกเขาที่ใต้ตึก เธอกับเสิ่นซิวจิ่นนั่งเข้าไปด้านหลังคนขับ
คนขับที่นั่งเบาะคนขับ ยื่นอาหารเช้ามาสองชุด เสิ่นซิวจิ่นหยิบหนึ่งชุดแล้วยื่นไปด้านหน้าของเจี่ยนถง “รับไป”
เจี่ยนถงไม่ได้เอื้อมมือไปรับ
“ทานแล้วถึงจะมีแรงไปสู้รบ” ชายผู้นั้นกล่าว “สิ่งที่คุณต้องเผชิญ มันรับมือยากกว่าที่คุณคิดอีกมาก”
เจี่ยนถงเข้าใจว่าเสิ่นซิวจิ่นกำลังพูดอะไร เมื่อสามปีก่อน เพียงพอที่จะให้คนของตระกูลเจี่ยนชำระล้าง‘กองทุนดวงหัวใจ’ ความมั่นใจที่เธอมี จะต้องว่างเปล่า แต่ตำแหน่งที่สำคัญ ได้เป็นของคนอื่นไปตั้งนานแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถึงแม้‘กองทุนดวงหัวใจ’จะอยู่ในมือของเธอแล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่มีประสบการณ์แบบนี้
ควรทำอย่างไร…….เธอไม่มีความมั่นใจเลย
รับอาหารเช้าจากมือของเสิ่นซิวจิ่นโดยไม่พูดอะไร ทานไปทีละคำ ไม่ได้หิวมาก แต่ในเวลานี้ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือทานให้อิ่ม ทานอิ่มแล้วถึงจะมีแรงไปสู้รบได้
รถจอดอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง “กองทุนดวงหัวใจ”สี่ตัวอักษรทองบนป้ายขนาดใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนเห็นความสำเร็จของการก่อตั้งครั้งแรก
ในวันนี้ กลับซบเซามาก
“เสิ่นเอ้อ ดูแลความปลอดภัยให้เธออยู่ข้างๆ” เสิ่นเอ้อลงจากรถ เสิ่นซิวจิ่นเปิดประตูรถ แล้วนั่งกลับไปในตำแหน่งคนขับ
เหลือบมองผู้หญิงข้างๆ เขายิ้ม “เจี่ยนถง‘กองทุนดวงหัวใจ’ไม่ใช่ของฉัน คุณคงไม่คิดว่าฉันจะเป็นคนดีที่คอยคุ้มกันให้คุณตลอดทางใช่ไหม”
เจี่ยนถงหยุดหายใจ กำหมัดแน่น……..เธอเกือบลืมไปแล้วว่า เสิ่นซิวจิ่นไม่ใช่คนสนับสนุนที่ดีของเธอ
“เสิ่นเอ้อ เดินตามหลังเธอ อย่าให้ใครทำอะไรเธอได้”
“ครับ Boss”
ก่อนที่เสิ่นซิวจิ่นจะขับรถออกไป ได้เหลือบมองเจี่ยนถงอีกครั้ง
เจี่ยนถงยืนอยู่หน้าประตู หายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า ยกเท้าก้าวเข้าประตู
“คุณได้นัดไว้หรือไม่” แผนกต้อนรับเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบห้า ยี่สิบหกปี แต่งหน้าพราวเสน่ห์ ขณะที่เจี่ยนถงเดินเข้าไป เธอกำลังลับเล็บอยู่
ภาพนี้ เจี่ยนถงโมโหในใจ…….เธอรู้ว่า‘กองทุนดวงหัวใจ’แย่มาก แต่ไม่คิดว่าจะแย่ขนาดนี้
เช้าตรู่ เป็นเวลาเข้างาน ในฐานะที่เป็นแผนกต้อนรับ มาลับเล็บต่อหน้าแขก และถามอย่างไร้มารยาทว่าได้นัดไว้หรือไม่
ทันใดนั้น ความเศร้าโศกและความโกรธเคือง
ความเศร้าโศกนั้นก็ความทุ่มเทที่เธอและคุณปู่ได้ทำมันพังทลายหมดเลย ความโกรธเคืองก็คือในฐานะเป็นครอบครัวสายเลือดเดียวกัน พวกเขาทำลายความทุ่มเทของเธอและคุณปู่ไปหมดเลย
สีหน้าของเจี่ยนถงเปลี่ยนไปมาก พยายามเข้มแข็ง “ข้อแรก เวลาทำงาน อย่าทำเรื่องไร้สาระ ข้อสอง ในฐานะที่เป็นแผนกต้อนรับ แต่พูดกับแขกอย่างไร้มารยาท ข้อสาม การแต่งตัวของคุณไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมของ‘กองทุนดวงหัวใจ’ ตอนนี้คุณถูกไล่ออกแล้ว”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับจ้องมองเจี่ยนถงเยาะเย้ย “คุณเป็นใคร มาโบกไม้โบกมืออะไรที่นี่ คุณคิดว่าคุณเป็นเจ้าของ‘กองทุนดวงหัวใจ’เหรอ ถึงได้กล้ามาออกคำสั่งที่นี่”
จากไปสามปี เจี่ยนถงในใจโกรธจนสั่น ฝ่ามือที่อยู่ด้านหลัง บีบอย่างแน่น คอยบอกตัวเองในใจ อย่ากลัว คุณสามารถจัดการได้ ไม่ต้องกลัว คุณต้องจัดการให้ที่สุด เพื่อจัดการความวุ่นวายเหล่านี้ให้สะอาดเรียบร้อย คุณไม่มีทางให้ถอยแล้ว
อดทนต่อความกลัวเวลาอยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า เจี่ยนถงกล่าวกับหญิงสาวแผนกต้อนรับด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า
“บังเอิญ ฉันก็คือเจ้าของ‘กองทุนดวงหัวใจ’ที่คุณเอ่ยถึง” ในขณะพูดไปด้วย ก็หยิบสัญญาการเปลี่ยนเจ้าของทรัพย์สินที่ลงนามเมื่อวานนี้ออกมา
“เห็นชัดหรือยัง ตอนนี้ ฉันมีสิทธิ์ เชิญคุณเก็บของแล้วออกไปหรือยัง”
หญิงสาวแผนกต้อนรับหน้าซีด กำลังจะขอความเมตตา เจี่ยนถงยกมือขัดจังหวะ “ไม่ต้องขอความเมตตา คุณเป็นคนแรก แต่จะต้องไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน” ในคำพูดมีความรู้สึกของความโหดเหี้ยม
ดูออร่าของเธอ คนอื่นเดาไม่ออก เจี่ยนถงในเวลานี้กำลังต่อสู้กับความกลัวที่อยู่ในใจของตัวเองอยู่
“เสิ่นเอ้อ” เจี่ยนถงเรียก “เชิญคุณผู้หญิงท่านนี้ออกจาก‘กองทุนดวงหัวใจ’”
หญิงสาวแผนกต้อนรับยังไม่อยากจะยอม แต่เมื่อเห็นเสิ่นเอ้อที่มีรูปร่างสูงใหญ่ กลืนน้ำลายด้วยความกลัวทันที ด่าว่าพึมพำกับตัวเอง “ฮึ ไม่เห็นมีอะไรดีเลย ก็เหลือแค่เปลือกที่ว่างเปล่า ไม่เห็นอยากจะอยู่ที่แย่ๆแบบนี้เลย”
เจี่ยนถงขวางหญิงสาวแบกต้อนรับไว้ “ฉันสัญญากับคุณว่า‘กองทุนดวงหัวใจ’จะไม่เป็น ‘สถานที่แย่ๆ’ความทุ่มเทของเธอกับคุณปู่ จะไม่ปล่อยให้เป็น‘สถานที่แย่ๆ’ในปากของคนอื่นแน่นอน
ชี้ไปที่คนทำความสะอาดที่เดินผ่านมา “คุณน้า คุณรู้หรือไม่ต้องต้อนรับแขกอย่างไร”
คุณน้าที่ทำความสะอาดอึ้งไปสักครู่ “ฉันเรียนแค่ระดับประถม ไม่รู้อะไรลึกซึ้งขนาดนั้นหลอก ก็รู้แค่นิดเดียว พวกเราต้องทักทายแขกอย่างสุภาพและมีมารยาท”
เจี่ยนถงพยักหน้า “คุณน้า ตอนนี้ คุณเป็นแผนกต้อนรับของ‘กองทุนดวงหัวใจ’แล้ว ถ้าแขกมา สุภาพและมีมารยาทหน่อยนะ”
พนักงานต้อนรับคนนั้นที่ถูกไล่ออกรู้สึกอับอาย ชี้หน้าเจี่ยนถงและด่าว่า “คุณกล้าใช้คนทำความสะอาดมาทำหน้าที่แผนกต้อนรับแต่กลับไม่รับฉันซึ่งจบมหาวิทยาลัยโดยตรง ฉันว่าสมองของคุณถูกเผาไปจนหมดแล้ว”
เจี่ยนถงหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันยอมรับคนทำความสะอาดดีกว่า ที่จะรับนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างเธอ คุณควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าเพราะอะไร”