“คุณทำเหรอ?” เจี่ยนถงระงับความโกรธมองข้ามความรกบนพื้น แน่นอนสิ่งที่ถามก็คือบนพื้นที่ยุ่งเหยิง เป็นฝีมือของคนที่อยู่ตรงหน้าใช่หรือไม่
“ขอโทษ”
คนคนนั้นกล่าวขอโทษเบาๆอย่างระมัดระวัง ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เจี่ยนถงเกือบหัวเราะ มองคนหลังอ่างล้างมือ เมื่อก่อนเขาไม่เคยยอมรับความผิดง่ายๆ แต่ตอนนี้ ยอมรับความผิดได้เร็วมาก
แต่ความน่ารักแบบนี้ ตกอยู่ในสายตาของเจี่ยนถงมีความโกรธอีกแบบหนึ่งที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่เพียงแค่ความโกรธ แต่เป็นความโกรธที่คลุมเครือในใจ
แน่นอน ตัวเธอเองไม่รู้สึก ความโกรธของเธอในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เผชิญหน้ากับคนคนนี้ที่ทำให้ในบ้านยุ่งเหยิง
เธอเหลือบมองชายคนนั้นอย่างเย็นชาไม่พูดอะไรทำหน้าบูดบึ้งแล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเป้
“ฉันเอง ไป๋ยู่สิง พวกคุณจะมาถึงเมื่อไหร่?” เธอถามอีกฝ่ายของโทรศัพท์เบาๆ เงาดำในแนวทแยงวิ่งผ่าน โทรศัพท์ในมือเธอตกลงพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
ความโกรธที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจมันแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนใส่เงาดำนั้น
“เสิ่นซิวจิ่น!คุณเป็นบ้าอะไร!”
ตอนนี้ เธอไม่สามารถปฏิบัติต่อคนคนนี้เหมือนเด็กอายุแปดขวบได้
ความโกรธทำให้เธอขาดสติไปชั่วคราว เพียงอยากเอาความโกรธในใจ ทั้งหมดระบายไปยังผู้กระทำผิด!
เสียงโกรธเล็กน้อยของชายคนนั้นดังขึ้น ถามเธอตรงๆ “พี่สาว ทำไมคุณต้องโทรหาคุณอายู่สิง!”
เจี่ยนถงเงยหน้า เห็นตาใสๆและสัมผัสได้ถึงความโกรธและความสิ้นหวังในดวงตาของเขา “คุณ……”
ตาของคนคนนั้นแดงทันที เหมือนว่าคนที่ทำผิดไม่ใช่เขา แต่เป็นเธอ
“ทำไมคุณต้องโทรหาคุณอายู่สิง?”
คนคนนั้นถามเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจี่ยนถงบีบฝ่ามือซ้ำๆ ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าไม่สามารถตอบคำถามเขาได้ทั้งหมดในขณะนี้โดยเฉพาะภายใต้ดวงตาที่ใสซื่อไร้เดียงสานั้น กำลังจ้องมองเธอด้วยความเศร้า
“เดิมทีคุณก็ควรจะตามไป๋ยู่สิงไปในที่ที่คุณควรจะไป” เธอหันหน้าไปอีกทาง ไม่มองคนคนนั้น กำมือไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
เป็นเวลานานมากที่ไม่มีเสียง
คนคนนั้นไม่พูดอะไร
เจี่ยนถงกำลังสงสัย กำลังหันไปมอง คนคนนั้นเสียใจและอ่อนแอ
“หลังจากนี้อาซิวจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้พี่สาวต้องโกรธอีก พี่สาวอย่าไล่อาซิวไปนะ” เสียงเล็กน้อยๆที่อ้อนวอน เธอได้ยินความไม่สบายใจในจากคำพูดของผู้ชายคนนั้น “ได้ไหม?” ชายคนนั้นถามเสียงเบา
ได้ไหม?
เสียงเล็กๆนั่น ความระมัดระวังนั่น……..เธอกัดฟันอย่างแรง
เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะใจอ่อนอีกแล้ว
จ้องเขม็ง…..เวรกรรม!
เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเกลียดชังสาปแช่งในใจ
“เสิ่นซิวจิ่นคุณควรกลับสู่เส้นทางชีวิตของคุณเอง ที่นั่น ไม่ควรมีฉัน” เธอก็ไม่ได้คิด ตอนนี้เขาอายุแปดขวบ จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ จะเข้าใจในคำพูดเหล่านี้หรือไม่
และพฤติกรรมของเธอในตอนนี้ ยิ่งเหมือนกำลังรังแกคนไข้ที่จิตใจไม่ปกติอยู่
แต่เจี่ยนถงมองลง บอกตัวเองซ้ำๆในใจ อย่าใจอ่อน อย่าใจอ่อน!
หมาจิ้งจอกกับเสือเพียงแค่ง่วงนอน ไม่นานพวกมันก็จะตื่นมา
“ต่อไปอาซิวจะไม่ทำอีกแล้ว…….” คนคนนั้นพูดเบาๆ กำลังขอร้อง
“พี่สาวจะหิว อาซิวก็เลยอยากส่งอาหารกลางวันให้พี่สาว แต่อาซิวโง่…….”
ตุ๊ง!
หัวใจเหมือนถูกมีดคม แทงทะลุเข้าไปในหัวใจ คนคนนี้……ความยุ่งเหยิงที่เธอกวาด…….ก็เพื่อจะส่งอาหารกลางวันให้เธอ?
ไม่ๆ ห้ามใจอ่อน ไม่ควรใจอ่อน
จะอ่อนโยนกับใครก็ได้ สำหรับเขา ไม่ได้
ติ๊ก ติ๊ก——
ในความสงบ เสียงแปลกๆดังขึ้น เหมือนเสียงน้ำไหลลงพื้น มันดังแปลก ๆ ในห้องรับแขก
แต่เธอมั่นใจว่า ปิดก๊อกน้ำแล้ว
เสียงนั่นน่าจะมาจาก——
เธอมองคนข้างๆ อย่างกะทันหัน
“คุณเอามือไว้ด้านหลังซ่อนอะไรไว้!” ตาเธอแหลมคม มองตรงไปข้างหน้า จึงสังเกตเห็น คนคนนั้นเอามือซ่อนไว้ด้านหลังตลอดเวลา
“ไม่มี”
“ยื่นมือออกมา”
เธอเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว คนคนนั้นรีบถอยหลังไปหลายก้าว เลี่ยงการสัมผัสของเธอ
การถอยครั้งนี้ ตรงที่เขายืนอยู่ บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดง แดงจนปวดตา
เธอยกเท้าทันทีและเข้าใกล้คนคนนั้น “ยื่นมือออกมา ให้ฉันดูหน่อย”
คนคนนั้นถอยอย่างรวดเร็วเหมือนสัตว์ร้ายหนีภัยพิบัติจากน้ำท่วม
น้ำที่สะสมอยู่บนพื้นดิน เธอใจร้อน อยากเห็นมือที่เขาซ่อนไว้ด้านหลัง แต่ลืมว่า ตัวเองขาไม่ปกติ เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ เขาก็หลบหนีเร็วมาก มันเกิดขึ้นเร็วมากเจี่ยนถงล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว “อ๊าก——“
ลืมความเจ็บปวดทันใด ที่เอวมีแขนที่แข็งแรงข้างหนึ่ง กอดเธอไว้แน่น “พี่สาว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อาซิวอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”
วินาทีที่เธอมองขึ้นไป เห็นแต่ความวิตกกังวลในแววตาของคนคนนั้น ราวกับว่าคนที่ล้มเป็นตัวเขาเองไม่ใช่เธอ
เธอนึกถึงอะไรบางอย่าง ยังไม่ทันยืนอย่างมั่นคง รีบคว้าแขนที่อยู่ตรงเอวของเธอ…….เต็มไปด้วยเลือดสีแดง
แค่มองแป๊บเดียว ก็เห็นบนฝ่ามือ บนนิ้วมือมีบาดแผลที่โดนบาด เจี่ยนถงหน้าทรุด “ยืนดีๆ”ตะโกนออกมาเสียงเข้ม ความโกรธที่เธอเอกก็ไม่ทันได้สังเกต
เธอยกเท้า จะรีบเดินไปที่มุมห้องรับแขก
แต่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ หันมา ข้างหลังมีคนเดินตามมา “บอกให้ยืนนิ่งๆ ใครบอกให้คุณขยับ?”
“พื้นลื่น……..”
เจี่ยนถงสีหน้าเย็นชา ตาเป็นประกายไฟเล็กน้อย หน้าตึง ตะโกนสุดเสียง
“ทำให้น้ำเต็มบ้านไปหมด รกรุงรัง สร้างความเดือดร้อนให้มาก คุณยังจะสร้างความเดือดร้อนอะไรอีก?” ใจร้ายมาก
คนคนนั้นประนีประนอมอย่างไม่สบายใจและพูดว่า “อาซิวไม่ขยับแล้ว อาซิวจะยืนอยู่ตรงนี้”
เจี่ยนถงเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลในตู้ที่อยู่มุมห้องรับแขก แล้วกลับมา เธอนั่งบนโซฟา พูดกับชายคนนั้นที่ยืนนิ่งๆไม่กล้าขยับตัวอย่างเย็นชาว่า
“ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นทำไม?”
ใบหน้าของคนคนนั้นอึ้งอย่างกะทันหัน แล้วพูดอย่างสำรวมว่า “ก็พี่สาวบอกว่า ไม่ให้อาซิวขยับไปไหน”
ความเย็นชาบนหน้าเจี่ยนถง ตกตะลึง ใบหน้านั้นยืดหยุ่นยาก จึงตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า
“มานี่” คนคนนั้นเหมือนทำอะไรผิด เดินมาหาเธออย่างกลัวๆ เธอชี้ไปบนโซฟาข้างๆ “นั่งตรงนี้”
ได้รับการอภัยโทษ ชายคนนั้นรีบวิ่งไปหาเธออย่างมีความสุข นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“ยื่นมือออกมา”
ในขณะที่เธอพูดไปด้วย ก็ได้เปิดกล่องปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
คนคนนั้นก็เชื่อฟัง สำลีเช็ด น้ำยาฆ่าเชื้อ ผ้าก๊อซสีขาวพันแผล ยื่นมือให้ตลอดเวลา ให้เธอทำให้จนเรียบร้อยทุกอย่าง
“ทำมันยังไง?” หลังจากที่ทำแผลเสร็จ เธอปิดชุดปฐมพยาบาล เพิ่งเริ่มถามถึงอาการบาดเจ็บที่มือของเขา
“ฉันทำถ้วยแตก ก็เลยจะเก็บขึ้นมา……..” ผู้ชายคนนี้มองเธออย่างซื่อๆ
เจี่ยนถงถอนหายใจในใจ “หลังจากนั้นก็บาดมือ?”
“อืม” เขาพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“ทำไมต้องซ่อนไว้ ไม่ให้ฉันเห็น”
เธอถามอีกครั้ง
“กลัวพี่สาวจะว่าอาซิวซุ่มซ่าม”
เจี่ยนถงตกใจ ถูกมองด้วยสายตาไร้เดียงสาแบบนั้น เป็นเพราะเหตุผลที่ไร้สาระเช่นนี้
แต่ครั้งนี้ เธอหัวเราะไม่ออก และความโกรธก็ค่อยๆหายไป