บทที่ 16 ไม่ใช่ที่สุดของความอัปยศอด
“ฉัน…” เธออ้าปากเพราะคิดจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณ เสิ่นซิวจิ่นที่อยู่ในมุมมืดยกมุมปากอย่างเงียบๆ…เขาจะพูดว่า…แท้ที่จริงแล้วคุณหนูเจี่ยนผู้หยิ่งทระนงคนนี้ไม่สามารถละทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองและทนกับความอัปยศอดสูได้
“ฉันเก็บเงินที่อยู่บนพื้นภายในหนึ่งนาทีได้จริงหรือ? เงินพวกนี้จะเป็นของฉันใช่ไหม? และถ้าฉันทำได้ คุณจะให้เพิ่มอีกห้าหมื่นใช่ไหม?”
เจี่ยนถงพูดคำว่า “ไม่” ต่อจากคำว่า“ฉัน” ออกมาแบบนั้นไม่ได้ ตรงหน้าเธอได้ปรากฏภาพตอนที่อยู่ในคุกอีกครั้ง เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่ดีต่อเธอ เธอโหยหาความฝันในขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยหัวใจที่ต่อสู้อยู่กับเวลา เจี่ยนถงก็เปลี่ยนแผนกะทันหัน…ศักดิ์ศรี? เธอยังเหลืออยู่หรือ?
ตอนนี้เจี่ยนถงไม่เหลืออะไรอีกแล้วไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว ญาติ เพื่อน หรือความสัมพันธ์อื่นๆ เธอเหลือแค่เธอตัวคนเดียว
แล้วยัง…จะมีศักดิ์ศรีอะไรกัน!
เหล่าคุณชายทั้งหลายต่างพากันหัวเราะ “แน่นอน ฉันพูดแล้วก็ตามนั้น” เขาเหลือบมองผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นตัวตลกคนนั้นที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูถูก
“ตกลง” เสียงแหบนั้นไม่น่าฟังเอามาก โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครฟังออกถึงความเศร้าเสียใจที่ซ่อนอยู่ในเสียงนั้น เจี่ยนถงคลานอยู่บนพื้นต่อหน้าทุกคน แต่ละคนต่างหัวเราะชี้นิ้วมาที่เธออย่างชอบใจ “คุณชายลี่ ดูนั่น เหมือนหมาโง่ๆที่นายเลี้ยงที่บ้านไหม?”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มตัวโตคนนั้นที่โยนเงินให้เจี่ยนถงพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “นายตาบอดหรือไง? เจ้าRokeของฉันมันเป็นหมาตัวผู้ต่างหากล่ะ”
“อ้อ อ้อ อ้อ ใช่ๆ” คนคนนั้นยิ้มและหัวเราะอย่างสมเพช “Rokeของนายเป็นหมาตัวผู้ งั้นนี่ก็เป็นแค่หมาตัวเมียสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นครั้งเเล้วครั้งเล่า เจี่ยนถงกัดริมฝีปากแน่นและหยิบเงินขึ้นมาจากพื้นอย่างหมดหวัง เงินโปรยลงมาจากอากาศและกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง เจี่ยนถงต้องคลายตัวและเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถเก็บเงินที่ตกอยู่ไปทั่วได้
เจี่ยนถง ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องสนใจ!
เจี่ยนถง พวกนี้นับเป็นอะไร? เมื่อเทียบกับทุกสิ่งที่เคยเผชิญอยู่ในคุก เธอควรจะขอบคุณคุณชายพวกนี้ที่พวกเขาเมตตาให้เธอเสียด้วยซ้ำ!
เจี่ยนถง ชีวิตเธอไร้ค่า ศักดิ์ศรีของเธอจะมีค่าเท่าเงินอย่างงั้นหรือ?
เจี่ยนถง เธอจำไว้ เธอติดหนี้ชีวิตเด็กผู้หญิงคนนั้นที่มีความฝันเอ๋อร์ไห่!
เจี่ยนถง ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรเเล้ว เธอเหลือเพียงแค่ตัวเธอเอง ในเมื่อเป็นอย่างงั้นก็จงใช้ชีวิตทั้งหมดเพื่อตอบแทนผู้บริสุทธิ์ที่สละชีวิตปกป้องเธอ! ไปทำตามความฝันเอ๋อร์ไห่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นให้เป็นจริงซะ!
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของโลกภายนอกดังกระทบเข้ามาในหู เธอกัดฟันตัวเองไว้แน่น เจ็บจนไม่ยอมไม่ปล่อย
ธนบัตรสีชมพูอีกไม่กี่ใบร่วงลงตรงหน้าเท้าคู่หนึ่ง เจี่ยนถงคลานไปหยิบโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มตัวโตคนนั้นที่พวกเพื่อนๆของเขาเรียกเขาว่า “คุณชายลี่”ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง “เฮ้! ยัยหมาตัวเมีย กระดิกหางด้วยสิ ไม่กระดิกหางก็ไม่ต้องเอาเงินไป”
ร่างกายเจี่ยนถงสั่นเทา เธอจับธนบัตรที่อยู่ในมือจนแน่นราวกับกำลังจะเจาะธนบัตรพวกนั้นด้วยเนื้อมือตัวเอง
มีคนตะโกนขึ้นมา “กระดิกเร็ว!”
“กระดิกสิ ยัยหมาตัวเมียรีบกระดิกหางสิโว้ย!”
“เฮ้ ยัยหมาตัวเมีย เธอไม่อยากได้เงินเเล้วหรือไง?” คุณชายลี่พูดออกมา
เงิน!…เจี่ยนถงมองเงินที่อยู่ในมือ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วส่ายสะโพกช้าๆอยู่บนพื้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ “โอ้ยย ฉันไม่ไหวแล้ว! หัวเราะจนท้องแข็งไปหมดแล้ว!”
“คิกคิกคิก ฉันก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ฉันเที่ยวไปจนทั่วทั้งเหนือทั้งใต้ ทั้งที่ตระการตามาจนหมดแล้ว เจอผู้หญิงมาทุกรูปแบบ แต่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงินแบบนี้ฉันเพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นครั้งแรก ฮ่าฮ่าฮ่า ได้เปิดโลกจริงๆ!”
“คุณชายเสิ่น หมาตัวเมียกำลังกระดิกหางมาทางคุณแน่ะ?” คุณชายลี่พูดด้วยความมุ่งร้าย “คุณจะไม่ให้รางวัลเธอหน่อยหรือ?”
คุณชายเสิ่น!เสิ่น……ซิวจิ่น?
ทันใดนั้นการเต้นของหัวใจของเจี่ยนถงก็หยุดลง! เธอตัวแข็งอยู่กับที่และไม่ยอมเงยหน้าขึ้น…สายตานี้ทำให้เธอหน้าซีด!
เสิ่นซิวจิ่นนั่งเงียบๆบนโซฟา แสงสลัวทำให้เขาดูแพงและเย็นชามากขึ้น
สายตาเสิ่นซิวจิ่นมองไปที่ใบหน้าของเจี่ยนถงและพูดอยู่แค่สี่คำ “เธอมันชั้นต่ำ”
เจี่ยนถงกัดฟันอย่างเอาเป็นเอาตาย ลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ถ้าไม่ใช่เพราะการแต่งหน้าแบบตัวตลกที่หนาเตอะ ตอนนี้หน้าคงขาวซีดเหมือนศพไปเเล้ว
โชคดี…ที่การแต่งหน้าเป็นตัวตลกแบบนี้ช่วยซ่อนความน่าเกลียดไว้ได้
ผ่านไปสักพัก…
ภายใต้การจ้องมองของเสิ่นซิวจิ่น เจี่ยนถงก็ค่อยๆฉีกยิ้มที่ยอดเยี่ยมออกมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ขอบคุณคุณเสิ่นสำหรับรางวัล” ไม่มีใครมองออกว่าประโยคนี้แทบทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงไปทั้งตัวจากการกัดฟัน
เขาด่าเธอว่าต่ำ เธอขอบคุณเขาที่ให้รางวัล…นี่ไม่ใช่ความหยิ่งยโสที่เคยสูงเสียดฟ้าแห่งเมืองเมืองหมิงจูอีกต่อไป ยังเป็นกุหลาบที่เคยทระนงในศักดิ์ศรีอยู่อีกหรือไม่
เจี่ยนถงสูดหายใจและเงยหน้าไปทางคุณชายลี่คนนั้น “คุณชายลี่ ฉันเก็บเงินทั้งหมดบนพื้นมาหมดแล้ว นี่ถือว่าเป็นไปตามที่คุณชายลี่พูดหรือไม่?” คุณชายลี่โบกมืออย่างกล้าหาญ เจี่ยนถงเตรียมจะลุกขึ้น ทว่าคุณชายลี่คนนั้นกลับห้ามเจี่ยนถงไม่ให้เธอลุก “อย่าเพิ่งรีบลุกสิ”
ในขณะที่พูด เขาก็เดินไปที่โต๊ะคริสทัลและถือเหล้าไว้แก้วหนึ่ง
“ก่อนจะเอาเงินไป ฉันอยากจะเชิญเธอดื่มสักแก้ว”
เขาส่งวิสกี้แก้วหนึ่งให้เจี่ยนถงตรงหน้า เจี่ยนถงยังคลานสี่ขาอยู่บนพื้นโดยไม่ได้ลุกขึ้น
“ฉันไม่…”
เจี่ยนถงกำลังจะบอกปฏิเสธ จู่ๆก็มีเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมา “เหล้าชั้นดีย่อมคู่ควรกับหญิงงาม มันคงน่าเสียดายถ้าให้เธอดื่มมัน”
เป็นเสิ่นซิวจิ่น!
เจี่ยนถงหลุบตาลงเพื่อปกปิดความขมขื่นที่อยู่นัยน์ตา
เสิ่นซิวจิ่น คุณจะต้องให้ฉันอับอายให้ได้ใช่ไหม คุณถึงจะพอใจ?
“คุณชายเสิ่นกำลังบอกว่าเธอไม่สวยงั้นหรือ?” คุณชายลี่แปลกใจ “ผมไม่เชื่อ ในตงหวงจะมีคนอัปลักษณ์ได้อย่างไร?”
พอพูดเสร็จก็ลอบมองใบหน้าเจี่ยนถง แต่ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าเจี่ยนถงถูกตกแต่งเป็นตัวตลกอย่างหนาเตอะ จึงทำให้บดบังใบหน้าที่แท้จริง
“ไม่เชื่อ?” เสิ่นซิวจิ่นกระตุกมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้สายตามองไปยังใบหน้าเจี่ยนถง “ไปล้างออก” เขาพูดช้าๆอย่างขี้เกียจจะใส่ใจ
เจี่ยนถงกำลังจะลุกขึ้น
“คลานไป” คุณชายลี่พูดอยู่อีกด้าน
ใบหน้าเธอกลับมาซีดขาวอีกครั้ง เจี่ยนถงกำหมัดอยู่กับพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย…ทนไว้! เจี่ยนถง! จะเป็นอะไรไป? นี่ยังไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิตในคุกตลอดสามปีที่ผ่านมา!
แน่นอนว่าเธอคลานไปห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนั้นอย่างเชื่อฟัง เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอาง เธอจึงทำได้แค่เพียงใช้เจลทำความสะอาดมือล้างเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าออก และแน่นอนว่ามันไม่ได้สะอาดเท่าการใช้คลีนซิ่งออยล์ แต่มันก็เพียงพอที่จะเห็นใบหน้ารูปไข่อันผอมแห้งของเธอ
พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เปิดประตู…
“ฉันชินกับการเห็นเธอคลานกับพื้น พอเห็นเธอเดินแบบนี้มันดูไม่คุ้นเอาซะเลย” คุณชายลี่หรี่ตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าประตู “เธอบอกมาซิว่าจะทำอย่างไร?”
เจี่ยนถงค่อยๆย่อตัวลงและคลานสี่ขาอยู่กับพื้น เธอคลานอย่างเชื่องช้า เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอคลานอยู่นานพักใหญ่ ตอนนี้ใบหน้าเธอเริ่มเผยให้เห็นความเจ็บปวด
แม้จะเจ็บปวดรวดร้าวแต่เธอกลับซ่อนเอาไว้อย่างเข้มแข็ง…เธอบอกว่าไม่ต้องการศักดิ์ศรี เธอไม่มีศักดิ์ เธอไม่สนใจศักดิ์ศรี แต่โดยจิตใต้สำนึกแล้ว เธอยอมทนกับความเจ็บปวดที่ผู้ชายไม่สามารถทนได้ ต่อให้เจ็บเจียนตายก็ไม่ยอมร้องออกมา
————