ครั้งนี้ เขาได้เตรียมการมากอย่างดี
หลังจากที่ซีเฉินบอกอาการให้กับเขาแล้ว เขาก็ใช้ความเร็วเท่าที่จะเร็วได้ นำยาที่อาจจะต้องใช้และยาที่เขานึกได้ทั้งหมดมาด้วย
คุณหมอหวางที่ใบหน้าใจดีมาตลอด เวลานี้ดูจริงจังมาก ซีเฉินไม่พูดอะไรสักคำ เขารีบหันเดินไปหยิบกล่องยามา
เขาเชื่อใจคุณหมอหวาง คุณหมอหวางจริงจังขนาดนี้ อาการของอาซิวคงหนักมากแน่
“ยังดีที่ไม่มีอาการช็อก”คุณหมอหวางทำทุกอย่างเสร็จ แล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผากออก
ซีเฉินมองผ้าห่มที่ปูอยู่ที่พื้นทีหนึ่ง แล้วจองหน้าเจี่ยนถงพักหนึ่ง แต่เขากลับไม่พูดอะไร
ถึงแม้จะไม่ได้ตำหนิเธอเลยสักคำ แต่เจี่ยนถงกลับเหมือนสำนึกผิดแล้วหันหน้าหลบเขา
ยุ่งกันอยู่นาน ยังไงแล้ว ซีเฉินกับคุณหมอหวางจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ แล้วทั้งสองคนก็ได้จากไป อุณหภูมิในร่างกายของเสิ่นซิวจิ่นได้ลดลงบ้างแล้ว คุณหมอหวางพูด ถ้าอุณหภูมิร่างกายยังไม่ลดล่ะก็ คงจำเป็นต้องส่งโรงพยาบาลแล้ว
ซีเฉินกับเธอต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก
ขณะนี้ เสิ่นซิวจิ่นไม่เหมาะที่จะไปปรากฏตัวในเมืองS โชคดีที่คนคนนี้เหนือมนุษย์มาก ไม่เหมือนคนทั่วไป แม้แต่ร่างกาย ก็ยังแข็งแรงกว่าคนทั่วไปด้วย
อุณหภูมิในร่างกายลดลงมาที่38.5องศา ตอนที่ตะวันลับฟ้า เจี่ยนถงนั่งอยู่ข้างๆ ดูรายงานที่วิเวียนส่งมา งานที่ร่วมทำกับคาย์อัน อาทิตย์หน้าถึงจะเริ่มอย่างเป็นทางการ
กำลังคิดถึงคาย์อันอยู่ จู่ๆเสียงมือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก
“ถงถง หิวน้ำ”
เธอตกใจ แล้วนิ้วก็ไปกดรับสายเข้า
“ฮัลโหล”ในสาย เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้น
“ถง……อื๊มมม”
เจี่ยนถงรีบยื่นมือไปปิดปากของเขาไว้
คือคาย์อัน เฟโรกิ!
“เสี่ยวถง ทางคุณเป็นเสียงอะไรครับ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ ฉันกำลังดูทีวีอยู่ ตอนนี้ปิดแล้วค่ะ คุณคาย์อัน คุณมีอะไรเหรอคะ?”
เวลานี้ ฟ้าก็มืดแล้ว เธอไม่อยากออกไป มีธุระเร่งด่วนอะไร ที่จำเป็นต้องให้คนคนนี้โทรศัพท์หาเธอด้วยตัวเองในเวลาแบบนี้ด้วย
“ที่แท้ก็ดูทีวีอยู่นี่เองเหรอครับ ผมไปหาคุณที่บริษัทเจี่ยนซื่อมา คุณวิเวียน ผู้ช่วยของคุณบอกว่าคุณไม่สบาย ตอนนี้ ดีขึ้นหรือยังครับ?”
“ขอบคุณคุณคาย์อันที่เป็นห่วงนะคะ ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
เธอก้มหน้าคิดไปแล้วถามอย่างไม่ค่อยแคร์ “คุณคาย์อันได้เบอร์ติดต่อของฉันมาจากวิเวียนเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ได้ยินว่าคุณไม่สบาย ผมเลยเป็นห่วงคุณมาก”คำพูดของเขาช่างตรงและไม่อ้อมค้อม
แต่ก็ตรงกับนิสัยของคนคนนี้มาก เป็นคนที่ตรงไปตรงมามาโดยตลอด ก็เหมือนเรื่องนั้นในอดีต ถึงแม้เธอไม่ชอบ แต่ว่าไม่พูดไม่ได้เลย คนคนนี้ ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร เขาจะเปิดเผยจุดประสงค์ออกมาอย่างชัดเจน ไม่ชอบปิดบังซ่อนเร้น
“ที่จริง”เธอใช้เวลาคิดไม่กี่วิ ก็ตัดสินใจได้แล้วถาม “ถ้าคุณคาย์อันสะดวกล่ะก็ สามารถบอกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภายในของเจี่ยนซื่อให้ฉันได้มั้ยคะ ก็คือตอนที่ทั้งสองบริษัทพบเจอกันวันนั้น เรื่องที่คุณคาย์อันเอ่ยถึง คือได้ยินมาจากไหนคะ?”
คนภายในบริษัทเจี่ยนซื่อส่วนใหญ่ต่างก็ไม่รู้ เธอปิดข่าวนี้อย่างมิดชิด แต่ท้ายที่สุด กลับถูกบริษัทฝ่ายตรงข้ามรู้เรื่องนี้จนได้ เรื่องนี้ ต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ ถ้าไม่สืบให้รู้แน่ชัด เธอวางใจไม่ได้แน่
“ผมก็แค่เดาเอาก็แค่นั้น”
เจี่ยนถงได้ยินแล้วเงียบไป เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากบอกที่มาของข่าวนี้
เดาเอางั้นเหรอ?
ริมฝีปากเธอเผยรอยยิ้มประชดออกมา ถ้าว่าเดาก็อาจเดาได้ว่าบริษัทเจี่ยนซื่อมีปัญหา แต่ที่สามารถเดาได้ว่าบริษัทเจี่ยนซื่อเกิดปัญหาอะไรได้อย่างแม่นยำขนาดนี้
คงไม่ใช่แค่อ้างว่าเดาแล้วจะอธิบายได้
แต่ว่า ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมบอก นั้นเธอก็คงไม่ได้ข่าวที่มีประโยชน์จากอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ หลังจากเธอกลับมาจากการพบปะพูดคุยและตกลงการที่จะร่วมมือการของทั้งสองฝ่ายแล้ว กลับมาเธอก็ป่วยเลย เรื่องนี้เลยถูกพัดไว้ ตอนนี้ เป็นเวลาที่ควรจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จซะทีแล้ว
“เสี่ยวถง ประเทศของคุณมีคำหนึ่งพูดว่า นักธุรกิจเห็นเงินทองสำคัญกว่าความรัก ผมเป็นนักธุรกิจ แน่นอนว่าต้องรักเงินอยู่แล้ว และแน่นอนว่าคนเป็นนักธุรกิจไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล แต่ในฐานะนักธุรกิจ ก็มีกฎพื้นฐานสำหรับนักธุรกิจเช่นกัน”
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเสียมารยาทเอง ที่ถามเรื่องที่ไม่ควรถาม”เธอไม่ได้โกรธคาย์อัน เฟโรกิที่ไม่ยอมบอกความจริงกับเธอ ถ้าคาย์อัน เฟโรกิคนนี้พูดความจริงออกจากปากของเขาจริงแล้วล่ะก็ นั้นเธอคงต้องคิดใหม่แล้ว ว่ายังจะร่วมงานกับคนคนนี้อีกหรือไม่
“เสี่ยวถง คุณสามารถเข้าใจผมก็ดีแล้ว อย่างเดียวที่ผมสามารถบอกกับคุณได้ก็คือ หาสาเหตุต้นตอจากภายใน”
ดวงตาของเจี่ยนถงคมเข้มขึ้นมาทันที!
หาสาเหตุต้นตอจากภายใน!
มีหนอนบ่อนไส้!
เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ก็คือความหมายนี้
“ขอบคุณมากเลยนะคะ……”
“ถ้าคุณอยากขอบคุณผมจริง สู้ทำอะไรที่มันจับต้องได้ดีกว่า”
อีกฝ่ายพูดด้วยการหยอกล้อ
เจี่ยนถงไม่ได้ตอบเขา
ปลายสายก็เงียบลง สักพักถึงพูดขึ้น “เลี้ยงข้าวผมมื้อหนึ่งก็พอ”
เธอกลับหัวเราะเบาๆออกมาอย่างพอใจ แล้วพูดอย่างมีมารยาท “แน่นอนค่ะ”
“อุ๊ย”คาย์อันอุ๊ยเบาๆออกมาทีหนึ่ง”พูดนอกเรื่องมาเยอะเลย เกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย”
“คุณเชิญพูดมาได้เลยค่ะ”
“เสี่ยวถง พรุ่งนี้คุณบินไปฝรั่งเศสกับผมหน่อยนะ”คาย์อันพูด “เตอร์เมนกรุ๊ปของฝรั่งเศส เคยได้ยินมั้ยครับ?”
เตอร์เมนกรุ๊ป!
เจี่ยนถงตกใจ “ฉันรู้จักค่ะ เตอร์เมนกรุ๊ปคือป้ายโฆษณาของวงการธุรกิจ เป็นผู้นำของโลก”
“ใช่ ถ้าบริษัทเจี่ยนซื่อได้เกี่ยวพันธ์กับ เตอร์เมนกรุ๊ปได้ล่ะก็ นั้นบริษัทเจี่ยนซื่อคงผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ผมรู้จักกับมิแฟรี่ของเตอร์เมนกรุ๊ป มิแฟรี่คนนี้ ถ้าคุณรู้จักเตอร์เมนกรุ๊ปล่ะก็ นั้นก็ต้องรู้ว่ามิแฟรี่คนนี้พบได้ยากมาก
คือคนที่มีชื่อเสียงที่บงการอยู่เบื่องหลังในแวดวงธุรกิจ”
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเจอเขาคนนี้ เว้นแต่จะมีเส้นสาย หรือคนคนนี้ยอมพบคุณ
“ผมได้ส่งอีเมลให้กับมิแฟรี่วันนี้ วันมะเรื่อง เขาจะกลับมาฝรั่งเศสในวันหยุดพักผ่อน พวกเราได้นัดเจอกันเป็นการส่วนตัว”น้ำเสียงของคาย์อันฟังดูทุ้มต่ำ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้าของเขา แต่เวลานี้ คำพูดเหล่านี้ ราวกับมีเวทมนตร์อย่างไรอย่างนั้น ได้เกลี้ยกล่อมหัวใจของเจี่ยนถงอย่างต่อเนื่อง
ฝรั่งเศส เตอร์เมนกรุ๊ป มิแฟรี่!
หัวใจเธอเต้นแรงอย่างกับเสียงตีกลอง!
ตุบตับๆๆ……ยิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ!
“เสี่ยวถง คุณต้องรู้นะโอกาสแบบนี้หายากมาก “คาย์อันชี้แนะ
แน่นอนว่าเธอก็รู้ ว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก!
ในใจเธอตื่นเต้นจนไม่รู้ควรทำยังไงดีแล้ว ขอแค่ได้โอกาสจากมิแฟรี่ครั้งหนึ่ง บริษัทเจี่ยนซื่อก็จะสามารถพ้นจากวิกฤติในตอนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง!
ถ้าสามารถยึดเตอร์เมนกรุ๊ปไว้ได้……ใบหน้าซีดเซียวของผู้หญิงได้แดงขึ้น
“ได้……”คำว่าได้คำหนึ่งยังไม่ทันจะพูดจบ
จู่ๆ หลังมือก็ถูกคนจับเอาไว้ เธอตกใจแล้วก้มหน้าไปดู ก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาดูเจ็บปวดทรมาน แต่กลับฝืนทนไว้ คนคนนั้นกำลังกะพริบตาที่ใสสะอาดมองเธออยู่ ตาคู่นั้น ราวกับน้ำวนอย่างไรอย่างนั้น ต่างจากดวงตาคมเข้มตอนที่เขามีสติ ข้างในล้วนแต่เป็นความคิดถึงและอาลัยอาวรณ์ แต่กลับทำให้เธอลืมหายใจไปชั่วขณะ
ความคิดถึงและความอาลัยอาวรณ์ที่มีต่อเธอ
ความอาลัยอาวรณ์ที่เสิ่นซิวจิ่นมีนั้น คือความอาลัยอาวรณ์ที่มีต่อเจี่ยนถงทั้งนั้น!
เธอเห็นแล้วอึ้งไปและลืมไปว่าในมือยังถือโทรศัพท์อยู่ หน้าจอของมือถือโชว์ว่ากำลังอยู่ในสายอยู่
ภายใต้การเหม่อลอยของเธอ คนคนนั้นจับมือเธอไปไว้ที่แก้มของตัวเองทั้งสองข้าง หลังจากนั้น หลังจากนั้น……เอาหน้าแนบกับมือเธอด้วยความอาลัยอาวรณ์
ทันใดนั้น ฝ่ามือของเธอราวกับลุกเป็นไฟอย่างไรอย่างนั้น!
เหมือนถูกเผาแล้วรีบดึงมือกลับ
“เสี่ยวถง?”ปลายสายมีเสียงเรียกของคาย์อันดังมา “คุณยัง……”ฟังอยู่มั้ย……
“คุณคาย์อันคะ ขอบคุณความหวังดีของคุณมากเลยนะคะ”เจี่ยนถงหลับตาลง มืออีกข้างกำจนแน่นและซ้อนอยู่ข้างตัว มีเสียงดังอยู่ในใจ เธอบ้าไปแล้วเหรอ!เธอมันเสียสติ บ้าไปแล้วจริงๆแน่!
เจี่ยนถงยกมือถือไว้ พูดออกมาอย่างตึงเครียด “ฉันคงไม่มีบุญวาสนาได้เจอคุณมิแฟรี่แล้วค่ะ”
ฟรืบ~มือถือตกหล่นไปที่พื้น เจี่ยนถงราวกับไก่ชนที่แพ้ศึกและมะเขือยาวที่โดนความหนาวเย็นแล้วเหี่ยวเฉา ล้มตัวลงไปนั่งอยู่ที่หน้าเตียงอย่างอ่อนแรง
นั่นมันเตอร์เมนกรุ๊ปเลยนะ!คุณมิแฟรี่ของเตอร์เมนกรุ๊ปเชียวนะ!เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในวงธุระกิจ!เธอบ้าไปแล้ว!เธอถูกคุณไสยหรือไง!……หัวใจของเธอสั่นคลองและมีเลือดหยด เธอค่อยๆก้มหน้าลง สายตาหยุดลงที่ใบหน้าซีดเซียวของคนคนนั้น คนคนนั้นกำลังใช้ริมฝีปากที่ไร้เลือดฝาดยิ้มให้กับเธอด้วยความสบายใจ
กึก~เธอเหมือนได้ยินเสียงกัดฟันของตัวเอง
เจี่ยนถง เธอมันบ้าไปแล้ว!
จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นทันที สีหน้าดูเงียบขรึมเย็นชา เดินไปแล้วกลับมา ตอนที่กลับมาอีกที เธอเอาน้ำแก้วหนึ่งยื่นให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดื่มซะ”