เจี่ยนถงมองฟ้า ฝนใกล้จะตกแล้ว
เธอลุกขึ้นและหันหลังเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ
พ่อบ้านเซี่ยไม่กล้าเชื่อ ว่าเจี่ยนถงก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ ภายใต้สายตาของเขา
แน่นอนว่าเขาสามารถตามเซ้าซี้เธอได้ แต่เมื่อตอนเช้า คำพูดของคนที่เขาปรนนิบัติมาทั้งชีวิต ยังคงวนเวียนอยู่ข้างหู
สีหน้าของพ่อบ้านเซี่ยเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
คุณชายปกป้องเธอ โดยบอกว่าถ้าเขาไม่สามารถปฏิบัติกับเจี่ยนถงด้วยความสุภาพและเยือกเย็น คุณชายจะส่งเขากลับไปอยู่กับคุณท่าน และจะให้เงินเงินก้อนโตกับเขา
แต่ถึงแม้เงินจะเยอะสักเท่าไร มันสามารถซื้อชีวิตลูกสาวของเขากลับมาได้ไหม
คุณชายกลับปกป้องผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้!
เมื่อเจี่ยนถงกลับมาถึงห้อง ความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่เหมือนโดนคนจ้องตลอดเวลา ถึงจะหายไป
เมื่อเข้ามาในห้อง เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
เธอมองไปทั่วห้อง……รู้สึกยากที่จะจินตนาการ ว่าชีวิตต่อจากนี้จะทรมานอย่างไร
ความขัดแย้งระหว่างเธอกับพ่อของเซี่ยเวยเหมิงในวันนี้ คำพูดในวันนี้ไม่ได้คลายความค้างคาใจ
เธอส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดที่สับสนวุ่นวายออกจากหัว……
……
ฟ้าค่อยๆ มืดลง ในห้องอาหารคฤหาสน์ตระกูลเสิ่น บนโต๊ะอาหารมีผู้หญิงคนหนึ่งกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ
มองสีสันที่อยู่ตรงหน้า อาหารหอมกรุ่น แต่เธอกลับไม่รู้สึกอยากทานอาหาร
เธอฝืนทานข้าวเข้าไปสองคำ ชิ้นเนื้อถูกคีบด้วยตะเกียบมาวางไว้ในถ้วยของเธอ
เมื่อเธอเห็นเนื้อมาอยู่ในถ้วย เจี่ยนถงไม่ปฏิเสธอะไร
แต่ทว่าเมื่อเธอใช้ตะเกียบคีบข้าวขึ้นมาทาน ไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงชิ้นเนื้อชิ้นนั้น
เมื่อชายที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น ตะเกียบถูกยื่นออกไปที่ถ้วยของเธออีกครั้ง ชิ้นเนื้อชิ้นนั้นถูกคีบขึ้นมาจ่อที่ปากของเธอ “กิน”
เจี่ยนถงมองเนื้อที่ตะเกียบ เธอรู้สึกมวนท้อง บวกกับสายตากดดันที่มองมา ภายใต้สายตาที่ดุดัน เธอจึงจำใจค่อยๆ อ้าปากกัดชิ้นเนื้อเข้าปาก
เธอเคี้ยวชิ้นเนื้อสองครั้ง มันยังไม่ทันละเอียด เธอแทบอยากจะกลืนมันลงไปทั้งชิ้น
“ฉันไม่ถือสาที่จะเคี้ยวเนื้อแล้วใช้ปากป้อนให้เธอนะ” น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่อเจี่ยนถงได้ยิน วินาทีนั้นเธอเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อทันที
เนื้อที่เธอกำลังจะกลืนลงท้องไปทั้งชิ้น ติดอยู่ที่คอหอย เธอไม่กล้ากลืนมันลงไปทั้งชิ้น เพราะไม่อยากท้าทายความอดทนของชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
กรามที่แข็งทื่อค่อยๆ เริ่มขยับบดชิ้นเนื้อที่อยู่ในปาก
พ่อบ้านนำซุปที่ถ้วยสุดท้ายมาเสิร์ฟ เขาทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยการตักซุปใส่ในถ้วยเล็กและส่งให้เสิ่นซิวจิ่นเป็นคนแรก จากนั้นจึงเตรียมที่จะตักซุปอีกถ้วยให้เจี่ยนถง
“เดี๋ยว” น้ำเสียงราบเรียบของชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้น เสิ่นซิวจิ่นหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก นิ้วมือยาวยื่นออกมาแย่งถ้วยซุปที่อยู่ในมือของพ่อบ้านเซี่ย
“เธอไม่ทานต้นหอม” เสียงทุ้มพูดขึ้น แต่ในมือกลับวุ่นอยู่กับการเอาต้นหอมออกจากถ้วยซุป พลางพูดกำชับพ่อบ้านเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
“ต่อไปไม่ต้องใส่ต้นหอมในอาหารอีก”
ในถ้วยซุปไม่มีต้นหอมอีกแล้ว เขาเขี่ยมันออกจนไม่เหลือแม้แต่เงาของต้นหอม จากนั้นจึงดันถ้วยซุปไปตรงหน้าเจี่ยนถง และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ดูให้แล้ว เขี่ยต้นหอมออกจนเกลี้ยง กินให้หมด”
บนโลกใบนี้คงมีเพียงเสิ่นซิวจิ่นเพียงคนเดียว ที่สามารถพูดคำที่แสดงความใส่ใจให้เหมือนกับคำสั่ง
พ่อบ้านเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ขบกรามแน่น มือที่ไพล่อยู่ข้างหลังข้างหนึ่งกำขึ้นจนแน่น
ขนาดเรื่องละเอียดอ่อนขนาดนี้ยังจำได้เป็นอย่างดี!
แล้ว……เวยเหมิงล่ะ?
เวยเหมิงคืออะไร?
ในใจของคุณชาย……ยังมีเวยเหมิงอยู่ไหม?
ถ้าแม้แต่คุณชายยังลืมเวยเหมิง……งั้นเวยเหมิงไม่น่าสงสารมากเลยเหรอ
ไม่ ไม่ได้!……แววตาของพ่อบ้านเซี่ยฉายแววเยือกเย็น เขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด!
ต้องลงมือให้เร็ว!