เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่ก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างมันสงบ แต่มันกลับสงบจนทำให้เจี่ยนถงรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ตั้งแต่คนเอาแต่ใจอย่างเสิ่นซิวจิ่นพาเธอมาอยู่ในตระกูลเสิ่น เธอก็เอาแต่กินๆ นอนๆ ในสายตาของคนอื่น เขาปฏิบัติกับเธออย่างไร้ข้อกังขาใด
ถ้าขืนเป็นคนอื่นคงจะซาบซึ้งตื้นตันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่การที่เขาทำเช่นนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
เวลาที่เธออาบน้ำ เขาชอบเข้ามานั่งที่ข้างเตียงในห้องนอนของเธอ เขามักจะอ่านหนังสือภายใต้แสงไฟที่หัวเตียง เมื่อเธอออกมา เขาก็ลุกขึ้นมาเป่าผมให้เธออย่างเป็นธรรมชาติ เขายืนอยู่ข้างหลังเธอ นิ้วมือของเขาสอดเข้ามาที่ผมดำเงาของเธอ
ตอนเช้าตรู่ เขายังชอบบีบยาสีฟันให้เธอตอนแปรงฟันอีกด้วย
เขามักจะจูบเธออย่างเอาแต่ใจอีกด้วย
ยังมีเรื่องราวแบบคู่รักอีกมากมาย
แต่ทว่ากลับไม่มีเรื่องที่คู่รักควรทำนั่นก็คือการนอนเตียงเดียวกัน พวกเขาแยกห้องกันนอนมาโดยตลอด
แต่ทุกครั้งที่เขาแสดงให้เธอเห็นถึงความห่วงใยที่มีเพียงคู่รักหรือคู่รักเท่านั้นที่ทำได้ เจี่ยนถงอยากจะหัวเราะออกมา
ตอนนี้เสียงของเครื่องเป่าผมยังดังอยู่ข้างหูของเธอ มันเป็นเหมือนทุกคืน เจี่ยนถงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ผมของเธอเปียกชื้น อากาศค่อยๆ เย็นขึ้น…..เธอก้มมองชุดที่สวมอยู่บนตัว เสื้อคลุมชุดนอนตัวหนาสีชมพูห่อหุ้มอยู่บนตัวเธอ……เสื้อคลุมชุดนอนชุดนี้ คนที่อยู่ด้านหลังเธอเป็นคนซื้อมาให้เมื่อวาน
แน่นอนว่าชุดทำออกมาด้วยความประณีต คิดว่าราคาคงจะ ‘ประณีตไม่น้อย’ แต่เขาคิดยังไง ทำไมถึงคิดว่าเธอชอบสีชมพู
ได้ยินเสียงเครื่องเป่าผมดังอยู่ข้างหูเป็นระยะ เธอรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ บนศีรษะ จู่ๆ หญิงสาวก็ก้มหน้าลงชิดอก เธอหัวเราะอย่างขมขื่น มันเป็นการหัวเราะที่ไร้เสียง น้ำตาคลออยู่ที่ในตา……มันน่าขำมากไม่ใช่เหรอ!
นี่มันอะไรกันแน่?
“แห้งแล้ว” เธอเอ่ยปากพูดเสียงเบา จิตใต้สำนึกปฏิเสธการดูแลและทุกการกระทำของเขา
ตอนที่พูดว่า “แห้งแล้ว” เจี่ยนถงเบี่ยงศีรษะออกเล็กน้อย ชายที่อยู่ด้านหลังจ้องเขม็ง……การกระทำที่ไม่เป็นธรรมชาติของเธอ บอกถึงความคิดที่อยู่ในใจลึกๆ ของเธอแล้ว
นี่เธอ…..กำลังปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าใกล้ใช่ไหม
ผิดหวัง
ทรมาน
อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วอย่างยากที่จะอธิบายออกมา
เขากำลังเสียใจกับอะไร มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงกดปิดสวิตช์เครื่องเป่าผมและวางมันลง
มีเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นบนเตียง เขาหันไปมอง วินาทีต่อมาเขาจึงยื่นมือออกมาหวังที่จะจับผู้หญิงที่กำลังจะขยับไปอีกด้านของเตียง
“เราแต่งงานกันเถอะ”
จู่ๆ ชายหนุ่มพูดขึ้นมา โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ส่วนเจี่ยนถงก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง เธอมองความว่างเปล่าตรงหน้า วินาทีนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงหลอนหู
จากนั้น มือที่อยู่ข้างหลังก็มาทาบบนไหล่ของเธอ
บรรยากาศมันเงียบไปหมด เงียบจนทำให้เจี่ยนถงรู้สึกเย็นยะเยือก
เธอรู้สึกสั่น สั่นเหมือนกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาในตัว เธอสั่นไปทั้งตัว
ผ่านไปนาน เธอยังไม่หันกลับมาและยังคงมองความว่างเปล่าตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ฉันมันก็แค่ฆาตกร ไม่คู่ควรกับคนมีชื่อเสียงอย่างคุณเสิ่นหรอก”
พูดจบ เธอก็รีบคลุมเสื้อและล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็ว เธอดึงผ้านวมที่อยู่อีกด้านมาคลุมตัวและนอนหันหลังให้ชายที่อยู่ข้างหลัง ไหล่ของเธอถูกปิดด้วยผ้าห่ม ศีรษะของเธอโผล่ออกมานอกผ้าห่มเพียงครึ่งศีรษะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยว่าเธอกำลังปฏิเสธ
มือของชายหนุ่มที่อยู่ข้างเตียงชะงักอยู่กลางอากาศ เขาหรี่ตามองแผ่นหลังของผู้หญิงบนเตียง “เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่ได้ทำร้ายเซี่ยเวยเหมิง ถ้าฉันบอกว่าฉันเชื่อเธอล่ะ”
เป็นครั้งแรกที่คนหยิ่งยโสอย่างเสิ่นซิวจิ่นลดความยโสของตัวเองลง!
ดวงตาดำขลับของเขายังคงจ้องแผ่นหลังที่อยู่บนเตียง
เขากำลังรอคอย
ภายในแววตาอันดำขลับฉายแววตึงเครียดอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่ ฉันทำให้เซี่ยเวยเหมิงต้องตาย ฉันเป็นฆาตกร” เธอยังไม่พลิกตัวกลับมาและหันหลังพูดกับเขา ดวงตาอันว่างเปล่าจ้องความว่างเปล่า แต่ทว่าน้ำตาของเธอกลับไหลออกมาโดยที่ชายหนุ่มมองไม่เห็น……เธอเม้มปากสะกดกลั้นความสะอื้นเอาไว้ ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่มีทางให้เขาได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ!
เธอเม้มปากสะกดกลั้นเสียงร้องไห้อย่างเงียบๆ….. สายไปแล้ว มันสายไปแล้ว! ความเชื่อใจของนาย มันไม่มีค่าอะไรเลย!