รถจี๊ปลัดเลาะไปตามทางบนภูเขา ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศภายในรถ แค่ลดกระจกรถลง ก็มีลมเย็นๆ โชยเข้ามาตลอดทาง
“ที่นี่เหรอ?” รถค่อยๆ จอดลง ชายหนุ่มในชุดลำลองที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังขมวดคิ้วเรียวสวย แล้วกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบ พึมพำในใจว่า ที่นี่มันห่างไกลไปหรือเปล่า?
ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่กว้างใหญ่มาก เกสต์เฮ้าส์ที่เรียบอยู่ตามชายฝั่งทะเลสาบเอ๋อร์ไห่มีเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่เลือกอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนฝั่งทะเลสาบเอ๋อร์ไห่กันทั้งนั้น ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนเยอะมากเท่าไหร่ก็เถอะ
แต่ว่าที่นี่ ค่อนข้างห่างไกลตัวเมืองเลยทีเดียว
แต่ก็เพราะสาเหตุนี้ เกสต์เฮ้าส์ที่นี่ จึงไม่มีกลิ่นอายความเป็นเมืองเศรษฐกิจเท่าหมู่บ้านบนฝั่งมากนัก แถมยังปลอดโปร่งมากกว่าด้วย
“ครับนาย ที่นี่แหละครับ” คนที่มากับชายหนุ่มในชุดลำลอง ก็คือผู้ช่วยหัวเกรียน “เกสต์เฮ้าส์หลังนั้น ชื่อว่าMemory House”
“ขับเข้าไป”
“ได้ครับนาย”
เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทอีกครั้ง แล้วแล่นตรงไปยังทางเข้าของเกสต์เฮ้าส์ที่มีชื่อว่า “Memory House”
ภายในเกสต์เฮ้าส์
เมื่อจาวจาวเห็นรถแล่นข้ามา เธอก็อุทานเสียงดังตามประสาเด็กสาววัยสดใส “เถ้าแก่ วันนี้มีแขกมาจองห้องเหรอคะ?”
หญิงสาวผู้ซึ่งชอบนอนอาบแดดอยู่ในสวนบนเก้าอี้เปลเป็นประจำ ในเวลานี้กำลังมุ่นคิ้ว “จาวจาว หยุดพูดเสียงแปลกๆ แบบนั้นสักทีได้ไหม”
จริงๆ เลย น่าเหลืออดเหลือทนจริงๆ
หญิงสาวยื่นมือออกมานวดหัวคิ้ว ส่วนเรื่องมีแขกมาจองห้องพักหรือเปล่านั้น เธอกลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
“เถ้าแก่คะ เสียงพูดของฉันมันสำคัญกว่าธุรกิจหรือไง!” จาวจาวฉุนเฉียว เรื่องที่เถ้าแก่ไม่เอาไหนของเธอคนนี้ ชอบสร้างกฎแปลกๆ ขึ้นมาไม่เท่าไหร่นะ แต่ตั้งแต่ที่เริ่มกิจการ “Memory House”ขึ้นมาเนี่ย เถ้าแก่ของเธอก็ไม่ค่อยใส่ใจธุรกิจเท่าไหร่เลย
“แน่นอนว่า…..ธุรกิจต้องสำคัญอยู่แล้วสิ” หญิงสาวเอ่ยถ้อยคำที่ขัดกับสิ่งที่คิดออกมาช้าๆ เพราะกลัวว่าจาวจาวจะโวยวายด้วยการใช้สำเนียงท้องถิ่นของเธอแอบด่าตัวเองทางอ้อม
“เถ้าแก่! จริงจังหน่อยสิคะ! วันนี้มีแขกมาจองห้องเหรอ?”
“เหมือนจะ……มีนะ?…..เอ๊ะหรือว่าไม่มี? ฉันขอนึกก่อน น่าจะ…..ไม่มีนะ”
“ตกลงแล้วมันมีหรือไม่มีคะ!” จาวจาวแทบอยากทุบคนตรงหน้า เธอไม่เคยเห็นเถ้าแก่คนไหนดำเนินกิจการอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ ! เมื่อจาวจาวเห็นรถวิ่งเข้ามา ก็ถลึงตาใส่คนที่กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้เปลอย่างดุๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนนั้นไม่มีทางเห็นสายตาอาฆาตของเธอแน่ๆ
“ช่างเถอะ ฉันออกไปต้อนรับแขกเองก็ได้ เถ้าแก่ คุณเอาแต่นอนชี้นิ้วสั่งอย่างนี้ ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอ?”
พูดจบ จาวจาวก็เดินออกไปจากเคาน์เตอร์
หญิงสาวบนเก้าอี้เปล กุมหน้าผากอย่างปวดหัว……ไม่รู้สึกผิดงั้นเหรอ จาวจาวเธอพูดมาอย่างนี้ฉันปวดหัวเลยเห็นไหม!
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะ…….” เข้าพักไหมคะ……. จาวจาวยังไม่ทันได้ทักทายประโยคหลังจบ เสียงของเธอก็ขาดหายไป ยืนจ้องมองชายหนุ่มที่ลงมาจากรถนิ่งๆ ทันใดนั้น แก้มทั้งสองข้างของเธอก็แดงปลั่ง……เขาหล่อมากๆ ๆ !
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มลงมาจากรถ คนมากประสบการณ์อย่างเขา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสาวน้อยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงยกยิ้มขึ้นมาอย่างสง่า แล้วก้มมองสาวน้อยตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยทักทาย
จาวจาวตอบแค่ “อื้อ” กลับไป หัวใจของเธอเต้นแรงสะเปะสะปะเพราะน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มหล่อเหลาเบื้องหน้า จนเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเสียมารยาทเพราะมีสายตาแปลกๆ ของหนุ่มหล่อตรงหน้ามองมา เธอจึงรีบเอ่ยถามว่า “ขะขะ….เข้าพักไหมคะ?”