ไป๋ยู่สิงกับซีเฉินไม่รู้เลยว่าเจี่ยนถงรู้สึกอย่างไรกันแน่ในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยวเช่นนี้ ตกลงเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง การช่วยชีวิตเสิ่นซิวจิ่นก็เริ่มขึ้นอีกหน
เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งภายในโถงทางเดิน ทุกครั้งที่มีการช่วยชีวิตเกิดขึ้น ทุกคนต่างพากันอกสั่นขวัญหาย
เจี่ยนถงดูเหมือนว่าจะถูกลืมไปเสียแล้ว ความคิดของทุกคนต่างก็โฟกัสอยู่กับชายหนุ่มที่กำลังได้รับช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ไม่มีใครพูดคำใดออกมา จนกระทั่งถึงเวลาพลบค่ำ คุณหมอถึงได้ประกาศยกเลิกวิกฤตชั่วคราว
แต่ทว่ามันยังไม่จบลง ในห้าคืนห้าวันที่เธอเดินทางมาหาเขา วิกฤตความเป็นความตายในลักษณะแบบนี้ มักจะแผ่คลุมอยู่รอบตัวเขาเสมอ
ห้าคืนห้าวัน ครั้งที่สิบเอ็ด
ทุกครั้งที่มีการช่วยชีวิต เธอก็จะนับเลขต่อไปในใจ
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องทำเช่นนี้
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยังจะมีเรี่ยวแรงไปโกรธแค้นเขาต่ออยู่หรือเปล่า
แม้แต่เธอยังไม่เข้าใจตัวเอง แล้วเธอจะไปเข้าใจเสิ่นซิวจิ่นได้อย่างไรกัน
ขณะนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ เช้าตรู่ที่มีความหวังอันริบหรี่
เธอคอยเฝ้าเขาอยู่ข้างเตียง จนเคยชินกับการจ้องมองแก้มที่ซีดเซียวไร้สีเลือดของเขาคืนแล้วคืนเล่า เธอเอาแต่มองเขาเงียบๆ จนเธอเหนื่อยล้าแทบทนไม่ไหว กระนั้นก็ไม่กล้าที่จะหลับ
ในเวลากลางดึก เธอก็จะมานั่งอยู่ข้างๆเตียง นั่งมองใบหน้าคุ้นเคยที่ในชีวิตนี้คงไม่มีวันลืม บางครั้งเธอก็นั่งมองจนปีศาจในตัวปรากฏออกมา พร้อมกับความคิดน่ากลัวที่ก่อขึ้นในใจ——ถ้าตายก็คงเป็นอิสระไปแล้ว
แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอคิดว่าหากคนคนนี้ตายและหายไปจากโลกนี้ ความเจ็บปวดในใจของเธอก็ตีรวน มันแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก
แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ ว่าอยากให้เขามีชีวิตอยู่ หรือหวังว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
“คุณก็ไม่ได้อยากให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ใช่เหรอ?”ไป๋ยู่สิงกัดฟันถาม
เธอไม่สามารถให้คำตอบได้
“ถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมา ตรงนี้ของคุณ ก็จะไม่เจ็บปวดใช่ไหมล่ะ!” ไป๋ยู่สิงชี้นิ้วไปที่อกด้านซ้าย ถามหญิงสาวที่น้ำตาสักหยดก็ไม่มี
เจ็บ!เจ็บสิ!แทบจะไม่ต้องให้ใครมาคิดแทน ความคิดของเธอก็กรีดร้องออกมาจากใจจริงแล้ว เจ็บ!เจ็บสิ!เจ็บมาก!
“ฉันเคยเจอกับความเจ็บปวดมาหลายแบบแล้ว”ที่เธอพูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าไป๋ยู่สิงจะเข้าใจไหม และไม่รู้ว่ากำลังพูดกับไป๋ยู่สิงหรือพูดกับตัวเองกันแน่
เธอเคยเจอกับความเจ็บปวดมาหลายรูปแบบ ที่ถามเธอว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจะเจ็บปวดไหม เจ็บสิ ก็ต้องเจ็บอยู่แล้วแต่ก็มันก็แค่เจ็บ ถึงอย่างไรความเจ็บปวดนั้นมันก็ต้องตายด้านไปอยู่ดี
ใช่ ตายด้านไปแล้ว เธอพูดในใจกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าทำอย่างนี้แล้วจะไม่เจ็บปวดอีก แต่ว่าทำไมเธอกลับรู้สึกหนักอึ้งจนหายใจไม่ออกอย่างนี้ล่ะ “ฉันจะออกไปสูดอากาศ”
ไป๋ยู่สิงได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่ข้างหลังเธอ เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ตำหนิเธอ แต่เขากลับไม่พอใจในความเย็นชาและความไร้หัวใจของเธอ
แต่ถ้าเธอเย็นชาและไร้หัวใจจริงๆ แล้วทำไมหลายคืนที่ผ่านมา เธอถึงดูแลคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ยอมลุกไปไหนเลยล่ะ
ไป๋ยู่สิงหันไปมองเสิ่นซิวจิ่นที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ
……
คืนหนึ่ง
เป็นคืนเดียวที่เธอผล็อยหลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อย
เธอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงอย่างเหนื่อยล้า
ในตอนเช้าตรู่ เธอถูกปลุกด้วยเสียงรบกวน
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นคนมากมายอยู่รอบเตียง
ในตอนแรกสายตาเธอมองเห็นไป๋ยู่สิงและซีเฉินอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียง เพียงแต่ว่าใบหน้าของพวกเขากลับดูตื่นเต้น ราวกับว่าทุกคนกำลังมองมาที่……เธอมองตามสายตาของพวกเขา มองมายังเตียงผู้ป่วย…….ทันใดนั้น!
ตาก็เบิกโพลงทันที!
เธออ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน จ้องมองชายหนุ่มบนเตียงที่มองมาที่เธอตาปริบๆอย่างอึ้งๆ
ตาปริบๆ??
ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
เสิ่นซิวจิ่น ฟื้นแล้ว!
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความปีติยินดี แต่ในวินาทีต่อมาก็สำเหนียกตัวเองขึ้นมาได้ ความคิดหลอกตัวเองว่าเกลียดเขาแผ่ปกคลุมทั่วหัวใจ………..จะไปยินดีกับเขาทำไมกันนะ?
จะไปยินดีกับเขาทำไมอีก?
เธอนำเอาความเกลียดชังที่มีระบายใส่เขา โดยอาศัยคำพูดเข้าโจมตี
“ฉันไม่เสียน้ำตาให้คุณสักหยด ไม่ได้ร้องไห้ให้กับคุณด้วย”
ในตอนนี้ ทุกคนได้จ้องมองมาที่เธอ ซีเฉินข่มความโกรธแล้วพูดออกไปว่า “มากเกินไปแล้วนะ!”
“อาซิวเพิ่งจะฟื้น คุณก็มาพูดแดกดันใส่เขาแบบนี้เลยเหรอ?หรือว่าคุณอยากให้เขาตายจริงๆ?”ไป๋ยู่สิง เอ่ยตามหลังมา
เจี่ยนถงพูดจบ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที แต่กลับปฏิเสธที่จะแสดงความอ่อนแอและไม่พูดขอโทษ เธอเม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
“พี่สาว เกลียดผมขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสียงชายหนุ่มร่างใหญ่พูดขึ้น ดูเศร้าสร้อยราวกับเด็กที่ไม่ได้รับความรัก
เจี่ยนถงจ้องไปที่ชายหนุ่มบนเตียงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“คุณ…….”