ในห้องนอน ผู้หญิงนั่งอยู่ริมหน้าต่างของห้องนอนอย่างเงียบๆ นอกหน้าต่างมีไฟนีออนสีสันสวยงาม มีรถราวิ่งขวักไขว่ไปมา คึกคักมาก ชายหญิงที่มีมากมายหลากหลาย มองลงไปจากตึกสูงของบ้านเธอ ได้กลายเป็นจุดดำทีละจุด เหมือนมดตัวเล็กๆตัวหนึ่ง
แต่ละคนต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ละคนคนราวกับต่างก็มีความสุขมาก แล้วแต่ละคนได้ซ่อนเรื่องราวอะไรไว้บ้าง
คนที่เดินเฉียดไหล่ไปคนนั้น บางทีเธออาจจะได้ผ่านความลำบากมาจนหัวใจตายด้าน
แล้วเธอล่ะ?
ตัวเธอเองล่ะ?
แล้วเธอกำลังใช้ชีวิตยังไง
คนคนนั้นยังเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง เธอรู้ว่านาทีนี้คนคนนั้นจะต้องกระสับกระส่ายแน่นอน พร้อมเดาอยู่ในใจไปมั่วซั่วว่าเขาทำอะไรผิดหรือเปล่า
มุมปากเผยรอยยิ้มที่ผิดหวังออกมา
ตุบ–
หมัดนั้นได้ชกไปที่กำแพงอย่างแรง เธอก้มหน้าก้มตัวลง ผมที่เงาดกดำบังศีรษะและใบหน้าไว้ ไหล่ที่สั่นเทา นาทีนี้ได้เผยความหมดหนทางและความเจ็บปวดของเธอออกมา สับสนและขัดแย้ง……วิเวียนพูดถูก ที่วิเวียนพูดไม่ถูก วิเวียนพูดถูก ที่วิเวียนพูดไม่ถูก……
ตกลงวิเวียนพูดถูกหรือเปล่า?
ตุบ–
ไปชกไปอีกหมัดหนึ่ง
“สิ่งที่ควรลืมกลับไม่ลืม สิ่งที่ไม่ควรลืมกลับลืมไปอย่างสิ้นเชิง ฮ่า~” แววตาเธอเต็มไปด้วยการเหน็บแนมที่ไร้ขีดจำกัด “กลั่นแกล้งคนเก่งจริงๆ”
ก็ไม่รู้ที่เธอพูดถึงคือโชคชะตาที่บัดซบนี้ หรือว่าคนร้ายที่ก่อเรื่องทุกอย่างนี้ขึ้น
“ถงถง ถวถงอย่าทำให้อาซิวตกใจสิ” คนที่อยู่หน้าห้องตะโกนอย่างร้อนรนใจ จากตอนแรกที่เคาะประตูมาถึงทุบประตู สุดท้ายได้เริ่มกระทืบประตู “ถงถง อย่าทำให้อาซิวตกใจสิ อาซิวสงสาร……”
แอ๊ด~
ประตูห้องนอนเปิดออกเงียบๆ เผยสีหน้าที่เรียบเฉยออกมา ริมฝีปากที่ซีดเหมือนท้องฟ้ายามพลบค่ำของผู้หญิง มีเลือดสีแดงเป็นวง เห็นได้ชัดเจนว่าเคยผ่านการกัดอย่างแรง
ถ้าถึงขั้นกัดริมฝีปากจนแดงเป็นวง จะต้องขัดขืนมากแค่ไหนเลย
เธอยกฝีเท้าและมองข้ามใบหน้าอันหล่อเหลาที่ร้อนรนใจและกังวลอยู่หน้าห้อง ในมือหอบผ้าห่มของเขาไว้
ทุกอย่างได้ฟื้นฟูกลับไปเมื่อก่อนอีกครั้ง
ผู้หญิงเดินไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างเงียบๆ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบๆ ปูผ้าห่มเป็นสองชั้น
คนด้านข้าง ผู้ชายยืนอยู่ข้างๆอย่างกระวนกระวายใจ สีหน้าท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก ทำให้คนเห็นแล้วสงสารจับใจ
ผู้หญิงไม่ไปมองเขา
“ต่อไป ห้ามเข้าไปในห้องนอน”
คำพูดใจจืดใจดำได้ออกมาจากปากของเธอ
พริบตาเดียวคนคนนั้นก็ลนลานสุดขีด จับชายเสื้อของผู้หญิงที่กำลังอยากจะจากไปไว้แน่น พร้อมซักไซ้อย่างร้อนรนใจสุดๆ “ถงถง ถงถง อาซิวทำอะไรผิดหรือเปล่า ถงถงไม่ชอบอาซิวแล้วเเหรอ”
“ปล่อยมือ”
“ไม่ปล่อย”
คนคนนั้นส่ายหัวอย่างดื้อด้าน
ผู้หญิงก้มหน้ามองชายเสื้อตัวเองที่ถูกเขาฉุดดึงอยู่ในฝ่ามือ ไม่เคยไปครุ่นคิด ไม่เคยเหลือพื้นที่ว่างให้ตัวเองครุ่นคิด รูรั่วของในใจ ที่เติมเต็มเข้าไปล้วนเป็นรสขมขื่น คำพูดของวิเวียนวนเวียนอยู่ข้างหูของเธอ เหมือนกล่องดนตรีที่เก่าโทรม เล่นซ้ำรอบแล้วรอบเล่า
เธอยื่นมือดึงชายเสื้อตัวเองกลับอย่างเย็นชา แล้วก้าวเท้าเดินไปที่ห้องนอน
แววตาของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังมีความวิตกกังวลแวบผ่าน เขาก้าวเท้าวิ่งตามไปโดยไม่คิดเลย
“ถงถง อาซิวทำอะไรผิด ถงถงบอกอาซิวสิ อาซิวจะแก้” ผู้ชายดึงแขนของผู้หญิงไว้แน่นอย่างวิตกกังวล
ผู้หญิงไม่พูดสักคำ ยกมือด้วยสีหน้าเฉยเมยพร้อมดึงนิ้วมือเขาออกทีละนิ้ว “อาซิวไม่ได้ทำอะไรผิด” สำหรับเธอแล้ว คนที่ทำเรื่องผิดคือคนที่ชื่อเสิ่นซิวจิ่น
แต่อาซิวก็คือเสิ่นซิวจิ่นนี่หน่า เธออยากละเลย ก็เหมือนที่เธอพูดกับวิเวียน เธอไม่อยากผลัก”ความอบอุ่น”ที่ชีวิตนี้น้อยเหลือเกินนี้ออก
แต่เธอกลัวนี่หน่า
เธอเดินเข้าห้องนอนอย่างใจจืดใจดำและเฉียบขาด”แกร๊ก”ล็อกประตูห้องนอนไว้ และล็อกประตูหัวใจไว้ด้วย
เธอเหลือไว้แค่ร่างเงาที่เด็ดขาดให้ผู้ชายที่อยู่หน้าห้อง หันหลังให้กับใบหน้าของคนคนนั้น แต่น้ำตากลับไหลลงมาอย่างไม่เอาไหน
ทำไมต้องร้องไห้ด้วย?
เธอไม่ไปคิด และไม่มีเรี่ยวแรงไปคิดอีกแล้ว
ก็ตามนี้เถอะ ก็ตามนี้เลย
ค่ำคืนนี้ ประตูบานหนึ่ง คนสองคน
ค่ำคืนนี้ จบอย่างเงียบงัน กลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง
สำหรับเสิ่นซิวจิ่น นี่ไม่เพียงเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันทำให้ตกใจอย่างมาก
ตอนที่แสงแรกยามเช้าสาดส่องลงมา
เจี่ยนถงเปิดประตูอย่างเงียบๆ ร่างเงาหนึ่งได้ล้มเข้ามา
พอมองดูดีๆ คนคนนั้นนอนอยู่บนพื้น ครึ่งท่อนบนอยู่ในประตู ครึ่งท่อนล่างอยู่ตรงทางเดิน ตอนที่เธอมองเขา เหมือนคนคนนั้นจะสะดุ้งตื่น สายตาพร่ามัว พอเห็นว่าเป็นเธอ ได้กะพริบตาที่พร่ามัว พริบตาเดียวดวงตาเฉียบคมก็ดูสดชื่นขึ้นเยอะเลย “ถงถง”
คนคนนั้นเรียกอย่ากล้ำกลืนคำหนึ่ง พร้อมมองเธออย่างระมัดระวัง
ลมหายใจของเจี่ยนถงยุ่งเหยิงเล็กน้อย เธอหรี่ตา “เมื่อคืนนายนอนที่นี่?”
“เปล่า!” ด้วยความตื่นเต้นคนคนนั้นได้โต้แย้งเสียงดังทันที
แววตาเธอเย็นชา “โกหก”
“เปล่า……”
เธอหรี่ตาลงทันที
“คือ คือเมื่อคืนเข้าห้องน้ำแล้วง่วงเกินไป อาซิวไม่ได้จงใจไม่เชื่อฟังนะ” ในที่สุดคนคนนั้นก็ได้อธิบายเสียงเบา
เจี่ยนถงหลับตา และละเลยความเจ็บปวดในใจ
“ฉันจะไปทำงาน” เธอพูด “ฉันจะเอากุญแจบ้านส่งไปที่มือของซีเฉิน เดี๋ยวเขาจะพาหมอมาให้น้ำเกลือนาย นายอยู่บ้านอย่าวิ่งเถลไถลล่ะ ถ้าหิวก็ต้มบะหมี่กินเอง”
พูดจบก็ได้เดินก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จอย่างเร่งรีบ แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่ได้ทาน พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็ได้หยิบกระเป๋าออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
เธอรู้ว่าสายตาของคนคนนั้นจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในแววตาอบอวลด้วยหมอก ดูท่าเหมือนจะร้องไห้
เธอคอยเตือนตัวเองเสมอว่า อย่าไปดู เสิ่นซิวจิ่นยังไงก็คือเสิ่นซิวจิ่น คนคนนี้ เธอไม่รู้จัก
ไปถึงเจี่ยนซื่อกรุ๊ป ตอนที่วิเวียนเห็นเธอก็ยังรู้สึกตะลึงเลย “ทำไมประธานเจี่ยนถึงมีเวลา……”
“คุณเอาแผนการดำเนินงานที่ร่วมงานกับคุณคาย์อันมาหน่อย ฉันยังมีรายละเอียดต่างๆที่ต้องพิจารณาดูใหม่”
“แต่ว่า……”
“ถ้าเป็นการแก้ไขแผนการดำเนินงานที่ทำให้ผู้ร่วมทุนทั้งสองฝ่ายสามารถได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่า ฉันว่า อีกฝ่ายก็จะยินดีอย่างยิ่งเหมือนกัน วิเวียน บนโลกใบนี้ ไม่มีใครปฏิเสธเงินที่มากกว่าเหรอก”
วิเวียนช็อก!
นี่ไม่ใช่สไตล์ของเจี่ยนถงแน่นอน!
สำหรับเงิน ทุกคนย่อมชอบอยู่แล้ว
แต่เธอรู้ สำหรับยัยโง่อย่างเจี่ยนถงแล้ว เห็นผู้ชายคนนั้นสำคัญกว่า ไม่งั้นจะมาตกอยู่ในสภาพอย่างวันนี้ได้ยังไง
“ได้ค่ะ……โอเคค่ะ!” เธอพูดอย่างอ้ำอึ้งจบก็ได้หันหลังจากไป
คนที่บอกว่าจะดึงเจี่ยนถงออกมาจากวังวนนั้นคือตัวเธอเอง แต่นาทีนี้ฟังยัยโง่คนนั้นพูดเรื่องที่เกี่ยวกับเงินและผลประโยชน์ทีละถ้อยคำ เธอกลับไม่รู้จะทำยังไงดี
อยู่ในออฟฟิศของเธอ เธอเพิ่งเข้าไปก็ได้โทรศัพท์หาซูเมิ่ง
เพราะความสัมพันธ์ของเจี่ยนถง เธอได้รู้จักกับซูเมิ่ง ซูเมิ่งผู้หญิงคนนี้พิเศษมาก เป็นนักธุรกิจที่ร่าเริงแจ่มใสและเฉลียวฉลาด ผู้หญิงที่ปลิ้นปล้อนแต่มีความเป็นผู้หญิง เสน่ห์เย้ายวนก็ไม่เพียงพอที่จะบรรยาย พวกเธอเจอกันครั้งแรกก็มีความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
“ฉันทำผิดหรือเปล่า?” วิเวียนคอยถามอย่างอ้ำอึ้ง “ฉันมโนเกินไปหรือเปล่าว่าสิ่งที่ฉันคิดถึงจะถูกต้อง?แต่ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเจ็บช้ำใจอีกเฉยๆ!”
ซูเมิ่งพูด “พี่ไม่รู้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่คิดว่าเรื่องบางเรื่อง ใครก็ไม่ควรไปก้าวก่าย แต่ไม่ว่าเธอพูดอะไรกับยัยโง่คนนั้น ตอนนี้ หล่อนเป็นคนเลือกเอง เธอพูดแล้วหล่อนฟัง เธอพูดแล้วหล่อนไม่ฟัง นี่ล้วนเป็นการตัดสินใจของหล่อน”