บทที่ 19 การแพร่สะพัดของข่าวลือ
วันรุ่งขึ้น
เมื่อเจี่ยนถงเพิ่งมาถึงที่ตงหวงได้ไม่นาน เธอก็รู้สึกแปลกๆที่คนรอบๆตัวต่างจับกลุ่มซุบซิบนินทาแล้วชี้มาที่เธอ
เจี่ยนถงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก บางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นแค่แม่บ้านทำความสะอาดคนหนึ่ง แล้วจู่ๆก็จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์แบบนี้จึงให้คนอื่นๆวิพากษ์วิจารณ์เธอได้
แต่พอเข้ามาในห้องพักรับรองของฝ่ายประชาสัมพันธ์ เธอจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเธอไร้เดียงสาเกินไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า หมาตัวเมียมาแล้ว” จู่ๆก็มีเสียงเหน็บแนมดังขึ้นมา เจี่ยนถงหน้าซีด ในขณะเดียวกันคนที่ชี้หน้าด่าเธอว่าเป็น “หมาตัวเมีย” ก็คือลู่น่าเจ้าหญิงประจำห้อง 606 ซึ่งเธอเองก็รู้จัก
“พี่ลู่น่า พี่อย่าพูดเสียงดังแบบนี้สิ ทุกคนไม่ได้ตาบอดเสียหน่อยถึงจะไม่เห็นนังหมาตัวเมียเข้ามาแล้ว”
ลู่น่าหัวเราะ “พวกเธอยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง นังผู้หญิงคนนี้สวมชุดตัวตลกแล้วยังแต่งหน้าอย่างกับผี พอคุณชายลี่คนนั้นสั่งให้เธอคลานเก็บเงินบนพื้น เธอก็คลาน ให้เธอกระดิกหาง เธอก็กระดิก พอฉันเห็นภาพนั้นก็ตกใจตาตั้งอยู่นานแน่ะ!”
ตู้ม! เลือดไหลย้อนไปทั่วร่าง!
เจี่ยนถงกะพริบตา ใครปิดไฟ? ทำไมมันมืดขนาดนี้?…ในสายตาคนที่อยู่รอบข้าง เจี่ยนถงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติงด้วยใบหน้าหวาดกลัว แต่กลับไม่รู้ว่าความหวาดกลัวที่ปรากฏอยู่บนหน้าเธอนั้นเป็นเพราะดวงตาเธอมืดมิดไปหมดแล้ว
ดวงตาของเธอสูญเสียแสงในช่วงเวลาสั้นๆ แต่หูของเธอกลับมีประสาทไวกว่า เสียงหัวเราะของพวกผู้หญิงนั้นดังไปทั่วห้อง เป็นเสียงที่น่าอัปยศอดสู แต่ละคำดังลอยเข้ามาในหูเธอ
สักพักเธอก็เกิดความคิดที่ว่า “ตายเสียดีกว่า” ทว่าใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความหวังของเด็กสาวที่อยู่ในคุกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง
ไม่…จะตายแบบนี้ได้อย่างไร?
ชีวิตของเธอเป็นของเด็กสาวที่เสียชีวิตแทนเธอ
ก่อนที่แสงนัยน์ตาจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เจี่ยนถงที่เหมือนตุ๊กตาดินเผาไร้อารมณ์ก็ยอมให้คนเหล่านั้นชี้นิ้วดูถูกและใช้ถ้อยคำหยาบคายมารังแกเธอโดยที่เธอไม่โต้กลับแม้แต่คำเดียว
เมื่อลู่น่าเห็นท่าทีของเธอที่เป็นแบบนี้ก็นึกโมโห เธอเดินเข้ามาแล้วผลักเจี่ยนถง “เสแสร้งอะไรอีก! เป็นแค่โสเภณีก็อย่าทำตัวสูงส่งนักเลย! ทีเมื่อวานตอนที่เธอส่ายตูดขายให้พวกผู้ชายพวกนั้นก็ไม่เห็นทำตัวสูงส่งแบบนี้เลยนี่!” ลู่น่าไม่พอใจเหยียดเท้าออกไปเตะเจี่ยนถง
เดิมทีเจี่ยนถงก็มีปัญหาที่ข้อเท้าอยู่แล้ว เธอจึงไม่มีแรงต้านลู่น่าที่สวมรองเท้าส้นสูงเตะเธอด้วยความรุนแรง ทันทีที่โดนเตะเธอก็ร่วงลงไปกับพื้น
“ลู่น่า ใจเย็นๆหน่อย เธอเตะคนร่วงลงไปกับพื้นได้ยังไง” มีคนเอ่ยปากขึ้นมา ต่อให้ด่ายังไงก็ด่าได้แค่ปาก ไม่กระทบถึงคนกระทำ
ลู่น่าให้เหตุผล “ฉันไม่ได้ใช้แรงมากขนาดนั้นเสียหน่อย! ใครจะไปรู้ว่าเธอจะร่วงลงไปง่ายๆได้ขนาดนี้?” เธอพูดด้วยความเย็นชาและยื่นเท้าออกไปแตะเจี่ยนถงเหมือนเขี่ยขยะ “พอได้แล้ว ลุกขึ้นมาเถอะ เสแสร้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอคิดจะแสร้งเป็นดอกบัวขาวทั้งที่ตัวเองเป็นแค่ดอกชบาเนี่ยนะ”
หลังจากนั้นก็หันไปยิ้มร้ายๆกับพวกเพื่อนๆของเธอที่อยู่ด้านหลัง “ฉันเพิ่งเตะคนไปนอนกับพื้นหรือเนี่ย? ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ? ฉันไม่ได้เตะหมาหรอกเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…พี่ลู่น่าพูดถูก พี่ลู่น่าจะไปเตะคนแบบพร่ำเพรื่อได้อย่างไร พี่ลู่น่าเตะหมาต่างหาก”
“มานี่ ไหนหัดร้องเสียงหมาสักสองสามทีซิ”
“ไม่อย่างนั้นเธอก็กระดิกหางคลานสี่เท้าเหมือนในห้องนั้นแบบเมื่อวานนี้ไง? ถ้ากระดิกหางดี พวกเราก็จะให้รางวัล?”
คำพูดเหยียดหยามทุกประเภทประดังเข้ามาไม่หยุด เจี่ยนถงได้แต่ลุกขึ้นโดยใช้มือยันพื้นอย่างเงียบๆ
“ทำอะไรอยู่! ไม่ไปทำงานแล้วหรือไง?” จู่ๆประตูก็เปิดออก ซูเมิ่งไม่คิดเลยว่าพอเปิดประตูก็ต้องมาเห็นภาพนี้ เห็นได้ชัดว่าเจี่ยนถงผู้หญิงโง่คนนี้กำลังถูกรังแก ซูเมิ่งหันไปถลึงตาใส่พวกผู้หญิงเหล่านั้น “มารวมหัวกันอยู่ทำไมอีก! ไปทำงาน!”
ก่อนหน้านี้คนที่อยู่ภายในห้องเพิ่งจะทำหน้าหยิ่งจองหองไปอยู่หมาดๆ ตอนนี้แต่ละคนคอหดไปหมดแล้ว จากนั้นก็พากันออกจากห้องไป
วิธีการของพี่เมิ่งค่อนข้างรุนแรงเฉียบขาด พวกเธอเหล่านั้นไม่เคยพบเห็นมาก่อน และไม่มีใครอยากตกอยู่ในเงื้อมมือของพี่เมิ่ง
“เธอโง่หรือเปล่า? โดนคนรังแกแล้วทำไมไม่ด่ากลับ?” ซูเมิ่งเดินก้าวไปสองสามก้าวและรีบวิ่งไปพยุงตัวเจี่ยนถงขึ้นมา ในขณะที่ดึงตัวเจี่ยนถงขึ้นมา ความโกรธของเธอก็ยังไม่ลดลง
เธอไม่คุ้นชินกับการที่ต้องเห็นเจี่ยนถงโดนรังแก เพราะนับตั้งแต่เห็นร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของเจี่ยนถงและได้เห็นผู้หญิงโง่คนนี้ถูกพวกคุณชายเหล่านั้นรุมรังแก เธอก็ไม่เคยได้ยินเจี่ยนถงร้องออกมาสักคำ หรือแม้กระทั่งน้ำตาสักหยดก็ไม่มี นับตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ทิ้งกองธนบัตรไว้ให้เธอ ซูเมิ่งก็หมดหนทางทำให้ชีวิตของผู้หญิงโง่ๆที่ชื่อว่าเจี่ยนถงดีขึ้นได้
เจี่ยนถง…เหมือนเธอเมื่อก่อนมาก!
“พี่เมิ่ง มีงานหรือเปล่าคะ?”
ซูเมิ่งนิ่งไปสักพักและมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ความโกรธที่เคยมีอยู่ก็หายไปทั้งหมดโดยพลัน เธอสูดหายใจและพูดว่า “วันนี้ไปพักก่อนเถอะ ท่าทางเธอดูไม่ค่อยดี”
“ฉันสบายดีมาก”
ดีกับผีน่ะสิ!
ซูเมิ่งเกือบจะด่าด้วยคำหยาบคาย
เธอจึงเปลี่ยนคำพูด “มันไม่มีงานแล้วต่างหากล่ะ ”
“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะรออยู่ที่นี่” เจี่ยนถงพูดต่อ “พี่เมิ่ง ถ้ามีงานก็รีบแจ้งฉันมาได้เลย แม้ว่ารูปร่างหน้าตาฉันจะไม่ค่อยดี แต่ฉันเต็มใจทำ งานหนักงานสกปรก หรืองานรับแขกที่คนอื่นไม่เต็มใจทำ เอามาให้ฉันทำก็ได้ ฉันขอแค่ไม่ดื่มเหล้า” เจี่ยนถงไม่เคยมีความคิดจะขายตัว เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุดเมื่อมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้
“เธอนี่…ช่างเถอะ แล้วแต่ละกัน” ซูเมิ่งส่ายหัวแล้วเดินออกจากแผนก
วันนี้เธอไม่มีแผนจะจัดงานให้เจี่ยนถง
แต่กลับไม่คิดเลยว่า…
พอเจี่ยนถงออกมาจากห้องน้ำที่ชั้นสามก็ถูกคนจับตัวเข้าไปในห้องห้องหนึ่งบนชั้นสาม
“เอ่อ ประธานจู นี่ก็คือเจี่ยนถงที่ฉันพูดถึง”
เจี่ยนถงมองเจินเจินที่กำลังส่งยิ้มให้กับชายหัวล้านวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เจินเจิน เจี่ยนถงรู้จักเธอ เธอก็คือนางแบบสาวที่จูบเซียวเหิงอย่างร้อนแรงตรงทางบันได
“เจี่ยนถงมานี่สิ ประธานจูบอกว่าจะเชิญเธอดื่มเหล้าน่ะ”
เจี่ยนถงส่ายหน้า “ฉันแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ”
เจินเจินลดใบหน้าลงและพูดว่า “เจี่ยนถง เธอกล้าปฏิเสธประธานจูเหรอ เธอกำลังดูถูกประธานจูใช่ไหม?”
เจี่ยนถงแอบปรายตามองประธานจู และแน่นอนว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีนัก
เจี่ยนถงทำได้เพียงพูดอย่างฝืนใจ “ประธานจู ฉันแพ้แอลกอฮอล์จริงๆค่ะ มีครั้งหนึ่งก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้า…ดื่มเหล้าเข้าไปอีก ร่างกายฉันจะรับไม่ไหว มันจะทำให้ประธานจูเที่ยวตงหวงไม่สนุกเสียเปล่าๆนะคะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด แม้ว่าประธานจูจะมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เขาก็ไม่ได้ร้องขอให้เธอดื่มอีก อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไป
“งั้นเธอทำอะไรได้บ้าง?”
“ฉัน…”เจี่ยนถงกำลังพูด แต่เจินเจินกลับแย่งพูดก่อน “ประธานจู ให้เธอร้องเพลงให้ฟังดีกว่าไหมคะ? น้ำเสียงหยาบกระด้างของเธอจะต้องน่าสนใจมากแน่ๆ”
เส้นเสียงของเจี่ยนถงโดนตัดออกไปตั้งแต่อยู่ในคุก เสียงของเธอจึงหยาบกระด้างและไม่น่าฟังเท่าไหร่ โดยปกติแล้วเธอไม่ชอบพูด แต่ถ้าพูดก็จะพยายามกดเสียงเอาไว้และพูดเพียงสั้นๆ
“เสียงของเธอไม่น่าฟังเสียขนาดนั้น จะร้องเพลงเพราะได้อย่างไร?”
“ประธานจู…” เจินเจินนั่งบนตักประธานจูและพูดว่า “ประธานจู คุณจะไปฟังเพลงเพราะๆจากที่ไหนก็ได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือต้องเป็นเสียงร้องเหมือนฆ้องแตกสิถึงจะน่าสนใจ คุณปล่อยให้เธอร้องเพลงไปเถอะค่ะ ถ้าเสียงของเธอไม่เป็นที่น่าพอใจ พวกเราก็ใช้ที่อุดหูอุดหูซะ”
“เสียงของเธอแย่ขนาดนี้ แล้วยังจะให้เธอร้องเพลงอีกเหรอ?” ประธานจูพูด
“ก็เพราะเสียงมันแย่ไงล่ะคะ ฉันก็เลยอยากจะลองฟังดูบ้างว่าเสียงแหบๆของเธอจะแย่ไปกว่านี้อีกไหม?” ในขณะที่พูดก้อนกลมๆท่อนบนก็พิงบนแขนประธานจู “อื้อ ประธานจู ได้ไหมคะ? ได้ไหม?”
————