เรื่องมันไม่ง่ายเหมือนไล่พนักงานต้อนรับออกทั้งวัน เจี่ยนถงเหนื่อยจนอ่อนแรงไปหมด แต่ไม่กล้าแสดงออกมาแม้แต่นิดเดียว
พระเจ้ารู้ทันทีว่า ขณะเธอก้าวเข้ามาในห้องทำงานของประธาน เกือบจะวิ่งหนีด้วยความตกใจ
แต่เธอพูดกับตัวเองว่า อย่าทำเช่นนั้น
ใช่ อย่าทำเช่นนั้น ดังนั้นจึงต้องเผชิญหน้า ดังนั้นจึงต้องเอาชนะทุกอย่างให้ได้ ไม่ว่าสามปีที่เธออยู่ในคุก จะเจอกับอะไรมาบ้าง ไม่ว่าอุปนิสัยของเธอจะเปลี่ยนไปในช่วงสามปีที่ผ่านมาหรือไม่ และในสามปีนั้นทำให้เธอเสียศักดิ์ศรีของการยืนต่อหน้าคนอื่นหรือไม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องยืดอกเอาชนะความกลัว จนไม่รู้สึกละอายต่อคุณปู่ และละอายต่อในตัวเอง
สิ่งที่เจี่ยนถงไม่รู้ก็คือ ผู้ชายคนที่เย็นชาในสายตาของเธอ หลังจากขับรถออกจากอาคาร แล้ววนกลับมาจากอีกฟากหนึ่ง รถจอดอยู่ใต้อาคาร ในเวลาเดียวกัน ในรถมีเสียงของเจี่ยนถงดังขึ้น และในขณะนี้ เจี่ยนถงกำลังเผชิญหน้ากับผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยนและจิ้งจอกเฒ่าพวกนั้นใต้อาคาร
ทุกอย่างที่เจี่ยนถงพูดและทำในอาคาร ในขณะเดียวกัน ก็ส่งถึงหูของเสิ่นซิวจิ่นเช่นกัน
ฟังผู้หญิงคนนี้กำลังเผชิญความยากลำบากกับเสื้อเฒ่าพวกนั้น แม้จะห่างไปจากสังคมสามปี แต่รากฐานที่มั่นคงเหล่านั้น ในเวลานี้ ทำให้เธอตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ได้ยินเช่นนี้ เสิ่นซิวจิ่นทอดถอนใจอย่างใจหายท่านแก่เจี่ยนที่เสียชีวิตไปแล้วได้สั่งสอนเจี่ยนถงอย่างเข้มงวด ตัวเขาที่เกิดในตระกูลเสิ่น รู้ดีที่สุด ถึงแม้จะเกิดเป็นผู้ชาย จะทำได้อย่างเจี่ยนถง ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และไม่ได้อธิบายให้เข้าใจด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ
จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยพูดกับเขาในวันเกิดอายุ19ปีของเธอ เรื่องราวและความสำเร็จทุกสิ่งที่เกี่ยวกับโชค ถ้าไม่ถูกลิขิตด้วยฟ้า ก็จะมีเบื้องหลังความพยายามที่คนอื่นมองไม่เห็น
ในตอนนั้น ตัวเองไม่ค่อยได้ใส่ใจ แต่วันนี้ ได้ยินการดิ้นรนด้วยเหตุผลของเจี่ยนถงกับหูผ่านการโทรของเสิ่นเอ้อแล้ว ความเข้าใจในประโยคนั้นของเขาในตอนนั้น ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“เจี่ยนถง ศึกครั้งนี้ สู้ได้สวยงามมาก” หันไปมองประตูที่เปิดออกของ‘กองทุนดวงหัวใจ’เสิ่นซิวจิ่นพูดกับตัวเองเสียงเข้มแต่ด้วยความภูมิใจภูมิใจแทนเจี่ยนถง
สตาร์ทรถเหยียบคันเร่งรถแล่นไปตามถนนอย่างไม่เร่งรีบ…..ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้วเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตัวเอง เธอทำได้
เจี่ยนถงยืนอยู่หน้าห้องประชุม วางมือบนโต๊ะ สายตากวาดมองจากชั้นบนลงล่าง เธอรู้ ชัยชนะในศึกแรก
“ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของฉัน เช่นนั้น ก็ไปทำงานกันได้แล้ว” เธอประกาศเลิกประชุม รอจนกว่าในห้องประชุมเหลือเพียงเธอกับเสิ่นเอ้อ ไม่มีคนอื่น ในที่สุด ขาอ่อนแรงทรุดตัวลงกับพื้น
เสิ่นเอ้อรีบไปรับไว้ “คุณเจี่ยน คุณไม่เป็นไรนะ”
ขณะที่เสิ่นเอ้อยื่นมือเข้าไปประคองเจี่ยนถง ตกตะลึง “คุณเจี่ยนด้านหลังเสื้อคลุมของคุณเปียกหมดแล้ว เดี๋ยวฉันให้เลขาหน้าห้องไปซื้อตัวใหม่มาให้นะ”
“ห้ามไป” เจี่ยนถงตาหด เรียกเสิ่นเอ้อทันที เสิ่นเอ้อไม่เข้าใจ “แต่ว่าเสื้อของท่าน”
เจี่ยนถงมองเสิ่นเอ้อแล้วส่ายหน้า “ถ้าคุณไป ก็จะทำให้คนอื่นสงสัยในความมั่นใจและความน่าเกรงขามของฉันเมื่อครู่ที่แสดงออกไป ก็จะล้มเหลวทั้งหมด”
เสิ่นเอ้ออ้าปาก ไม่รู้ควรจะพูดอะไร
ใครว่าคุณเจี่ยนเป็นคนอ่อนแอ
ใครเป็นคนพูดว่าเธอหลังจากออกจากคุก กลายเป็นคนต่ำต้อยถูกคนดูถูก
แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเป็นคนตาบอด
เสิ่นเอ้อเห็นกับตา ผู้หญิงที่แม้แต่ก้าวเดินก็ยังลำบากคนนี้ ยืนอยู่ในห้องประชุมที่ใหญ่อย่างอ่อนแรง ต้องเผชิญกับพวกที่มีความคิดต่าง และต้องเผชิญกับจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ อยู่ภายใต้ฝูงหมาป่า เผชิญกับทุกอย่างอย่างโดดเดี่ยวและความกดดัน
เจี่ยนถงหายใจเข้าและหายใจออกอย่างแรง ในเวลานี้สีหน้าเริ่มดีขึ้น พยุงพื้น ยืนขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่เอวและขา
“ฉันช่วยพยุงคุณนะ” เสิ่นเอ้อเห็นเธอเดินเซไปมา รีบเดินเข้าไป
เจี่ยนถงผลักมือของเสิ่นเอ้อออก “ขอบคุณ” แต่ฉันไม่ต้องการ
เธอไม่ได้พูดประโยคที่สอง เพราะปฏิกิริยาของเธอ ได้บอกเจตนาของเธออย่างชัดเจนแล้ว
ตอนเธอเดินออกจากห้องประชุม ทุกคนในแผนกเลขาต่างจ้องมองเธอ เจี่ยนถงไม่ได้สนใจเหล่านี้ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง โทรหาเบอร์เบอร์หนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว “วิเวียน ฉันคือเจี่ยนถง ฉันเอา‘กองทุนดวงหัวใจ’กลับมาแล้ว ฉันต้องการให้พวกคุณกลับมา”
สิ่งที่เธอพูดคือ “พวกคุณ” ไม่ใช่ “คุณ” อีกฝ่ายของโทรศัพท์วิเวียนปิดปากด้วยความตกใจเวลาเกือบสามสิบวินาที ในโทรศัพท์ไม่มีเสียงอะไรเลย เจี่ยนถงไม่ได้เร่ง เกือบหนึ่งนาที คนในสายกลืนน้ำลาย ดึงศักยภาพของมืออาชีพออกมา
“ตกลง หนึ่งชั่วโมง ประธาน……..เจี่ยน”
เจี่ยนถงกะพริบตา เก็บความเจ็บปวดในตา “ถดถอย คุณปล่อยให้อารมณ์ของคุณควบคุมแล้ว”
แม้เจี่ยนถงจะวิจารณ์วิเวียน แต่คนด้านหลังน้ำตาไหลพรากๆ…….ใช่ นี่คือเจี่ยนถงข่าวลือก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องเท็จ
ผู้หญิงที่หยิ่งผยองเช่นนั้น จะยอมทิ้งความภาคภูมิใจของตัวเองได้อย่างไร
วิเวียนคิดอย่างนั้น แต่เธอไม่รู้ ผู้หญิงที่วิจารณ์เธอเหมือนที่ผ่านมาในโทรศัพท์ จริงๆแล้ว ความคิดได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมตั้งนานแล้ว
เมื่อก่อนเธอทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง แต่ตอนนี้ทำสิ่งเหล่านี้ เป็นการบังคับให้ตัวเองทำ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป วิเวียนนำพาทีมเดิม มาปรากฏตัวตรงหน้าของเจี่ยนถง “ประธานเจี่ยน ขอโทษด้วย ในสิบคนขาดไปสามคน”
วิเวียนพูด
เจี่ยนถงพยักหน้า เธอเข้าใจการตัดสินใจของสามคนนั้น ดังนั้นรู้สึกขอบคุณเจ็ดคนที่อยู่ตรงหน้า “ขอบคุณพวกคุณมาก ที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันในวันนี้”
“ประธานเจี่ยน พวกเรากำลังรอคุณกลับมา พวกเราเชื่อว่าคุณจะต้องกลับมา‘กองทุนดวงหัวใจ’” วิเวียนตาแดง “ประธานเจี่ยน หลังจากที่เกิดเรื่อง พวกเราหลายคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพบคุณแต่ทุกครั้งก็จะถูกขัดขวางอย่างแปลกใจ หลังจากที่ครบกำหนดพวกเราก็อยากจะเลี้ยงต้อนรับคุณ
แต่เมื่อพวกเราไปถึง รอท่านหนึ่งวัน แต่ก็ไม่เจอ ต่อมา พวกเราก็ติดต่อท่านไม่ได้อีกเลย” แม้ต่อมาจะได้ยินคำซุบซิบว่าเจี่ยนถงอยู่ที่ตงหวง แต่พวกเธอก็ไม่กล้าไปหาเจี่ยนถงแล้ว เพราะรู้ว่าถ้าคำซุบซิบเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ประธานเจี่ยนจะต้องไม่อยากให้ใครเธอในสภาพเช่นนั้น
คำพูดของวิเวียน ได้หว่านความสงสัยไว้ในใจของเจี่ยนถง
มองดูใบหน้าทั้งเจ็ดตรงหน้า เจี่ยนถงไม่ได้สงสัยคำพูดของพวกวิเวียน รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานที่แบบนั้น มีคนคิดถึงมีคนมาเยี่ยม ใจของเธออ่อนลง หัวใจที่เยือกเย็นมานานมีอุณหภูมิของคนที่มีชีวิตอยู่
และในสามปีนั้น ตัวเองไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีใครมาเยี่ยมเลย……..เสิ่นซิวจิ่น คุณใจร้ายมาก!