บทที่ 25 เธอคิดว่าเธอสูงส่งกว่าเจี่ยนถงงั้นเหรอ
คำพูดของซูเมิ่งแฝงไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ฉินมู่มู่ฟังจนหน้าถอดสี รีบพูดสวนกลับซูเมิ่งด้วยความโมโห: “พี่เมิ่งคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจากดูถูกคนอื่นแบบนี้! ฉันเป็นบริกรที่ตงหวงไม่ผิด แต่ฉันใช้มือของฉัน หยาดเหงื่อของฉัน แลกมากับเงินที่สะอาด!
เงินทุกบาททุกสตางค์ ฉันใช้หยาดเหงื่อแรงกายหามากด้วยความยากลำบาก ไม่มีเงินสักสตางค์ที่ได้มาเพราะการขายตัว ขายศักดิ์ศรีเหมือนที่เจี่ยนถงได้มา ฉันคิดว่าฉันใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นคนจิตใจดีบริสุทธิ์ แต่ทำไมกลับถูกพี่เมิ่งพูดจาดูถูกเช่นนี้? ”
ซูเมิ่งอดหัวเราะออกมาไม่ได้ : “ฉินมู่มู่ ฉันจะบอกเธอให้เข้าใจนะ ถ้าวันนั้นเจี่ยนถงไม่ช่วยเธอไว้ สิ่งที่เธอทำให้คุณชายตระกูลซีต้องขายหน้า วันนี้เธอคงโดนคุณชายตระกูลซีแกล้งเหมือนกับที่เจี่ยนถงต้องจมปลักอยู่ตอนนี้…อ้อ ไม่สิ เธอยังเทียบไม่ได้กับเจี่ยนถง!”
ซูเมิ่งหัวเราะเยาะเย้ย: “เรื่องที่เจี่ยนถงสามารถทำได้ เธอทำไม่ได้”
“ฉันทำไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องไร้ยางอาย ไม่มีเกียรติเหล่านั้น ฉันฉินมู่มู่ ชาตินี้ไม่มีทางทำแน่นอน”
ซูเมิ่งพยักหน้าลง : “หวังว่าหลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์ เธอยังคงพูดเช่นนี้ได้”
หล่อนขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเด็กสาวใสซื่อผู้นี้อีก หากได้เจอกับสถานการณ์ที่ถูกคนอื่นบีบบังคับ ฉินมู่มู่ยังจะกล้าพูดจาใสซื่อเช่นนี้อีกหรือไม่ เช่นนั้นแหละคือใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ
“ความใฝ่ต่ำเป็นสิ่งที่ตัวเองเลือกได้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ แม้ว่าจะหนึ่งเดือน หนึ่งปี ทั้งชีวิต ฉันก็จะพูดเช่นนี้ ฉันไม่มีทางทำในสิ่งที่ เจี่ยนถงทำลงไปเพื่อเงิน เรื่องที่ขายอะไรก็ได้เพื่อเงิน”
ซูเมิ่งร้อง “อ๋อ” และไม่มองหล่อนอีก : “งั้นก็ดี เธอออกไปได้แล้ว”
“งั้นพี่เมิ่ง ฉันออกไปทำงานก่อนนะ” ฉินมู่มู่ทำหน้าตาขึงขังและหันหลังออกไป
เมื่อเดินถึงหน้าประตู เสียงของซูเมิ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง : “ฉินมู่มู่ เธอจงจำไว้ สิ่งที่เจี่ยนถงต้องเผชิญในตอนนี้ มันเริ่มมาจากตอนที่เธอ ฉินมู่มู่ไปหาเรื่องทำให้คุณชายตระกูลซีไม่พอใจก่อน มันควรจะเป็นเธอที่ต้องรับกรรมนี้ บนโลกใบนี้ ต้องมีเรื่องที่ทำให้เธอต้องก้มหัวลงให้ได้ ในเมื่อเธอคิดร้ายต่อเจี่ยนถง งั้นฉันก็ไม่ควรปกป้องเธออีกต่อไป”
ฉินมู่มู่ไม่สนใจอะไร ตั้งแต่หล่อนเข้ามาเริ่มงานที่ตงหวงหล่อนก็ไม่เคยได้รู้สึกถึงการคุ้มครองดูแลจากซูเมิ่งเลย จึงคิดว่า สิ่งที่เรียกว่าปกป้องดูแลของซูเมิ่ง ไม่สมควรควรพูดถึงด้วยซ้ำ
แต่ไม่นานนัก ฉินมู่มู่ก็จะเข้าใจว่าการทำงานที่ตงหวง การคุ้มครองของซูเมิ่งสำคัญขนาดไหน
ที่คลับบันเทิงตงหวง สิ่งที่พวกบริกรจะโดนมากที่สุดคือการลวนลาม หากมากไปกว่านั้นไม่มีเกิดขึ้น นี่เป็นเพราะชื่อเสียงและความสามารถของตงหวง อุดมคติที่ซูเมิ่งยึดถือ
ฉินมู่มู่เดินออกไปจากห้องของซูเมิ่ง ไม่นานนัก เรื่องราวก็ถูกแพร่สะพัดไปทั้งตงหวง
ตอนแรกฉินมู่มู่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เพื่อนสนิทของหล่อนที่เป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยSเช่นกันแอบถามฉินมู่มู่ว่า : “เธอไปก่อเรื่องอะไรมา ถึงทำให้พี่เมิ่งไม่พอใจ?”
เมื่อฉินมู่มู่ได้ยินเช่นนั้น โมโหขึ้นมาทันที : “พี่เมิ่งจะลงโทษฉันงั้นเหรอ?”
“อย่ามาล้อเล่นสิ พี่เมิ่งไม่เคยหาเรื่องลูกน้องคนไหนเพียงเพราะลูกน้องพูดผิดหรือทำผิดหรอกนะ พี่เมิ่งก็จะทำเพียงแค่ไม่ยุ่งเรื่องของลูกน้องคนนั้น”
ฉินมู่มู่เบ้ปาก: “ฉันคิดว่ามีเรื่องอะไร ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าฉัน ฉันหลบหล่อน ไม่ต้องเจอหน้ากัน ก็โอเคแล้วแหละ”
“เธอ…แล้วแต่เธอแล้วกัน คิดดูดีๆล่ะ” พนักงานที่สนิทกับฉินมู่มู่ ไม่กล้าพูดอะไรมาก เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่มู่ ที่ไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ตัวหล่อนเองยังไม่สนใจอะไร หล่อนเป็นแค่คนนอกจะไปยุ่งอะไร เดี๋ยวก็ถูกคนอื่นนินทาอีก
ซูเมิ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน ไม่นำเรื่องของฉินมู่มู่มาคิดมาก
คราวนี้ไม่ใช่เพราะ ฉินมู่มู่ไม่รู้จักบุญคุณ ไม่รู้จักบุญคุณก็ช่างเถอะ แต่ยังมาเยาะเย้ยเสียดสีผู้มีพระคุณ ซูเมิ่งก็ไม่อยากโกรธเพียงเพราะแค่พนักงานคนเดียว
ใช่! หล่อนยอมรับ หล่อนเข้าข้างผู้หญิงซื่อบื้ออย่างเจี่ยนถงมากกว่า เมื่อเห็นเจี่ยนถงเหมือนได้เห็นตัวเองในตอนนั้น เมื่อคิดถึงความลำบากของตัวเองในตอนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอยากปกป้องหญิงซื่อบื้อคนนั้นให้มากขึ้น
แต่ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉินมู่มู่ดิ้นรนหาที่ตายเอง หล่อนคงไม่ใจเย็นขนาดนี้
เรื่องวันนั้นที่ห้อง606 หล่อนถามจนเข้าใจชัดเจนหมดแล้ว เหมือนกับที่หล่อนพูด เจี่ยนถงเป็นคนช่วยกู้หน้าให้ฉินมู่มู่ และยังช่วยรับโทษแทนฉินมู่มู่
ถ้าไม่ได้ช่วยออกรับหน้าแทนฉินมู่มู่ เรื่องทุกอย่างในห้องดำเนินไปอย่างปกติ… ซูเมิ่งคาดเดาว่า ผู้ชายอย่างเสิ่นซิวจิ่นก็คงจำเจี่ยนถงไม่ได้
ซูเมิ่งลุกชึ้นยืน เพิ่งจะเดินออกจากห้องทำงาน บังเอิญเจอกับเสิ่นซิวจิ่นและไป๋ยู่สิงพอดี
“ประธานเสิ่น คุณไป๋”
ไป๋ยู่สิงหัวเราะ: “ซูเมิ่งเข้ามาสวมกอดหรือไง?” ไม่ใช่สักหน่อย ซูเมิ่งเพิ่งออกมาจากห้องทำงาน ก็ชนกับเสิ่นซิวจิ่นตรงอ้อมอกของเขาพอดี
เสิ่นซิวจิ่นกลับไม่มีท่าทีอะไร หลังจากที่ประคองซูเมิ่งขึ้นมา ก็ผลักออกไป
แต่ไป๋ยู่สิงกลับพูดแซวขึ้น : “เสิ่นซิวจิ่น นายนี่ไม่รู้จักดูแลทะนุถนอมเลย ซูเมิ่งสาวสวยอยู่ในอ้อมอกของนายแล้ว นายผลักหล่อนออกแบบนี้เลยเหรอ?”
“นายอยากได้? เอาไปละกัน” เสิ่นซิวจิ่นพูดอย่างเย็นชา จากนั้นผลักซูเมิ่งเข้าไปในอ้อมอกของไป๋ยู่สิง : “ซูเมิ่งเป็นคนมีความสามารถของฉันไป๋ยู่สิงนายต้องดูแลหล่อนดีๆล่ะ”
“เอ่อ…” พี่ ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว ยังไม่โอเคอีกเหรอ?
ไป๋ยู่สิงอยากร้องไห้
ซูเมิ่งไม่พูดไม่จาเดินออกมาจากอ้อมอกของไป๋ยู่สิง จากนั้นจัดเสื้อเล็กน้อย มองไปที่เสิ่นซิวจิ่น : “ประธานเสิ่น เจี่ยนถงหล่อน…”
“ไม่ตายง่ายๆหรอก”
ซูเมิ่งตะลึงกับคำพูดของเสิ่นซิวจิ่น…ไอ้หมอนี่พูดจา ทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออก
“อ้อ…ช่วงนี้พวกพนักงาน ทำงานกันไม่เรียบร้อย นินทาไปเรื่อย ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ฉันกำลังจะไปพูดคุยกับพวกเขา” จู่ๆซูเมิ่งพูดขึ้นมา
แต่ดูเหมือนเสิ่นซิวจิ่นฟังไม่เข้าหู ขยับตามอง : “นินทาใคร?”
“เจี่ยนถง” ซูเมิ่งกล่าว “เรื่องวันนั้นที่ห้องVIP 606 ถูกพูดแพร่สะพัดออกไป ตอนนี้ทั้งตงหวง ไม่มีใครไม่รู้เรื่องเจี่ยนถงที่เกิดขึ้นที่ห้องพิเศษในวันนั้น”
“หล่อนพูดเพียงเท่านี้ ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก”
เพียงแค่บอกว่าพวกเขาพูดคุยเรื่องเจี่ยนถงที่เกิดขึ้นในห้องพิเศษเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดเรื่องอะไรกับหล่อน
แต่เห็นได้ชัดว่า เสิ่นซิวจิ่นเข้าใจขึ้นมาทันที!
ทันใดนั้น สายตาที่ดูนิ่งขรึมสงบคู่นั้น กลับแฝงไปด้วยความอาฆาต มองตรงไปยังใบหน้าของซูเมิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม : “ใครเป็นคนแพร่ข่าว?”
“เรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้” ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้เรียกฉินมู่มู่มาพบ ซูเมิ่งก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ถูกแพร่กันแค่พนักงานชั้นล่างได้ประมาณสองวัน ลังเลอยู่สักพัก ซูเมิ่งพูดขึ้น : “ถ้าฉันเดาไม่ผิด คือลู่น่า เจ้าหญิงผู้เป็นคนเหมาห้องพิเศษ606” วันนั้นหล่อนบังเอิญจับได้ว่าลู่น่าแอบดูอยู่นอกห้องพิเศษ นอกจากลู่น่าก็ไม่มีใครอีก
“ไปตามหล่อนมา” สายตาของเสิ่นซิวจิ่นเย็นชา หรี่ตามองซูเมิ่งถามอีกเรื่องหนึ่ง : “เกิดอะไรขึ้นกับเสียงของเจี่ยนถง?”
เรื่องนี้ ตอนที่เจี่ยนถงเอาเงินห้าหมื่นให้ซูเมิ่งในคืนวันนั้น ซูเมิ่งคิดสงสัยขึ้นมา จากนั้นจึงไปสืบหา
“เป็นเพราะพนักงานใหม่ในแผนกประชาสัมพันธ์ ชื่อเจินเจิน ลากเจี่ยนถงเข้าไปในห้องของแขกตัวเอง คงอยากจะจัดการเจี่ยนถง จึงให้เจี่ยนถงร้องเพลงติดกันเกือบห้าสิบเพลง และยังเป็นเพลงเสียงสูงอีกด้วย”
————