“คุณมาเพื่อหัวเราะฉันใช่ไหม” เจี่ยนถงเงยหน้าขึ้น มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า มีรอยยิ้มเศร้าอยู่ที่มุมปาก “ประธานเสิ่น ท่านเห็นแล้ว ท่านดีใจมากใช่หรือไม่ ยิ่งฉันแย่ ท่านก็จะยิ่งมีความสุขไม่ใช่เหรอ”
ฮ่าๆ ยิ่งเธอแย่ ยิ่งทำให้เซี่ยเวยเหมิงที่อยู่ข้างล่างยิ่งหลับสนิทมากว่า
“ประธานเสิ่น……จริงๆแล้วคุณ ไม่เห็นต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้ ทุกอย่างที่คุณทำก่อนหน้านี้ ไม่เหมือนคุณ ฉันคิดมาโดยตลอด ทำไมคุณถึงเปลี่ยนการกระทำที่มีต่อฉัน…….ที่แท้ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
เสิ่นซิวจิ่นนัยน์ตาดำคล้ำลง หายใจไม่ออก ใช้สายตาที่เสียใจมาก มองผู้หญิงที่กอดเป็นก้อนในตู้
เสียงที่แหบต่ำ จู่ๆก็ดังขึ้น “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ แบบนี้คือแบบไหน”
เสียงแหบต่ำ แต่ทุกคำพูดก็เข้าไปในหูผู้หญิง ผู้หญิงกอดตัวเองแน่น ในใจเหมือนคลื่นโหมซัดสาด………ทำไมเขายังถามออกมาด้วยความมั่นใจได้ แบบนี้คือแบบไหน
“เหอๆ เหอๆ…….แบบนี้คือแบบไหน ประธานเสิ่น คุณกำลังถามฉันใช่ไหม แบบนี้คือแบบไหนใช่ไหม” เอเงยหน้าขึ้นมอง มองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลานั้น ทันใดนั้น ชี้ไปที่ตัวเองอย่างโหดร้าย “ประธานเสิ่น คุณดูเองไม่เป็นเหรอ”
แบบนี้คือแบบไหน
ทุกอย่างอยู่ใต้จมูกของคุณไม่ใช่เหรอ
ฉันรู้ ในสายตาของคุณ ฉันเป็นฆาตกรที่ทำให้เซี่ยเวยเหมิงต้องเสียชีวิต คุณเกลียดฉัน คุณตอบโต้ แต่ฉันเป็นคน เป็นคนนะ
ฉันก็เจ็บเป็น ฉันมีความรู้สึก ฉันไม่ใช่หุ่นเชิด”
เจี่ยนถงเงยหน้า ดวงตาที่ชาของเธอ สุดท้ายนี้เป็นครั้งแรกที่เธอพูดตรงไปตรงมาโดยไม่ปิดบังความเจ็บปวดในดวงตา พูดต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่น เธอบอกว่า น้ำตาของเธอไหลจนแห้งแล้ว เธอบอกว่า เธอร้องไห้ไม่ออกแล้ว แต่วินาทีนี้ ในดวงตามีหยดน้ำใสๆไหลออกมา ลืมตาขึ้น เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า พูดเบาๆว่า
“เมื่อสามปีก่อน คุณน่าจะปล่อยให้ฉันตายไปเลยน่าจะดีกว่า” กะพริบตา น้ำตาไหลซึม
ตายแล้ว ก็ไม่ต้องถูกกดลงบนเตียงผ่าตัด เอาไตไป “คุณจะต้องไม่เข้าใจ รับรู้ส่วนหนึ่งของร่างกาย ตอนถูกคนอื่นเอาออกไปจากร่างกายของตัวเองโดยมีสติอยู่ ความรู้สึกนั้น แย่กว่าการสูญเสียก็คือมีสติตั้งแต่ต้นจนจบรับรู้ทุกอย่าง
คุณไม่เข้าใจ อยู่ในสถานที่แบบนั้น ท้องฟ้าที่มองผ่านหน้าต่างเหล็กเล็กๆนั้นเป็นอย่างไร คุณไม่เข้าใจชีวิตสามปีในหนึ่งพันกว่าวันนั้น มันยากแค่ไหน คุณร็ว่าถ้าไม่เชื่อฟัง ก็จะวินาทีนั้นที่ถูกถอดเสื้อผ้าแล้วมัดไว้…..” อยู่ข้างๆโถชักโครกเธอหวังว่าจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอดซะดีกว่า……..เจี่ยนถงสำลัก ไม่ได้พูดต่อไป เพราะพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว!
จะให้เธอพูดอย่างไร!
ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี!
จะให้เธอบอกคนที่อยู่ตรงหน้าที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่เหมือนตายพูดกับผู้กระทำผิดในสถานการณ์ที่น่าอายและเจ็บปวดนี้ได้อย่างไร
แล้วเธออยากให้เขาพูดอะไร?
ขอโทษ?
หรือว่า…….สมน้ำหน้า?
“เสิ่นซิวจิ่น” เธอแสร้งทำต่อไปไม่ไหวแล้ว ทุกๆคำเรียก“ประธานเสิ่น”นั้น ไม่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกความเกลียดชังที่สับสนต่อผู้ชายตรงหน้าได้ “เสิ่นซิวจิ่น คุณจะไม่ให้ฉันเกลียดคุณได้อย่างไร”
หลับตา น้ำตาที่เหือดแห้งในปีนั้น จู่ๆก็กลับมา น้ำตาที่สะสมมาหลายปี เหมือนไม่ต้องการเงิน เธอหลับตา น้ำตาไหลอาบหน้า เธอไม่สามารถควบคุมน้ำตานั้นไว้ได้
ไหลเลย ไหลเลย ไหลให้มันแห้งไปเลย อดทนมากพอแล้ว ไม่ทนแล้ว “เสิ่นซิวจิ่น!เสิ่นซิวจิ่น!เสิ่นซิวจิ่น!” เสียบหยาบนั้น ดื่มจนปวดใจ เรียกชื่อเขาอย่างหดหู่ ไม่มีอย่างอื่น ความรักและความเกลียด ความสุขและความทุกข์ทั้งหมด ความคิดถึงและความกลัว ไม่ต้องการการร้องเรียนอะไรเลย “เสิ่นซิวจิ่น” สามคำนั้น เพียงพอที่จะครอบคลุมทุกสิ่ง และมีเพียงสามคำนี้ท่ามารถพูดถึงครึ่งแรกของชีวิตของเจี่ยนถงได้
“เสิ่นซิวจิ่นเสิ่นซิวจิ่นเสิ่นซิวจิ่น…….” ฝนนอกหน้าต่าง เสียงในบ้าน…….ความเศร้าโศกและความเจ็บปวดในอากาศความขุ่นเคืองและความเกลียดชัง เพียงแค่ความรักในตอนนั้น ยังคงเหลือสักเท่าไหร่
ความเจ็บปวดของชายคนนั้น บาดเจ็บขึ้นอีก ความเสียใจมันทำให้ใจสลาย