Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 189 โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ

มีสามสิ่งที่จำเป็น!

สิ่งแรกก็คือ ความจริงในตอนนั้น

ส่วนสองคือ พวกเขาต้องมีลูกด้วยกัน

และสามก็คือ ภายในคฤหาสน์ที่เคร่งครัดแห่งนี้จะมีใครที่มีโอกาสเอาขวดยา “วิตามิน” นั่นไปให้เธอได้บ้างล่ะ

และดูเหมือนว่าคำตอบจะปรากฏออกมาแล้ว

“คุณออกไปเถอะ” ตรงหน้าเสิ่นซิวจิ่นมีชายแก่คนหนึ่งยืนอยู่ และเมื่อเทียบกับคนแก่คนอื่นๆ ในวัยนี้ ชายแก่คนนี้สวมเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์มาก รวมไปถึงคำพูดและการกระทำ

และนี่ก็เป็นสิ่งที่สมาชิกในครอบครัวใหญ่จะต้องเรียนรู้คำพูดและการกระทำเจ้านาย

ชายแก่ขมวดคิ้วมุ่น “ท่านครับ ตระกูลเสิ่นไม่เพียงแต่จะเป็นเจ้านายของตระกูลเซี่ยของเราแล้ว แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนตระกูลเซี่ยของเรามาหลายชั่วอายุคนด้วย และนั่นก็สามารถพูดได้ว่า คนในตระกูลเสิ่น เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเซี่ยของเรา”

นายออกคำสั่ง แต่ทาสกลับไม่เชื่อฟัง

“แต่ก่อนที่ฉันจะไป คุณชาย ก็ควรจะบอกเหตุผลกับผมสักหน่อยว่า ทำไมคุณชาย ถึงบอกให้ ผมย้ายออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ใช่เหรอครับ? “

เขาไม่ได้พูดถึงเหตุผลเลยแม้แต่น้อย และเสิ่นซิวจิ่นก็ไม่ได้โกรธอะไรเลยด้วย แต่พ่อบ้านเซี่ยกลับไม่ยอมรับฟัง

ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยัน “เพราะอะไรอย่างนั้นเหรอ?พ่อบ้านเซี่ยไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพราะอะไร?” แสงประกายเยือกเย็นในดวงตาของเขาพลันหายวับไป “ผมคิดไม่ถึงเลยนะว่า ภายในสวนหลังบ้านของตัวเองที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจะมีปีศาจร้ายแอบแฝงอยู่ด้วย”

“พ่อบ้านเซี่ย ผมควรจะขอบคุณคุณใช่ไหม ที่คุณไม่ได้เอายาพิษให้เธอ แต่ให้แค่ยาคุมกำเนิด? “

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของพ่อบ้านเซี่ย ก็เต้นแรงขึ้น ในจิตใต้สำนึกของเขากำลังพร่ำบอกว่าเขามันเป็นคนสารเลว…และสิ่งที่เขาต้องการจะบอกก็คือ ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นให้กำเนิดลูกหลานของตระกูลเสิ่น

เขาแค่พูดว่า อะไรเป็นสิ่งที่ เวยเหมิงไม่สามารถทำได้ ไอ้คนสารเลวนี่ ทำไมถึงมีดั่งน้ำนิ่งได้ขนาดนี้?

เธอเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์อย่างนั้นเหรอ?

และตอนนี้มันก็ยังยืนยันการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่ามันถูกต้องหรือไม่?

เธอตั้งใจจัดฉากให้เขาเข้าไป จากนั้นก็ฟ้องสามี…วิธีการของผู้หญิงคนนี้ เฉลียวฉลาดมากจริงๆ !

ใบหน้าที่แก่ชราราวกับไม้แกะสลักของพ่อบ้านเซี่ย มีชั้นของความโกรธปรากฏขึ้นมา และเมื่อเขาตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ เขาก็ก้มหน้าลง

“ผมไม่รู้ว่าคุณชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” แน่นอนว่าเขาไม่ยอมรับมัน

เสิ่นซิวจิ่นมองตรงไปที่ชายแก่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตา “ไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่ก็ตามพ่อบ้านเซี่ยคุณจะต้องย้ายออกไปจากคฤหาสน์ภายในวันนี้”

“คุณชาย!”

“คุณชาย!”

“อย่าให้ผมต้องพูดมาก”

พ่อบ้านเซี่ยพยายามที่จะเปิดปากพูดออกมาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ได้ครับ คุณชาย” มือของเขากำแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อ เส้นเลือดสีแดงถึงกับปูดโปนออกมา… แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่นที่มีทัศนคติที่หนักแน่นแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกไปพันครั้ง หรือแม้ว่าจะพูดด้วยความฉะฉานมากแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เขาอยู่กับเสิ่นซิวจิ่นมาหลายสิบปีแล้ว และเข้าใจว่าเจ้านายหนุ่มคนนี้ เข้ารับช่วงต่อจากนายใหญ่ของตระกูลเสิ่นตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะอย่างนั้นผู้ชายคนนี้จึงยากที่จะรับมือ และแน่นอนว่าเรื่องของเขาจะไม่ยอมให้ใครเอาไปพูดอย่างแน่นอน

ที่สวนภายในคฤหาสน์ ชายคนหนึ่งที่ยืนหลบอยู่ที่ลับตาคน กำลังยื่นของบางอย่างให้กับเสิ่นเอ้อ

ทั้งสองกระซิบกระซาบกันสองสามคำ เสิ่นเอ้อไม่ได้เปิดมันออกมาดูแต่อย่างใด เขารีบคว้าซองเอกสารสีน้ำตาลนั้นมา แล้วรีบวิ่งกลับไปด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม เขาวิ่งเขาไปทางห้องโถงใหญ่ ขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็วิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือ

พ่อบ้านเซี่ยที่กำลังเดินออกมาจากห้องหนังสือของเสิ่นซิวจิ่นก็บังเอิญชนเข้ากับเสิ่นเอ้อที่กำลังรีบร้อนอย่างจัง

ตุ้บ!

ซองเอกสารสีน้ำตาลที่อยู่ในมือของเขาตกลงไปบนพื้นด้วยความที่ปากถุงปิดไม่สนิท เมื่อมันตกลงไปกระทบกับพื้น เอกสารที่อยู่ในนั้นจึงกระจัดกระจายออกมาบนพื้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันขอโทษจริงๆ ให้ฉันช่วยเก็บนะ…” พ่อบ้านเซี่ยนั่งยองๆ ลงกับพื้น จากนั้นก็ยื่นซองกระดาษส่งไปให้คนตรงหน้า แต่จู่ๆ ใบหน้าที่แก่ชราของเขาก็เปลี่ยนสีในทันที

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้มองเห็นของที่อยู่ด้านใน มือของอีกฝ่ายก็คว้ามันเอาไว้ทันที “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ” มือข้างที่ถือซองกระดาษของเขา กำมันเอาไว้แน่นด้วยความกังวลใจ “พ่อบ้านเซี่ยคุณไปเถอะครับ ผมเก็บเองได้ไม่เป็นไร”

พ่อบ้านเซี่ยไม่อยากจะโต้เถียงกับเขาจึงได้แต่พยักหน้า และพูดออกไปว่า “ขอโทษนะ” หลังจากนั้นเขาก็หันหลัง และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้ออกไปจากอาคารทันที แต่กลับรีบไปที่ห้องน้ำชั้นหนึ่ง

พ่อบ้านหวังเรียกเขาเอาไว้ “ทำไมถึงรีบร้อนแบบนี้ล่ะ พ่อบ้านเซี่ยคุณเดินช้าลงหน่อยสิ”

“ผมปวดท้องน่ะ ทนไม่ไหวแล้ว”พ่อบ้านเซี่ยยิ้มออกมาอย่างขอโทษ เขากุมมือไว้ที่หน้าท้อง จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

และทันทีที่วิ่งเข้าไปห้องน้ำ เขาก็ล็อกประตูทันที “คลิก”

เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออกด้วยความกังวลใจ

“คุณท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”

ท่านแก่เสิ่นกำลังหยอกล้อเล่นกับนก เมื่อถูกรบกวนโดยสายที่โทรเข้ามา เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “รีบๆ พูดมา คุณก็อายุมากแล้ว แต่ทำไมคุณถึงไม่เรียนรู้ที่จะสงบเสงี่ยมบ้างล่ะ? ส่งเสียงดัง ตึงๆ ตังๆ ทำอย่างกับวัยรุ่นไปได้” หลังจากที่ให้บทเรียนไปยกหนึ่ง เขาก็เริ่มเข้าสู่ประเด็น โดยการถามออกไปว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ทางฝั่งของพ่อบ้านเซี่ย ปากของเขาที่เริ่มวิตกกังวล มันก็ระเบิดออกมา “คุณท่าน เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น คุณชาย สืบหามันเจอแล้วครับ!”

“เป็นไปไม่ได้ ฉันจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่าเขาจะเก่ง แต่เขาก็ยังแค่เป็นหลานชายของฉัน” ความหมายก็คือ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถและโดดเด่นมากเพียงใด แต่เสิ่นซิวจิ่นก็ไม่มีทางที่จะหนีไปจากฝ่ามือของปู่ของเขาได้หรอก…

“จริงๆ นะครับ! เมื่อกี้ผมเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือของเสิ่นเอ้อ เขารีบร้อนมาก ก็เลยเดินชนกับผมเข้าพอดี และเอกสารในซองนั้นก็หล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ผมบังเอิญหยิบมันขึ้นแผ่นหนึ่ง และก็เห็นว่ามันเป็นข้อมูลของเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น…เขาแย่งมันคืนไป ผมก็เลยรีบกวาดสายตาดูข้อมูลในนั้น

“แต่ผมกล้ารับประกันเลยว่า เอกสารในซองนั่น มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างแน่นอนครับ! “

และในตอนนี้ ชายชราที่ปลายสายก็ไม่สามารถอยู่นิ่งได้อีกต่อไป “ว่าไงนะ?”

“จริงสิ ตอนที่ผมกำลังเดินลงมาที่ชั้นล่าง เสิ่นเอ้อยังเก็บเอกสารที่พื้นอยู่ คุณท่าน คุณรีบคิดหาวิธีเถอะครับ! เอกสารนั่นจะให้ คุณชาย เห็นไม่ได้นะครับ คุณรีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!”

“โอเค! หยุดคร่ำครวญได้แล้ว!” ท่านแก่เสิ่นพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ส่วนเรื่องอื่น ฉันจะถามนายอีกที”

จากนั้นสายก็ถูกตัดไป

เสิ่นเอ้อที่กำลังเก็บเอกสารบนพื้น ก็เหลือบมองดูมันนิดหน่อย แต่ด้วยความที่เขาได้รับการปลูกฝังจรรยาบรรณวิชาชีพมาตั้งแต่เด็กๆ เขาจึงไม่ควรมองสิ่งของของเจ้านายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างเด็ดขาด

เขาเก็บเอกสารนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ใส่มันกลับเขาไปในซองเอกสาร แล้วเคาะประตู

“ก๊อก ก๊อก”

“เข้ามา”

เสิ่นเอ้อรีบเดินเข้าไปยืนข้างๆ เสิ่นซิวจิ่น“Boss มีจดหมายถึงคุณครับ”

เสิ่นซิวจิ่นเหลือบมองนิดหน่อย จากนั้นก็ยื่นมือออกมารับมัน เขาเปิดซองกระดาษออก แล้วดึงเอกสารที่อยู่ด้านในออกมา

เสียงโทรศัพท์ขึ้นเสิ่นซิวจิ่นขมวดคิ้วมุ่น เขาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ และตั้งใจที่จะไม่รับมัน

แต่เสียงโทรศัพท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

“Boss คุณท่านโทรมาครับ” เสิ่นเอ้อกล่าวเตือน

เสิ่นซิวจิ่นเม้มริมฝีปากแน่น วางเอกสารที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาและกดรับ เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่อยู่ปลายสาย สีหน้าของเสิ่นซิวจิ่นก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบยืนขึ้น สีหน้าของเขามันก็ดูแย่และเคร่งขรึมมาก

เขาชำเลืองตาไปมองที่ซองเอกสาร จากนั้นก็ดึงเอกสารออกมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับกัดฟัน เขาหยิบเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่ ถุงมือหนัง และผ้าพันคอที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้

“Boss เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“ไปเร็ว! คุณท่านเลือดออกในสมอง ตอนนี้อยู่ในอาการโคม่า และกำลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล”

เสิ่นซิวจิ่นออกจากห้องหนังสือ และเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นเอ้อเป็นคนขับรถ แต่จู่ๆ เสิ่นซิวจิ่นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็เรียกพ่อบ้านหวัง“พ่อบ้านหวัง ตอนที่ผมไม่อยู่ ฝากดูแลภรรยาของผมด้วย” เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอด เขาก็รีบขึ้นไปบนรถทันที “ไปเร็ว!”

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset