“เป็นไปไม่ได้ เจ้าตระกูลใหญ่ไม่มีความจำเป็นที่จะ…”
“ฉันประมาทเอง” เขามองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมพูดอย่างนิ่งๆ เสิ่นเอ้อสั่นไปทั้งตัว ไหล่หนักอึ้ง…Bossแน่ใจแล้วว่าเรื่องนี้เจ้าตระกูลใหญ่เป็นคนทำ
“Boss ทบทวนดีๆ เรื่องนี้เบื้องลึกต้องมีอะไรที่พวกเรายังไม่รู้อีกแน่ๆ ได้โปรดให้เวลาผมอีกเดือนหนึ่ง ผมต้องคิดหาหนทางหาเบาะแสออกมาได้แน่!” เสิ่นเอ้อคุกเข่าลงทันทีพร้อมพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ตระกูลเสิ่นมีบุญคุณต่อเขา ถ้าเป็นเพราะรายงานฉบับนี้ของเขา ไม่สามารถลบล้างความผิดให้คุณเจี่ยนได้ แถมยังทำให้คนในตระกูลเสิ่นขัดแย้งกันภายในอีก เขาเสิ่นเอ้อรู้สึกเจ็บปวด!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นซิวจิ่นก็หันหน้ากลับมานิ่งๆ ปรายตากวาดมองทางเสิ่นเอ้อที่คุกเข่าคลาน มองทะลุไปความคิดของเสิ่นเอ้อ พร้อมยิ้มเบาๆ “ฉันให้นายไปแอบสืบเรื่องเมื่อสามปีก่อน แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เสิ่นเอ้อ นายยังคิดอยู่เหรอว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้?”
นิ้วมือนั้นเคาะไปที่กองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ สายตาเยือกเย็นนั้นหรี่ลง “เกรงว่าตั้งแต่ตอนที่นายเริ่มปฏิบัติการ ก็ตกอยู่ในสายตาของคนอื่นเรียบร้อยแล้ว ลองมองดูที่’หลักฐาน’พวกนี้ที่ทำมาได้อย่างแนบเนียนนี้” เพียงแต่ ทำไมคุณปู่ถึงตัดสินใจทำแบบนี้เมื่อสามปีก่อน?
นี่เป็นเรื่องที่เสิ่นซิวจิ่นยังไม่อยากเข้าใจในตอนนี้
ถ้าจะพูด จริงๆเมื่อสามปีที่แล้วเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้เขากังวลใจเป็นอย่างมาก การแข่งขันกันเอง แต่นี่ก็เป็นเรื่องของตระกูลเสิ่นเอง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณปู่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลากเด็กสาวที่ตอนนั้นเพิ่งจะอายุยี่สิบมาเป็นเป้ารับกระสุนเลย
“นายออกไปเถอะ” เสิ่นซิวจิ่นยกมือขึ้นโบกเป็นสัญญาณให้เสิ่นเอ้อออกไป
เสิ่นเอ้ออยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ดูเหมือนว่าถูกนัยน์ตาดำขลับที่จ้องมองอยู่นั้นมองทะลุความคิดเขาแล้ว “เสิ่นเอ้อ ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แผนการเล็กๆง่ายๆระหว่างผู้หญิงสองคน”
“แต่คุณเจี่ยน…”
“ฉันจะแต่งงานกับเธอ”
เสิ่นเอ้อนิ่งไป แล้วตาสองข้างก็เปิดกว้างทันทีพร้อมกะพริบตาปริบ…Bossบอกว่าจะทำอะไรนะ?
“ถ้าเกิดว่าเป็นคุณท่านจริงๆ…งั้นคุณท่านจะให้คุณเจี่ยนเข้าตระกูลเสิ่นเหรอ?”
“ฉันจะแต่งงานกับเธอ จะดูแลปกป้องเธอไปตลอดชีวิต” ตอนที่เสิ่นซิวจิ่นพูดประโยคนี้ ไม่ได้กัดฟันพูด แต่ก็ไม่ได้มีแววตาของความอ่อนโยนหรือความรัก แต่เสิ่นเอ้อเชื่อว่าชายตรงหน้าเขานั้น ไม่ใช่คนประเภทที่จะพูดอะไรออกมาเฉยๆ
เขาก็คิดถึงคนที่เมื่อก่อนวิ่งตามBossไปทุกที่ เธอคนนั้นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังBossมาเสมอ ไม่รู้ว่าควรยินดีกับคุณเจี่ยนไหม สนใจแทนว่าเธอจะมีชีวิตที่ดี หรือเจ็บปวดใจแทนเธอดี คำมั่นสัญญาเมื่อครู่นี้อาจจะกลายเป็นลมพายุที่คอยพัดทำลายโลกของเธออย่างช้าๆ
เมื่อเสิ่นเอ้อออกมาจากห้องหนังสือ เขาก็ยังไม่สามารถสงบอารมณ์ได้
แค่หวังว่าหญิงที่น่าสงสารคนนี้ จะสิ้นสุดความลำบากตั้งแต่นี้ไป และจากนี้ไปจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้เหมือนเช่นกับอยู่ในโลกของเทพนิยาย
เสิ่นซิวจิ่นเวลานี้ไม่ได้รีบร้อน เกี่ยวกับเรื่องที่คุณปู่ลงมือทำเมื่อสามปีก่อน ในใจเขาแทบจะมั่นใจแล้ว
แต่เรื่องคุณปู่ทำไมต้องเป็นกับเจี่ยนถงเขาหยุดคิดไม่ได้ เสิ่นซิวจิ่นคิดหาเหตุผลต่างๆมากมาย คิดยังไงก็หาปมของเรื่องไม่เจอ
หากจะบอกว่าเจี่ยนถงมีอะไรที่เหนือกว่า ใช่ มี ความขยันและความอดทนของเธอรวมทั้งการยอมก้มหน้าทำทุกอย่าง ในแวดวงสังคมหรูหราไฮโซนี้แม้กระทั่งผู้ชายก็คงไม่มีใครเทียบเธอได้
ความดีเลิศของเธอนั้น ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย
ถ้าหากจะพูดว่าคุณปู่กลัวเธอจะโดดเด่นเกินไป กลัวว่าจะเป็นหินขวางทางของกระกูลเสิ่น…ก็ดูไม่สมเหตุสมผลเลย
ถ้าหากจะพูดว่าเกี่ยวกับการแข่งขันเมื่อสามปีก่อนนั้น ก็ยิ่งไม่สมเหตุสมผลเข้าไปใหญ่ ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเจี่ยน ตอนที่ท่านแก่เจี่ยนยังมีชีวิตอยู่นั้นจริงๆแล้วก็มีความสำคัญอยู่ แต่ในตอนนั้นท่านแก่เจี่ยนตายไปแล้ว การแข่งขันกันนั้น ตระกูลเจี่ยนไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมด้วยและไม่มีทางที่จะทำอะไรได้
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้โง่ คงไม่โง่เดินเข้าไปที่นั่นเพื่อถามคุณปู่ ว่าทำไม
เขายกมือขึ้นมองเวลา ก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือตรงไปยังห้องนอน พร้อมผลักประตูเข้าไป “เย็นนี้ไปร่วมงานเลี้ยงธุรกิจการค้ากับฉัน”
“ไม่ไป” ในห้องนอน เธอนั่งเงียบๆอยู่หน้าหน้าต่าง ดูหน้าต่างที่ตอนนี้ติดตั้งลูกกรงกันขโมยไว้แล้ว ทะลุกระจกออกไปมองท้องฟ้า พอได้ยินเสียงของเขาก็หันหน้ามาตอบนิ่งๆ
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ”
เขาพูดเสียงต่ำ พูดนิ่งๆอย่างไร้อารมณ์
เธอที่หันหลังใส่เขา มุมปากก็ยกขึ้นอย่างยียวน “ในเมื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉัน ประธานเสิ่นก็ไม่จำเป็นต้องมาประกาศให้ฉันรู้นี่?” คล้ายกันกับเขา
หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกกักขังไว้ในคฤหาสน์นี้ ออกไปไม่ได้ เหมือนนกคีรีบูนที่ถูกคุมขัง
หน้าต่างทุกบานในคฤหาสน์นี้ ติดตั้งลูกกรงเสร็จทั้งหมดภายในสองวัน…ลูกกรง สำหรับป้องกันใคร