“จุด…..จุดจบอะไร?”
ติงหน่วนอกสั่นขวัญแขวน โดยเฉพาะสีหน้าของเจี่ยนถง มันแปลกจนทำให้เธอหวาดกลัว
“ถ้าหากคุณปู่ยังอยู่” เจี่ยนถงเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ “คุณก็คงถูกฆ่าตายไปแล้ว”
เมื่อเธอเห็นดวงตาของติงหน่วนฉายแววสงสัย ก็มองมาที่ติงหน่วนนิ่งๆ “ไม่ต้องสงสัย เป็นอย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละ ไม่ว่าจะภัยธรรมชาติหรือฝีมือมนุษย์ ทุกอย่างที่คุณนึกถึง หรืออาจจะรวมไปถึงสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง เช่นรถคว่ำ ตกตึก จมน้ำ ป่วยตาย ไฟไหม้ ลักพาตัว…….”
“กรี๊ด!” เจี่ยนถงพูดยังไม่จบ ติงหน่วนก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมา ด้วยใบหน้าไร้สีเลือด “หยุดพูดได้แล้ว!” เธอมองมาที่เจี่ยนถงอย่างหวาดกลัว โลกนี้ ทำไมถึงได้มีคนน่ากลัวขนาดนี้กันนะ!
คนคนนี้สามารถพูดเรื่องพรรค์นี้อย่างหน้าตาเฉยได้ยังไง
นี่มันเรื่อง “ฆ่าแกง” กันเลยนะ!
จริงอย่างที่คิด เจี่ยนถงไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นฆาตกร!
รู้มาตลอดว่าลูกสาวของเจี่ยนเจิ้นตงเคยติดคุก ส่วนเหตุผลที่ติดคุก เมื่อก่อนยังเคยหัวเราะขำๆกับเพื่อน ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ตอนนั้นเจี่ยนถงก็แค่ตัวตลกให้พวกเธอล้อเลียนก็เท่านั้น
แต่ว่าวันนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับฆาตกรจริงๆ!
อดรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดขึ้นมาไม่ได้ เธอรีบมาที่นี่เกินไปหน่อย
เธอลอบมองใบหน้าไร้ความรู้สึกของเจี่ยนถงอย่างระมัดระวัง ฆาตกรคนนี้พูดเรื่อง “ฆ่าคน” ได้อย่างหน้าตาเฉย ติงหน่วนล่ะกลัวจริงๆว่าเธอจะทำอย่างที่พูด
แต่เมื่อหางตาเหลือบมองลูกชายที่อยู่ข้างๆ เธอก็ข่มความกลัวในใจเอาไว้ “ฉัน ฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่เสี่ยวโอวได้กลับเข้าตระกูลเจี่ยน ขอแค่ตระกูลเจี่ยนให้สถานะกับเขา”
เจี่ยนเจิ้นตงยังพอจะมีเงินอยู่บ้างก็จริง แต่เธอติดตามเจี่ยนเจิ้นตงมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่อายุยี่สิบจนถึงตอนนี้ เจี่ยนเจิ้นตงไม่เคยทำไม่ดีกับเธอเลย เมื่อเทียบกับเมียหลวงอย่างคุณหญิงเจี่ยนแล้ว เธอได้อะไรจากเจี่ยนเจิ้นตงมากกว่าด้วยซ้ำ ขาดก็แต่สถานะก็เท่านั้น
แน่นอน ว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ว่าในแวดวงสังคมคนระดับสูง เงินไม่ได้สำคัญที่สุด
เจี่ยนเจิ้นตง จึงเปรียบเสมือนคนจนเพราะเหลือแค่เงิน
อีกอย่างเงินเหล่านั้น ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ด้วย
ทรัพย์สินที่มีอยู่น้อยนิดในมือของเจี่ยนเจิ้นตง จะไปเทียบกับบริษัทใหญ่ๆอย่างเจี่ยนซื่อกรุ๊ปได้ยังไง
ต้องกลับเข้าตระกูลเจี่ยนเท่านั้น เสี่ยวโอวถึงจะมีหวัง
“อ่อ…..ถ้างั้นคุณไม่ควรมาหาฉันนะคะ คุณควรไปหาคุณหญิงเจี่ยน ต้องให้เธอยอมรับลูกของคุณถึงจะถูกต้อง คุณติง นามสกุลบนบัตรประชาชนของฉันน่ะ คือเสิ่นค่ะ ไม่ใช่เจี่ยน” เอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่งจบ เธอก็ปฏิเสธอย่างเนียนๆ
ติงหน่วนไม่ยอม รีบร้อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง เจี่ยนถงจึงกวาดตามองเบาๆ แล้วพูดขัดเธอว่า
“แต่ถ้าย้อนกลับมาว่ากันอีกที” เธอมองไปยังเจี่ยวสือโอว
“ตอนนี้เจี่ยนโม่ป๋ายกำลังป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จำเป็นต้องปลูกถ่ายไขกระดูก ในเมื่อลูกชายของคุณคือลูกแท้ๆของเจี่ยนเจิ้นตง แบบนั้นก็แสดงว่ามีสายเลือดเดียวกันกับเจี่ยนโม่ป๋ายน่ะสิ คุณไม่ลองไปหาคุณหญิงเจี่ยนดูล่ะ ให้คุณหญิงเจี่ยนพาไปตรวจที่โรงพยาบาล ถ้าหากอวัยวะจับคู่กันได้ล่ะก็ บางทีคุณหญิงเจี่ยนอาจจะยอมตอบตกลงคำขอของคุณก็ได้นะ”
เธอเอ่ยถ้อยคำแทงใจดำออกมาอย่างไม่ยี่หระ ติงหน่วนที่มีท่าทีอ้อนวอนในตอนแรก พลันนิ่งอึ้ง ในหูได้ยินเสียงดังสนั่น มือที่จับเจี่ยวสือโอวเอาไว้ สั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้
เธอคิดมาหลายพันหลายหมื่นตลบ แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่า เจี่ยนถงคนนี้ จะถึงกับกล้าเล่นไม่ซื่อกับเด็กอย่างเสี่ยวโอว!
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง เสี่ยวโอวเพิ่งจะสิบขวบเองนะ ให้เด็กตัวแค่นี้บริจาคไขกระดูก ร่างกายก็พังกันพอดีน่ะสิ!” ติงหน่วนเอ่ยปฏิเสธอย่างทันควัน “คุณนายเสิ่น คุณเองก็อวัยวะเข้ากันได้กับพี่ชายของคุณไม่ใช่เหรอ?”
ดวงตาของเสิ่นซิวจิ่นเป็นประกายวาวโรจน์ เขากวาดสายตามองติงหน่วนเหมือนคมมีด “คำนี้ ใครเป็นคนบอกคุณ?” เขาไม่เชื่อว่าประโยคที่พูดออกมาอย่างไม่คิดของติงหน่วน ไม่ได้เป็นแค่ความคิดของเธอเอง ขนตายาวหลุบลง นัยน์ตาทอแววลุ่มลึก ผ่านไปสามวินาที เขาก็จดจ้องมาที่ติงหน่วนพร้อมกับเอ่ยคำพูดดุดัน
“ฝากกลับไปบอกเจี่ยนเจิ้นตงด้วยนะ ถ้าเขาเล่นไม่ซื่อกับภรรยาของผม ผมจะควักไตทั้งสองข้างของเขาออกมาโยนให้ปลาในทะเลกิน!”
กล้าคิดที่จะยุ่งกับเสี่ยวถงงั้นเหรอ
เสิ่นซิวจิ่นหรี่ตาลง สายตาเยือกเย็นทอดมองร่างกายผอมแห้งของเจี่ยวสือโอว
ติงหน่วนใจกระตุกวูบ รีบดันลูกชายมาหลบหลัง เธอก้มหน้าลงครุ่นคิด แล้วพูดออกมาว่า
“ไม่กล้าหรอกค่ะ เจิ้นตงไม่กล้าทำอย่างนั้นแน่” เธอกัดฟันพูด ราวกับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ติงหน่วนมองมาที่เจี่ยนถงอย่างลำบากใจแล้วพูดว่า “คุณนายเสิ่น ไม่อย่างนั้นฉันจะพาเสี่ยวโอวไปตรวจร่างกายดูก่อน ถ้าหากเสี่ยวโอวอวัยวะเข้ากันได้กับพี่ชายของคุณ แล้วมันจะทำให้คุณหญิงเจี่ยนยอมรับเสี่ยวโอว เข้าตระกูล ฉันก็จะเป็นคนเซ็นใบรับรองบริจาคไขกระดูกให้เอง แต่ว่าคุณนายเสิ่นต้องตอบตกลงมาก่อน ถ้าถึงตอนนั้นไม่ว่าผลประเมินร่างกายจะออกมายังไง เสี่ยวโอวต้องได้กลับเข้าตระกูล…….”
เจี่ยนถงแค่นยิ้ม “ในเมื่อคุณมีใจจะช่วยเจี่ยนโม่ป๋าย ฉันก็จะช่วยพูดกับคุณหญิงเจี่ยนให้แน่นอน”
ดวงตาของติงหน่วนเป็นประกายขึ้นมาทันที ตะโกนร้องออกมาอย่างดีใจว่า “คุณนายเสิ่น คุณห้ามกลับคำนะ!”
เจี่ยนถงเพียงแค่ยิ้มออกมา สายตามองตามสองแม่ลูกเดินกลับไปอย่างมีความสุข
เมื่อติงหน่วนพาลูกออกมาจากตระกูลเสิ่น
“แม่ ผมไม่ได้อยากบริจาคไขกระดูกสักหน่อย”
เจี่ยวสือโอวแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“ใครเขาจะให้แกบริจาค?” ติงหน่วนตีหน้าทะมึน “ก็แค่ทำทีเป็นสมัครใจเท่านั้นเอง คิดจะให้เสี่ยวโอวบริจาคร่างกายให้ลูกชายนังแก่หน้าเหี่ยวนั่นน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ”
“แต่ว่า……..”
“แต่ว่าอะไร ก็แค่ให้พ่อแกหาคนมาปลอมแปลงเอกสารให้ก็ได้เรื่องแล้ว พ่อแกไม่มีทางยอมให้แกโดนกระทำหรอก ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้นังแก่หน้าเหี่ยวนั่นตามไปตอแยเจี่ยนถงถึงที่ไกลๆอย่างเอ๋อร์ไห่หรอก”
“เจี่ยนเจิ้นตงพูดเองนี่ว่าลูกสาวของเขาดุร้ายกับคนนอก แต่ความจริงแล้วใจอ่อนกับคนในครอบครัว คุณหญิงเจี่ยนตามไปขอร้องเธออย่างทุกข์ทน ต่อให้เธอจะโกรธแค้นตระกูลเจี่ยนมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางปล่อยทิ้งนังแก่หน้าเหี่ยวกับพี่ชายตัวเองหรอก แกก็เห็น ว่าเธอกลับมาที่เมืองSแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ติงหน่วนกลับมาถึงบ้าน
ก็พบว่าเจี่ยนเจิ้นตงกำลังอ่านหนังสือพิมพ์
“ฉันไปตระกูลเสิ่นมา” เรื่องที่ติงหน่วนไปที่ตระกูลเสิ่น ตอนแรกเธอว่าจะปิดเจี่ยนเจิ้นตง แต่ว่าตอนนี้ต้องให้เจี่ยนเจิ้นตงช่วยปลอมแปลงเอกสารรับรองตรวจร่างกาย ติงหน่วนครุ่นคิดอยู่นานว่าควรเริ่มพูดยังไงดี สุดท้ายก็เลือกพูดความจริงออกไป
มือที่กำลังจะพลิกเปิดหนังสือพิมพ์ของเจี่ยนเจิ้นตงหยุดชะงักอยู่เพียงครู่ จากนั้นก็กลับมาพลิกเปิดใหม่อีกครั้ง “อ่อ ไปตระกูลเสิ่นทำไมล่ะ?”
ติงหน่วนเปลี่ยนมาใส่ชุดอยู่บ้าน ในความเซ็กซี่ยังคงมีความสดใสแบบผู้หญิง ใบหน้ามีแต่ความน้อยใจ “ฉันไปขอร้องลูกสาวคุณ ให้พาเสี่ยวโอวเข้าตระกูล”
ใบหน้าของเจี่ยนเจิ้นตงพลันมืดมัว แต่น้ำเสียงกลับนุ่มนวล “ทำไมล่ะ? ตอนนี้รังเกียจตาแก่อย่างฉันคนนี้แล้วเหรอ?”
ติงหน่วนรู้จักชายแก่คนนี้ดี ยิ่งแก่ยิ่งแปลก โดยเฉพาะเรื่องอย่างว่าของผู้ชาย ตอนที่ทำนับวันก็เริ่มโรคจิตขึ้นเรื่อยๆ
เธอคิดว่า ในเมื่อเธอต้องรองรับถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องให้ลูกชายของเธอเข้าตระกูลเจี่ยนอย่างถูกต้องให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะอ่อยตาแก่นี่ให้เสียเวลาทำไมกัน
ถึงจะไม่พอใจ แต่กลับเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเจี่ยนเจิ้นตงอย่างออดอ้อน พร้อมกับนวดไหล่ให้เขา เพียงแต่ถ้อยคำที่พูดออกมา กลับดูน้อยอกน้อยใจ จนทำให้คนฟังรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ไหว “ตัวฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลย คุณเองก็รู้ แค่ที่คุณหญิงเจี่ยนตามไปสร้างความวุ่นวายที่โรงเรียนของเสี่ยวโอว เสี่ยวโอวก็แทบจะมองหน้าเพื่อนๆไม่ติดแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรจากตระกูลเจี่ยน ขอแค่เสี่ยวโอวได้เข้าตระกูลก็พอ วันข้างหน้าเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยสักที”
ติงหน่วนพูดออกมาด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมกับแอบลอบมองเจี่ยนเจิ้นตง ตาแก่นี้เริ่มใจอ่อนอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อเห็นว่าได้โอกาส ติงหน่วนก็ออกเล่ห์เหลี่ยม ใช้สองแขนโอบลำคอของเจี่ยนเจิ้นตงจากข้างหลัง อิงแอบแนบซบอยู่บนไหล่ของเจี่ยนเจิ้นตงอย่างแผ่วเบาราวผีเสื้อเกาะ “อปป้า~”
เจี่ยนเจิ้นตงที่ยิ่งแก่ยิ่งมีอารมณ์ง่าย ชอบที่สุดก็คือคำนี้
เมื่อติงหน่วนเห็นสีหน้าเคลิ้มๆของเขา ก็เผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาเผยแววรังเกียจ……..ไอ้แก่นี่ โรคจิตชะมัด!