บทที่ 24 เธอดูถูกเจี่ยนถงเหรอ?
“เสิ่นซิวจิ่น คำพูดสุดท้ายพวกนั้นที่นายพูดกับเจี่ยนถงมันทำร้ายจิตใจมากเลยนะ นายรู้บ้างรึเปล่า?” ไป๋ยู่สิงเดินตามหลังเสิ่นซิวจิ่น พูดความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา
“ฉันต้องแคร์ความรู้สึกของหล่อนด้วยเหรอ?”
“นายนี่มัน เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มาตลอด ตอนนี้นายทำกับหล่อนแบบนี้ ถ้าอนาคตรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาล่ะ?”
เสิ่นซิวจิ่นยื่นบุหรี่ให้ไป๋ยู่สิง ยิ้มขึ้น: “สูบบุหรี่สักมวน อย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อ”
เสียใจ?
เขาจะเสียใจกำเรื่องแบบนี้เหรอ?
ไม่มีทางแน่นอน
ไป๋ยู่สิงไม่พูดอะไรต่อ อันที่จริงเขาก็รู้สึกว่า จากนิสัยของเสิ่นซิวจิ่น เขาไม่มีทางเสียใจภายหลังให้กับเรื่องอะไรแน่นอน แม้ว่าอุบัติเหตุของเซี่ยเวยเหมิงในตอนนั้น ไป๋ยู่สิงก็ไม่เคยเห็นเขาเสียใจภายหลังมาก่อน
“ดื่มกันสักแก้ว?”
“ฉันมีธุระต้องไปจัดการที่ตงหวงนิดหน่อย”
ไป๋ยู่สิงรีบตามเสิ่นซิวจิ่นไปตงหวงทันที
คลับบันเทิงตงหวง ซูเมิ่งให้คนไปเรียกฉินมู่มู่มาที่ห้องทำงาน
“เจี่ยนถงพักอยู่ห้องเดียวกับเธอ หล่อนไม่สบาย เธอไม่เห็นว่าหล่อนผิดปกติบ้างเลยหรือไง?” ซูเมิ่งนั่งอยู่บนโซฟาถามเด็กสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
อันที่จริงหล่อนจำฉินมู่มู่ไม่ค่อยได้ เพียงแต่ตอนที่เจี่ยนถงไม่ได้มาทำงานเมื่อวาน หล่อนจึงไปหารายละเอียดที่อยู่ของเจี่ยนถงที่แผนกบุคคล และเห็นชื่อของฉินมู่มู่ในใบรายชื่อหอพักของพนักงาน ว่าอยู่ห้องเดียวกับหล่อน
ซูเมิ่งผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นใครมาจากไหน หล่อนก็เคยพบเคยเจอมาหมดแล้ว
พนักงานที่พักอยู่ห้องเดียวกัน อีกคนหนึ่งไม่มาทำงาน ร่างกายผิดปกติ หล่อนไม่เชื่อว่าฉินมู่มู่จะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติบ้างเลยสักนิด
หรือจะพูดได้ว่า ฉินมู่มู่เจตนาไม่สนใจเจี่ยนถง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอันตรายมากขนาดไหน จนถึงตอนนี้ซูเมิ่งยังคงจดจำได้ดี ตอนที่เห็นเจี่ยนถงในห้องพัก หล่อนก็ไข้สูงจนพูดพร่ำเพ้อแล้ว
ถ้าหล่อนไปไม่ทัน เกรงว่าชีวิตน้อยๆของเจี่ยนถงคงหยุดอยู่ที่นั่น ความเพิกเฉยและละเลยของฉินมู่มู่ ซูเมิ่งไม่สนใจ แต่ถ้าการที่ฉินมู่มู่เพิกเฉยไม่สนใจต้องทำให้หนึ่งชีวิตต้องตาย…คนแบบนี้ หล่อนไม่กล้าเก็บไว้
ซูเมิ่งเป็นคนทำงานละเอียดรอบคอบมาโดยตลอด เมื่อครู่หล่อนยังไปสืบหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉินมู่มู่กับเจี่ยนถง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หล่อนได้ยินเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดคิด จากคำพูดของลู่น่าที่เป็นคนเหมาห้อง606 VIP
ฉินมู่มู่กระวนกระวายจนนั่งไม่ติด พี่เมิ่งเป็นคนที่ฉินมู่มู่ไม่เคยกล้าแตะต้องมาก่อน แต่วันนี้กลับเรียกหล่อนมาที่ห้องทำงานโดยลำพัง… ฉินมู่มู่จึงคิดว่าตัวเองทำเรื่องอะไรผิดรึเปล่า จึงถูกเรียกมาที่นี่
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินพี่เมิ่งพูดถึงเจี่ยนถง…ใจของฉินมู่มู่ จึงรู้สึกสบายใจขึ้น
ก็แค่เรื่องที่หล่อนพักอยู่ห้องเดียวกับเจี่ยนถง จึงถามไถ่เป็นปกติเท่านั้น ทำให้หล่อนตกใจหมด
“พี่เมิ่ง ฉันไม่สนิทกับผู้หญิงคนนั้น”
ผู้หญิงคนนั้น?… ซูเมิ่งเงยหน้าขึ้น เหลือบมองหญิงสาวตรงหน้า ค่อยๆเลิกคิ้วขึ้น ถามด้วยความสนใจและไม่ลังเล : “ผู้หญิงคนนั้น?”
ฉินมู่มู่มองดูสีหน้าท่าทางของซูเมิ่ง รู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อหล่อนลองคิดดูดีๆ ตัวเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิด ซูเมิ่งหมายความว่ายังไงกันแน่?
“ฉินมู่มู่ เธอดูถูกเจี่ยนถงมากใช่ไหม?” ทันใดนั้น ซูเมิ่งถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนล่ะ ผู้หญิงแบบนั้น ใครจะไม่ดูถูกบ้าง?… ฉินมู่มู่คิดอยากจะตอบกลับไปแบบนี้
แต่ในความคิดนั้นกลับรู้สึกว่า หากพูดตรงๆออกไปเช่นนี้ คงทำให้เสียภาพลักษณ์และความรู้สึกต่อพี่เมิ่ง…แท้จริงแล้วฉินมู่มู่คิดมากไป ซูเมิ่งที่เป็นคนทำงานยุ่งตลอดเวลา ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเจี่ยนถงในครั้งนี้ ใครจะไปสนใจว่าฉินมู่มู่คือใคร
ฉินมู่มู่ร้อยเรียงคำพูดอยู่ภายในใจ จากนั้นค่อยๆหันมองซูเมิ่ง พูดขึ้น : “เรื่องไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรีพวกนั้นที่หล่อนทำ ถูกแพร่สะพัดไปทั่วทั้งตงหวงอย่างรวดเร็ว เพื่อเงิน ทำไมหล่อนถึงยอมคลานลงบนพื้นพลางส่าย….เอ่อ เก็บเงินล่ะ? พี่เมิ่ง ทุกคนต่างพากันด่าเธอว่า….”
สุดท้าย ฉินมู่มู่จะพูดออกมายังรู้สึกขยะแขยง
ซูเมิ่งที่ทำสีหน้าขึงขัง จู่ๆยิ้มขึ้นเหมือนใบไม้ผลิที่ละลายน้ำแข็งในฤดูหนาวออก เจิดจ้าสดใสผิดปกติ
ฉินมู่มู่คิดว่า ครั้งนี้หล่อนไม่ได้พูดอะไรผิดแน่นอน
เมื่อนึกถึงเจี่ยนถง ฉินมู่มู่รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที
ซูเมิ่งมองไปที่ฉินมู่มู่ด้วยความยิ้ม “ด่าหล่อนว่าอะไร? หน้าด้านมาก? หรือว่า ต่ำช้ามาก?” ริมฝีปากสีแดงสดพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจฉินมู่มู่อย่างมาก
ทันใดนั้นซูเมิ่งหุบยิ้มลง พูดด้วยความเยาะเย้ย : “ฉันเคยอ่านเอกสารของเธอมาก่อน เป็นนักเรียนที่มหาวิทยาลัยSใช่ไหม? เธอคิดว่าตัวเองไม่แปดเปื้อนเลยใช่ไหม? คิดตัวเองบริสุทธิ์ ใสสะอาดมาก?
เธอคิดว่าเจี่ยนถงต่ำช้ามาก ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับคนสูงส่งอย่างเธอ ดังนั้น แม้ว่าหล่อนไม่สบาย ไม่มาทำงาน เธอก็เลยเพิกเฉยต่อหล่อนได้มากถึงขนาดนี้?”
ฉินมู่มู่ทำสีหน้ามึนงงไม่เข้าใจ จากนั้นมองไปที่ซูเมิ่ง…คำพูดของพี่เมิ่ง หมายความว่ายังไงกัน?
หล่อนเป็นถึงนักเรียนของมหาวิทยาลัยS แต่กลับแยกแยะไม่ออกว่าคำพูดของซูเมิ่งกำลังชมหรือเย้ยหล่อนอยู่กันแน่
ทันใดนั้นซูเมิ่งยืนขึ้น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉินมู่มู่ ซูเมิ่งตัวสูง ทั้งยังใส่รองเท้าส้นสูงอีก เมื่อไปยืนตรงหน้าฉินมู่มู่ทำให้เทียบกันอย่างได้ชัดว่าฉินมู่มู่ตัวเตี้ยมาก
ซูเมิ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจมานานหลายปี เสแสร้งหลอกล่อเก่งอย่างมืออาชีพ มีเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงสูง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กอ่อนหัดอย่างฉินมู่มู่เทียบได้
“ฉินมู่มู่ เธอคิดว่าตัวเองสูงส่ง ตัวเองใสซื่อบริสุทธิ์? เธอทะเยอทะยาน? เธอใจแคบ ดูถูกเจี่ยนถง? ฉันจะบอกเธอให้ คนอย่างเธอฉินมู่มู่ เทียบไม่ได้กับเจี่ยนถง!”
ฉินมู่มู่ไม่พอใจ: “พี่เมิ่ง พี่พูดแรงเกินไปรึเปล่า! ฉันพยายามขันแข็งจสอบได้มหาวิทยาลัยS ฉันเป็นถึงนักเรียนของมหาวิทยาลัยS จะเทียบไม่ได้กับผู้หญิงไร้ยางอาย ไม่รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีตัวเองงั้นเหรอ? เหมือนกันตรงที่ไม่มีเงิน ฉันไม่ได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้ว่าฉันทำงานที่ตงหวง แต่ฉันเป็นเพียงแค่บริกรที่รับผิดชอบทำตามหน้าที่เท่านั้น ฉันกับเจี่ยนถงที่ยอมขายตัวเพื่อเงิน ไม่เหมือนกัน!”
“หึ~” ซูเมิ่งยิ้มเยาะ: “อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเลอค่ามากขนาดนั้น คนที่มาใช้บริการที่ตงหวงล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจร่ำรวย ลูกเศรษฐี เป็นคนมีอิทธิพลกันทั้งนั้น เธอคิดว่าฉินมู่มู่อย่างเธอจะสูงส่งแค่ไหนกัน?”
เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องVIP 606 ในวันนั้น เธอยังจำได้อยู่รึเปล่า วันนั้นถ้าไม่ได้เป็นเพราะเจี่ยนถงใจอ่อน ช่วยเธอกู้หน้าไว้ เธอคิดว่าตอนนี้เธอยังมายืนพูดจาโอ้อวดข่มเหงคนอื่นได้อีกไหม?
ฉินมู่มู่หน้าซีดทันที หล่อนนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นขึ้นมา แต่…แต่..แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่สามารถบอกอะไรได้รึเปล่า?
“แม้ว่าเรื่องที่พี่เมิ่งพูดจะเป็นเรื่องจริง เจี่ยนถงมาช่วยฉันไว้ แต่ฉันไม่ได้ให้หล่อนคลานลงบนพื้น เอาใจแขกเพื่อเงินนี่นา ไม่ว่ายังไง ที่หล่อนทำแบบนั้นไปก็เพื่อเงิน เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”
ซูเมิ่งยังโกรธไม่คุ้มกับสิ่งที่เจี่ยนถงโดนกระทำ มองดูฉินมู่มู่ให้ละเอียดยิ่งขึ้น…
“เหอะๆ ทำไมเจี่ยนถงต้องช่วยคนไร้ค่าอย่างเธอไว้ด้วย?”
————