Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 185 เมื่อฝันสลาย

การไปทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้ของเสิ่นซิวจิ่น เขาไม่ได้ไปคนเดียว เขายังพาไป๋ยู่สิงไปด้วย

เดิมทีไป๋ยู่สิงเป็นลูกชายของตระกูลไป๋ ตอนนั้นเพื่อที่จะเรียนหมอ เขามักจะดื้อกับพ่อของเขาตลอด ปกติไป๋ยู่สิงดูเป็นคนอบอุ่น แต่ถ้าเขาเอาจริงขึ้นมา แม่แต่พ่อของเขาก็ยังปวดหัว

พ่อของเขาเปลี่ยนความคิดของไป๋ยู่สิงไม่ได้ เขาจึงยอมถอยออกมา บอกว่าเมื่อตระกูลไป๋ต้องการไป๋ยู่สิง ไป๋ยู่สิงจะต้องช่วยเหลือตระกูลให้ถึงที่สุด

นี่ก็ถึงเวลาแล้วที่ไป๋ยู่สิงจะได้ช่วยเหลือตระกูล ตระกูลเสิ่นกับตระกูลไป๋มีความร่วมมือกันมาตลอด การไปประเทศอังกฤษครั้งนี้สำคัญมาก ไม่อย่างนั้น คนสำคัญทั้งสองคนของเสิ่นซื่อกรุ๊ปและไป๋ซื่อกรุ๊ปอย่างเสิ่นซิวจิ่นและไป๋ยู่สิงก็คงจะไม่มาพร้อมกัน

“ยากที่จะรับมือ” หลังจากได้เจอกับอีกฝ่ายแล้ว ไป๋ยู่สิงที่ใส่ชุดโค้ทตัวใหญ่กับเสิ่นซิวจิ่นที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงิน ทั้งสองคนพูดคุยกันพร้อมกับเดินออกมาจากประตู

เสิ่นซิวจิ่นยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา: “ไปเถอะ ไปกินข้าวก่อน”

ทั้งสองคนหาร้านอาหารตะวันตกใกล้ๆที่บรรยากาศค่อนข้างสบายๆ หลังจากนั่งลงแล้ว พวกเขาก็สั่งอาหารง่ายๆสองชุด ในขณะที่รออาหาร เสิ่นซิวจิ่นโบกมือไปข้างหลัง เสิ่นยีก็เดินเข้ามา

“สองสามวันนี้คอยจับตาดูสมิธคนนั้นเอาไว้ ดูว่าเขาไปเจอใครบ้าง”

ในขณะที่เสิ่นซิวจิ่นพูดออกมาแบบนี้ ไป๋ยู่สิงก็นึกขึ้นมาได้ “นายหมายถึง……ในบริษัทสาขาย่อยนี้ มีคนแอบทุบโต๊ะของเรา?”

เสิ่นซิวจิ่นโบกมือให้กับเสิ่นยีอีกครั้ง “ไปเถอะ”

จากนั้นเขาก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?” เขากวาดตามองไป๋ยู่สิง “เราสองคนพึ่งจะมาถึงสนามบินเมื่อวาน วันนี้นัดเจอกับสมิธ แต่อีกฝ่ายกลับทำตัวเหมือนว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเราจะทำอะไร?

สิ่งที่ฉันคิดได้ก็คือ บริษัทย่อยที่นี่มีหนอนบ่อนไส้ และยังมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร” พึ่งจะมาถึงสนามบินเมื่อวานและยังไม่ได้พัก โทรหาผู้บริหารของบริษัททันที จัดประชุมผู้บริหารระดับสูงแล้วก็วางแผนในชั่วข้ามคืน แต่วันนี้ตอนที่เจอกับอีกฝ่าย พวกเขาไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด ทำตัวเหมือนว่าจะต้องชนะแน่นอน แสดงว่าพวกเขาต้องรู้รายละเอียดมาก่อนแล้ว

“ข้อห้ามของการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายก็คือ การที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้รายละเอียด”

ไป๋ยู่สิงทำสีหน้าเคร่งขรึม

“ไม่มีวิธีการไหนที่จะป้องกันขโมยได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะหลีกเลี่ยงผู้บริหารตำแหน่งสูงของบริษัท นายกับฉันวางแผนใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการรั่วไหลครั้งนี้ ทำให้เรื่องราวกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่กำจัดหนอนบ่อนไส้ตัวนี้ มันก็จะระเบิดได้ตลอดเวลา”

ไป๋ยู่สิงเข้าใจดี “เราจะอยู่ที่ประเทศอังกฤษนานไม่ได้ ถ้าบริษัทย่อยที่นี่ยังคงมีหนอนบ่อนไส้ซ่อนตัวอยู่ ระเบิดลูกนี้มันอาจจะระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ มันจะส่งผลกระทบต่อสำนักงานใหญ่ ถึงตอนนั้น ตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วน ทรัพยากรของ วอลล์สตรีทก็จะถือโอกาสเข้ามาแทรกแซง หลายฝ่ายร่วมมือกัน รับผู้ประกอบกิจการทรัพย์สินเข้ามาทำเรื่องของบริษัท พวกเขาถนัดทางด้านนี้”

ตอนแรก ไป๋ยู่สิงก็แค่คาดเดาเท่านั้น แต่ยิ่งคาดเดาก็ยิ่งพูดมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนไป เขาค่อยๆมีสีหน้าที่เคร่งขรึม เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เคร่งขรึมมาก……สุดท้าย สีหน้าของเขาก็ตึงเครียด เขาตัวแข็งทื่อ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมา สายตาที่เย็นชามองไปที่เสิ่นซิวจิ่นที่อยู่ข้าม

“ซื้อตัวผู้บริหารตำแหน่งสูงภายใน ให้พวกเขาเป็นสายลับ ขายข่าวสำคัญๆให้ตัวเอง สุดท้ายปัญหาเล็กๆที่ไม่สำคัญจู่ๆก็ขยายใหญ่ขึ้น ความไม่สงบภายในทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความวุ่นวาย คราวนี้ค่อยให้ปล่อยให้สื่อเข้ามาแทรกแซง……ผลที่ตามมาไม่อาจจะจินตนาการได้!

เมื่อสื่อเข้ามาแทรกแซง ปัญหาก็จะขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทรัพยากรของฝั่งตะวันตกก็จะถือโอกาสเข้ามาแทรกแซงตอนนี้……ธุรกิจที่ดีๆก็จะล้มละลายในชั่วข้ามคืน……วิธีนี้ ทำไมถึงได้คุ้นขนาดนี้? อาซิว……ใครกันที่กล้าเล็งเป้ามาที่ตระกูลเสิ่น?”

“ใช่ พวกเขาเริ่มลงมือแล้ว” ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายที่อยู่ตรงข้าม เขาไม่โมโหแล้วก็ไม่เคร่งขรึม

“อาซิว นายจริงจังหน่อย!” ไป๋ยู่สิงร้อนรน: “แล้วพวกเขาคือใคร?”

“ฉันไม่รู้”

ในตอนนี้ อาหารมาเสิร์ฟพอดี ไป๋ยู่สิงมองดูชายตรงข้ามที่เริ่มกินอาหารอย่างไม่อยากจะเชื่อ มาถึงขนาดนี้แล้ว เจอเรื่องแบบนี้แล้ว นามสกุลเสิ่นคนนี้ยังมีอารมณ์กิน!

“ทำไมนายยังมีอารมณ์กินข้าวอีก!”

“นิ่งไว้” เสิ่นซิวจิ่นเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไป๋ยู่สิง: “นายใจร้อนเกินไป”

“นาย!” นายไม่ใจร้อน นายเสิ่น นายเก่งจังเลยนะ!

“กินข้าว กินอิ่มแล้วจะได้มีแรงเล่นกับแมว”

ไป๋ยู่สิงได้ยินแบบนี้ ทันใดนั้นความกังวลในใจของเขาก็หายไปทันที สงบสติอารมณ์……วิธีของนามสกุลเสิ่นคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เขากังวลอะไร?

นามสกุลเสิ่นคนนี้พูดแบบนี้ก็แสดงว่าเขามีวิธีแล้ว

……

ในขณะเดียวกัน

เมืองS

เจี่ยนถงถือโอกาสตอนที่ไม่มีคน เธอแอบเข้าไปในห้องหนังสือของเสิ่นซิวจิ่น

พลิกกล่องพลิกตู้เสื้อพัก

สายตาของเธอเต็มไปด้วยความร้อนรน

ทำไมไม่มี?

เอาไปวางไว้ที่ไหน?

ในตู้หนังสือ ในลิ้นชัก ที่ที่หาได้ก็หาหมดแล้ว เอาไปวางไว้ที่ไหนกันแน่?

“คุณนาย คุณกำลังหาอะไรอยู่”

พ่อบ้านหวังยืนเงียบๆอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือราวกับวิญญาณ

หนังสือที่ถืออยู่ในมือของเจี่ยนถง….ตกลงบนพื้น!

เธอรีบหันกลับมาด้วยความตกใจและยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “พ่อบ้านหวัง……คุณตั้งแต่มาเมื่อไหร่?ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู”

“กฎที่สิบเจ็ดของการเป็นพ่อบ้าน มือไม้ต้องเบา ไม่ส่งเสียงดัง” พ่อบ้านหวังยืนเงียบๆอยู่ที่ประตู ดวงตาของเขาไม่ขยับไปไหน จ้องมองไปที่เจี่ยนถง: “คุณนาย คุณยังไม่ได้บอกผมว่าดึกขนาดนี้แล้วคุณมาหาอะไรในห้องหนังสือของคุณชาย”

“ฉัน……ฉัน……” เธอกลืนน้ำลาย กวาดตาไปที่ตู้หนังสือ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาบนหัว “ฉันนอนไม่หลับ มาหาหนังสืออ่าน”

พ่อบ้านยืนอยู่ที่ประตู หรี่ตาลงแล้วถามอย่างใจเย็น: “คุณนายหาหนังสือที่ต้องการเจอแล้วหรือยังครับ?”

“หา หาเจอแล้ว” เจี่ยนถงยิ้มแห้งและชี้ไปที่พื้น: “เล่มนี้”

พ่อบ้านหวังเดินเข้ามา ยืนอยู่หน้าเจี่ยนถงประมาณครึ่งเมตร “คุณนาย ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับไปห้องนอนดีกว่า”

“โอเค โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เธอรีบหันกลับไปด้วยความตื่นตระหนก เดินออกไปจากห้องหนังสือ เดินผ่านหลังของพ่อบ้านหวังไปเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก……ในที่สุดเธอก็รอดออกมาได้

กำลังจะเดินเข้าไปในห้องโถง……

“คุณนาย หนังสือของคุณ ลืมหยิบไปด้วยหรือเปล่า?”

เจี่ยนถงหยุดเดินทันที จนเธอเกือบจะสะดุดล้ม แต่โชคที่ที่เธอไม่ล้มแค่สะดุดนิดหน่อย เธอหันหน้าไปมองหนังสือที่พ่อบ้านหวังหยิบขึ้นมาจากพื้นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รอยยิ้มของเธอไม่เป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเดิม :

“ขอบ ขอบคุณนะ”

เดินสองสามก้าวเข้าไปหยิบหนังสือแล้วเดินออกไป

พ่อบ้านก็เดินมาที่ห้องโถง มองดูแผ่นหลังของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าที่รีบเดินไปอย่างกระวนกระวาย มองจนแผ่นหลังนั้นลับไปจากสายตา

ในขณะเดียวกันก็ส่งข้อความข้ามไปอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร:

“สิบนาทีก่อน คุณนายเข้าไปที่ห้องหนังสือของคุณ คุณนายบอกว่ามาหาหนังสือ ตอนที่รีบออกไปก็ลืมหยิบหนังสือที่เธอต้องการอ่านไปด้วย”

ดวงตาสีดำของคนที่ได้รับข้อความก็ลึกซึ้งขึ้นทันที เขาจ้องมองไปที่ข้อความอยู่นาน รูม่านตาสีดำค่อยๆหดตัวและขยายออก ราวกับเจ้าของของมัน ใจของเขาตอนนี้กำลังปั่นป่วน!

ไป๋ยู่สิงเห็นว่าเขาผิดปกติไป “เกิดอะไรขึ้น?”

เห็นว่าเขาจ้องไปที่โทรศัพท์อย่างเหม่อลอย “ข้อความของใคร?”

อีกฝ่ายยังคงไม่ขยับไปไหน และตอนที่ไป๋ยู่สิงจะยื่นมือออกไปคว้าโทรศัพท์มา ทันใดนั้น เสิ่นซิวจิ่นก็ลืมตาขึ้น มองหน้าของไป๋ยู่สิงและพูดออกมาอย่างยากลำบาก “นายคิดว่านิสัยของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปขนาดนั้น เป็นเพราะเธอยอมแล้วจริงๆเหรอ? นายคิดว่าคนคนหนึ่งจะสามารถชดใช้ความผิดในอดีตได้จริงๆเหรอ สามารถแก้ไขความผิดได้จริงๆเหรอ?”

คนแรกที่พูดถึงหมายถึงเจี่ยนถง คนที่สองที่พูดถึงหมายถึงตัวเขาเอง

“สุดท้าย ฉันก็โกหกตัวเอง” เธอเกลียดเขาขนาดนั้น ถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าเขา จู่ๆจะเปลี่ยนไปขนาดนั้นได้ยังไง เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างสงบ?

มันก็เป็นแค่ความฝันที่เขาไม่ยอมตื่น เป็นแค่ความฝันที่หลอกตัวเองก็เท่านั้น

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset