ซูเมิ่งมองออกว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร แต่ทำไมเสิ่นซิวจิ่นถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?
มันเป็นเพียงแค่การหลอกลวงตัวเองเท่านั้น การหลอกลวงที่ทำให้แตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็ปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันหอมหวาน
“อาซิว ผิดพลาดไปแล้ว ก็คือผิดพลาดไปแล้ว” น้อยมากที่ไป๋ยู่สิงจะพูดเรื่องของเจี่ยนถงกับเสิ่นซิวจิ่นด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้ “นายควรจะยอมแพ้ได้แล้ว”
ลมหายใจของอีกฝ่ายเริ่มหนักขึ้น เห็นได้ชัดว่า เขากำลังรู้สึกทุกข์ทรมาน และกำลังต่อสู้กับมัน
“ยู่สิงนายรู้ไหม?”ไป๋ยู่สิง มองชายที่อยู่ตรงหน้า เขากำลังยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบด้วยแขนที่สั่นเทา ไม่รู้ว่าเขาสัมผัสได้ถึงรสชาติของกาแฟบ้างรึเปล่า แต่ท่าทางแบบนั้นของเขา ก็ทำให้ไป๋ยู่สิง รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มตรงหน้าวางแก้วกาแฟที่อยู่ในมือลงและเริ่มพูดออกมา
“ทุกครั้งหลังจากที่เรามีอะไรกัน เธอมักจะกินยาคุมกำเนิดเสมอ และเธอก็บอกว่ามันเป็นวิตามิน”เสิ่นซิวจิ่นหัวเราะออกมาอย่างนึกสมเพช “แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ในขวดยานั่นมันเป็นวิตามินจริงๆ ”
ก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนเปลี่ยนยาคุมกำเนิดในขวดยานั่นเอง ฉันได้จ้างวานให้ใครบางคน ทำเม็ดยานั่นขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว โดยการทำ “วิตามิน” ให้มีรูปแบบและรสชาติที่ใกล้เคียงกับยาคุมกำเนิดมากที่สุด
ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่า ขวดยานั่นมันไม่ใช่ยาคุมกำเนิดอย่างที่เธอคิด และหลังจากนั้นทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน ตอนที่ฉันเห็นเธอเอายาในขวดนั่นออกมากิน ในใจของฉัน มันก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานอีกแล้ว
แต่ตรงนี้ต่างหาก ที่มันทุกข์ทรมาน
เสิ่นซิวจิ่นยกกำปั้นขึ้นมาทุบที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา เมื่อจู่ๆ เสิ่นซิวจิ่นเงยหน้าขึ้นไป๋ยู่สิง ก็สะดุ้งตกใจ “นาย…” ความเกลียดชังที่ฝังลึกแบบนี้ของเสิ่นซิวจิ่นเขาจะยอมแพ้มันได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ? ยังไม่ต้องไปพูดถึงคนอื่นเลย เพราะไป๋ยู่สิง ก็เป็นคนแรกที่ไม่อยากจะเชื่อมันเลยสักนิด
“ตอนนี้นายบอกให้ฉันยอมแพ้..แต่ตรงนี้”เสิ่นซิวจิ่นทุบมือลงไปบนอกข้างซ้ายของตัวเองอีกครั้ง “มันยังรู้สึกทุกข์ทรมานอยู่เลย”
ริมฝีปากบางของไป๋ยู่สิง ขยับปิดออก จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าซุปไก่พิษทำให้ชีวิตของเขาสว่างไสว และคำพูดพวกนั้น มันก็ดูจะบางเบามากเหลือเกิน
การที่ผู้ชายอย่างเสิ่นซิวจิ่นมีความรู้สึกหดหู่และบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ ปากก็เอาแต่พล่ามคำพูดที่ขมขื่นแบบนี้ออกมา…ไป๋ยู่สิงจึงยื่นมือออกไปตบที่ไหล่ของอีกฝ่าย “ถ้าทำผิดทั้งแต่ครั้งแรก ครั้งต่อๆ ไปมันก็จะผิดตามไปด้วย ในตอนนั้นที่นายส่งเธอเข้าคุก นายเคยคิดไหมว่าจะมีวันนี้?” แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดที่ไม่ควรพูด แต่เขาก็ต้องพูดมันออกไป “อาซิว รักคือเธอรักก่อน ผิดคือนายผิดก่อน และเกลียดคือเธอเกลียดก่อน ในวันนี้เธอถอยแล้ว นายก็ควรที่จะยอมแพ้ และปล่อยเธอไป เพราะนี่คือสิ่งที่นายเป็นหนี้เธอ”
เสิ่นซิวจิ่นยกมือขึ้นไปปัดมือของไป๋ยู่สิงที่วางอยู่บนไหล่เขาออก “นายออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว”
ริมฝีปากของไป๋ยู่สิง เปิดออกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ เขายืนขึ้น และมองหาพนักงานในร้าน เขาเรียกผู้จัดการร้านมา จากนั้นก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าทั้งหมดวางไว้บนบาร์ โดยที่ไม่นับเลยแม้แต่น้อย ” เท่านี้พอไหม?”
เงินวางอยู่บนบาร์ปึกหนึ่ง และมันก็ถูกแลกเป็นสกุลเงินต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว จำนวนของมันเยอะมากๆ มากพอที่จะเหมาร้านได้ทั้งวัน ผู้จัดการร้านจึงเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นเงินจำนวนนั้น หลังจากนั้นเขาก็จัดการเก็บกวาดร้าน และถึงแม้ว่าร้านจะมีลูกค้าไม่มาก แต่มันก็ไม่ได้ขาดทุนแต่อย่าง
“เงินนี้มันมากพอสำหรับทำความสะอาด รวมทั้งพนักงานด้วยครับ”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ทุกคนก็พากันเดินออกไป ตอนนี้จึงเหลือชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะในร้านขนาดใหญ่
เสียงเพลงที่ไพเราะ บรรยากาศสบายๆ ภายในร้านว่างเปล่า และผู้ชายที่กำลังดิ้นรนและทุกข์ทรมาน
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และสิ่งที่ไป๋ยู่สิง เห็นก็คือ เสิ่นซิวจิ่นกำลังนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ และใช้มือกุมหน้าผากของตัวเองเอาไว้ และเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน
ไป๋ยู่สิงยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างกระจกด้านนอกร้าน เขายกข้อมือของตัวเองขึ้นมาดูเวลาเป็นครั้งที่ห้าแล้ว
“สองชั่วโมง”เสิ่นซิวจิ่นขังตัวเองไว้ในร้านที่ตัวเองไม่รู้จัก เป็นเวลาสองชั่วโมง โดยไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวไปไหน
ไป๋ยู่สิงมองตรงไปที่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในร้าน และยังคงนั่งนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ ” นี่เสิ่นซิวจิ่นเสิ่นซิวจิ่นถ้านายยังไม่ยอมขยับ ฉันก็คิดว่านายหลับไปแล้วนะ”
เขาพึมพำกับตัวเองออกมาด้วยน้ำเพียงแผ่วเบาอยู่ที่หน้ากระจก แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆ ดวงตาของไป๋ยู่สิงก็เปล่งประกายขึ้นมา เขากลับหลังหันและเดินไปที่ประตูหน้าร้าน และประตูร้านก็ถูกผลักออกมาพอดี
“พี่ใหญ่ ในที่สุดนายก็ออกมาแล้ว”
ไป๋ยู่สิงยื่นมือออกไปวางที่ไหล่ของเสิ่นซิวจิ่นอย่างถือดี “เฮ้ อีกเดี๋ยวเราจะไปไหนกันดี?” เขาอยากจะทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
“สำนักงานสาขา”
“……หา?”
ราวกับว่าเสิ่นซิวจิ่นถูกทุบตีด้วยเลือดไก่อย่างนั้น และเขาก็เหมือนกับเสือดาวที่น่ารังเกียจ เขามองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาเย็นชา “เราจะไปกำจัดแมลงพวกนั้นกัน เราจะได้กลับบ้านเร็วๆ “
“…งั้น”ไป๋ยู่สิง รู้จักนิสัยของเสิ่นซิวจิ่นดี เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเสิ่นซิวจิ่นใจของเขาก็สั่นขึ้นมา “งั้น เธอล่ะ?”
แล้วเธอล่ะ?
“เธอ” ที่เขาพูดมาหมายถึงใคร ไม่ต้องอธิบาย พวกเขาทั้งสองคนก็เข้าใจ
พวกแมลงเหล่านั้น พวกเขาต้องกำจัดมันให้เร็วที่สุด
แล้วเธอล่ะ?
เรื่องของเธอ พวกเขาจะทำยังไงดี?
ไป๋ยู่สิงกลัวความคิดของเสิ่นซิวจิ่นจริงๆ และนั่นมันจะทำให้ทั้งสองคนตกอยู่ในความเจ็บปวดที่ไม่รู้จบ
เมื่อเอ่ยถึง “เธอ” นัยน์ตาของชายผู้นั้นก็แสดงความเย็นชา และความลังเลออกมา แต่ก็ปรากฏออกมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น… หลังจากที่พวกเขาจัดการกับปัญหาทั้งหมดที่นี่ได้ พวกเขากำจัดหนอนบ่อนไส้ในบริษัท ได้สัญญากลับมา จนกระทั่งขึ้นเครื่องบิน และกลับไปที่เมือง Sเสิ่นซิวจิ่นก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเรื่องนี้กับไป๋ยู่สิงแต่อย่างใด