Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 288 เรื่องที่คาย์อันทำผิดที่สุด

ลู่เชนมองหน้าเพื่อนรัก พร้อมกลับมาอย่างเร่งรีบด้วยฝีเท้ายุ่งเหยิง

“ข้างหลังมีผีตาม?” เขายักคิ้วสวยและพูดล้อเล่น

คาย์อัน เฟโรกิเดินอ้อมผ่านข้างกายของลู่เชนไป เดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ดึงประตูกระจกออก มองก็ไม่ได้มองก็หยิบวิสกี้ขึ้นมาขวดหนึ่งอย่างป่าเถื่อนเลย เปิดฝาขวดก็กรอกลงไปกรึ๊บใหญ่ แค่ไม่กี่วินาที เหล้าขวดใหม่ก็ดื่มไปครึ่งขวดแล้ว

ลู่เชนพุ่งมาอย่างไว พร้อมแย่งขวดเหล้าในมือคาย์อันไป “เหล้าไม่ใช่ดื่มแบบนี้”

คาย์อัน เฟโรกิหายใจแรงๆ กลิ่นเหล้าเข้มข้นได้ฟุ้งอยู่กลางอากาศ

ลู่เชนเห็นเขาไม่ได้ยึดติดกับเหล้าอีก จึงได้วางวิสกี้ในมือลง ถอยออกสองก้าวและมานั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวหนังแท้สีน้ำตาล “ไหนว่ามาซิ ทำไมถึงได้ว้าวุ่นใหญ่เลย?”

คาย์อันยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์บาร์ แขนยันอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ หลังมือก่ายหน้าผากไว้ รอบๆของเขาฟุ้งด้วยกลิ่นเหล้า ขนตาสีน้ำตาลสั่นเล็กน้อย ตั้งนานแสนนานก็ไม่ตอบ

ลู่เชนเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด ย่อมมากประสบการณ์และโหดเหี้ยมอยู่แล้ว แค่คำพูดเดียวก็หาจุดสำคัญเจอ “เลขาของนายบอกว่านายไปเจี่ยนซื่อกรุ๊ป” เขาสลับขามานั่งไขว่ห้างไว้ “นายถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้”

คนที่ยืนอยู่ข้างเคาน์เตอร์บาร์ ไม่มีทีท่าจะพูดจาเลย

แสงในแววตาลู่เชนระยิบระยับ “เธอปฏิเสธนาย?”

คำพูดปกติคำนี้ กลับได้กระตุ้นคาย์อัน เฟโรกิ เขาเงยหน้าขึ้นมาทันทีแล้วตะคอกด้วยความโกรธ “เปล่า!”

ลู่เชนก่ายหน้าผากไว้ มองเขาพร้อมยิ้มอย่างเรียบเฉย

“ก็ได้……”คาย์อันพิงอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์อย่างหมดอาลัยตายอยาก และพูดเยาะเย้ยตัวเอง “นายชนะแล้ว”

ลู่เชนยิ้มอ่อนๆ ความเข้าใจได้วับไปอย่างไว

ไม่นาน “แต่นายผิดไปแล้ว” ร่างกายของคาย์อันอ่อนระทวย รูปร่างที่สูงใหญ่ได้สไลด์มาที่เก้าอี้บาร์ของหน้าเคาน์เตอร์ พิงอยู่อย่างหมดเรี่ยวแรง “เธอไม่ได้ปฏิเสธฉัน ฉันยิ่งไม่ได้แสดงท่าทีกับเธอ”

ดวงตาเฉียบคมของลู่เชน มีความประหลาดใจแวบผ่าน “แล้วที่นายว้าวุ่น?”

“ตอนที่เรากำลังคุยเรื่องร่วมงานอยู่ ระหว่างนั้นเจี่ยนโม่ป๋ายได้บุกเข้ามา”

ลู่เชนยักคิ้วเล็กน้อย “พี่ชายของเธอ?ลูกชายคนโตของตระกูลเจี่ยน?”

คาย์อันพยักหน้า “ใช่ ก็เขานั่นแหละ”

“เขาควรจะอยู่โรงพยาบาลสิ เจี่ยนโม่ป๋าย คุณชายใหญ่ของตระกูลเจี่ยนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คนทั้งวงการต่างก็รู้กันทั้งนั้น”

“ใช่ เขาควรจะอยู่โรงพยาบาล” จู่ๆคาย์อันหัวเราะเบาๆทีหนึ่ง พร้อมพูดจาเหน็บแนมเล็กน้อย “ไม่มีใครไม่กลัวตายเหรอก”

พูดถึงตรงนี้ คนที่ฉลาด แค่ฟังคำนี้ก็เดาเรื่องที่เกิดขึ้นทีหลังได้แล้ว

บังเอิญ ที่ลู่เชนเป็นคนฉลาดพอดีเลย

ริมฝีปากบางยกขึ้นมาอย่างเซ็ง พร้อมลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน “อ๋อ~เข้าใจแล้ว”

คำว่า”เข้าใจแล้ว”คำเดียว ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“คงเพื่ออยู่รอดสินะ ถึงได้มาขอร้องน้องสาวเขาช่วยชีวิตของเขา……เหอะ~กล้าทำไปได้น้อ ทำไมไม่ลองคิดดูว่าร่างกายของน้องสาวเขาเป็นยังไงบ้าง ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย ยังบริจาคไขสันหลังให้เขาอีก?”

ในคำพูดของลู่เชนแฝงด้วยการประชดและการเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่ง “ตอนนี้กลับมาขอร้องคนอื่น ตอนนั้นมัวแต่ไปทำอะไรอยู่?”

“ตอนนั้น?”

คาย์อันไม่ค่อยเข้าใจ

สายตาของลู่เชนมองใบหน้าคมเข้มของคาย์อันที่เหมือนแกะสลักด้วยมีดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ทำไม?นายไม่รู้เเหรอว่าเธอเคยติดคุก?”

คาย์อันพยักหน้า เรื่องนี้ย่อมรู้อยู่แล้ว

“งั้นนายก็ควรรู้สิว่าตระกูลเจี่ยนทอดทิ้งเธอในขณะที่เธอยากลำบากที่สุด อีกทั้งยังตัดขาดความสัมพันธ์กับเธออย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เป็นไงล่ะ พอมีเรื่องให้คนอื่นช่วยก็หน้าด้านแบกหน้ามาหา ที่จริงเรื่องบางเรื่อง ขอแค่คนของตระกูลเจี่ยนมีน้ำใจหน่อย ให้ความสนใจกับเจี่ยนถงหน่อย บางทีเรื่องมากมายก็อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว อย่างเช่น ไตที่สูญเสียไป”

คาย์อันไม่ใช่คนเอเชีย แต่เห็นด้วยกับที่ลู่เชนพูด ไม่ว่าคนประเทศไหน เหตุผลต่างก็ไม่ค่อยต่างกันเหรอก

ขอแค่ตอนนั้นคนของตระกูลเจี่ยนเคยไปเยี่ยมผู้ต้องขัง ถึงแม้แค่ครั้งเดียว ก็จะรู้สถานการณ์ตอนนั้นของเจี่ยนถงแล้ว

อำนาจของตระกูลเสิ่นย่อมดูถูกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ตระกูลเจี่ยนปักหลักอยู่ที่เมืองS ก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลคนรวยที่ค่อนข้างเก่าแก่แล้ว ไม่นับว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์มีอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีรากฐานเลย

ตอนนั้นขอแค่คนของตระกูลเจี่ยนไปเยี่ยมที่เรือนจำสักหน่อย ถึงแม้จะแค่ครั้งเดียวก็ตาม บางทีก็อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องบางเรื่องได้แล้ว

“ที่แท้……ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย” คาย์อันนึกถึงวันนี้ตอนที่อยู่ในออฟฟิศ ปฏิกิริยาตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเผชิญหน้าเจี่ยนโม่ป๋าย จู่ๆเหมือนตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงยังไงอย่างงั้น เขาได้เข้าใจอารมณ์ซับซ้อนจนเขาแทบจะดูไม่รู้เรื่องในแววตาเธอ

เธอซ่อนได้ดีมาก แต่ตอนนั้น เจี่ยนโม่ป๋ายชี้ฟ้าด่าดิน ตำหนิแค้นเคืองและด่าเธอ สมาธิของทุกคนล้วนจดจ่ออยู่ที่การด่าทออยู่ฝ่ายเดียวนี้ เสี้ยววินาทีที่ผู้หญิงคนนั้นหลุบตาลง เขากลับจับภาพได้อย่างชัดเจน ดวงตาคู่นั้นมีความซับซ้อนของอารมณ์เป็นพันเป็นหมื่นปะปนอยู่ด้วยกัน

เขามองลู่เชนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ครุ่นคิดไปหลายวิ และแทบจะตัดสินใจออกมาในทันที–พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในเจี่ยนซื่อกรุ๊ปอย่างสั้นกะทัดรัดแต่กินความครอบคลุมให้กับลู่เชนฟัง

“ฉันบอกว่าฉันเชื่อใจเธอ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง”

ลู่เชนไม่ได้สรุปออกมา แต่ได้ถามอย่างเรียบเฉย “จากนั้นล่ะ?”

“เธอพูดกับฉันว่าขอบคุณ”คาย์อันบังศีรษะไว้อย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ที่ฉันต้องการไม่ใช่คำขอบคุณของเธอ เพื่อนรัก นายไม่รู้ตอนที่เธอพูดคำว่าขอบคุณกับฉัน หัวใจฉันว้าวุ่นมาก แต่จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ว้าวุ่นสับสน แม้กระทั่งจากไปอย่างเร่งรีบ”

คาย์อันไม่ได้สังเกตเห็น ลู่เชนรีบปกปิดความเจ็บปวดที่แวบผ่านแววตาไปอย่างไว

ฟึบ~

ทันใดนั้นเขาได้ลุกขึ้นมาอย่างแรง โซฟาหนังแท้ถูกสะเทือนจนเคลื่อนที่เล็กน้อย ลู่เชนยืนตัวตรงพร้อมยิ้มอย่างแข็งกระด้าง จ้องมองคาย์อันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ฟังฉันนะ นายควรปล่อยมือแล้ว”

หนังตาของคาย์อันสั่น อ้าปากอยากถามว่าเพราะอะไร แต่ลู่เชนกลับได้หันหลังก้าวเท้าจากไปอย่างไวแล้ว

“ไม่!” คาย์อันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้นั่งทันที พร้อมทั้งตะโกนใส่ร่างเงาของลู่เชนอย่างร้อนรนใจทันที “ฉันไม่เชื่อเหรอกว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้!”

ลู่เชนไม่ได้หยุดลงมา แค่หันหลังให้คาย์อัน ส่ายหัวเบาๆทีหนึ่งพร้อมยิ้มอ่อนๆ

“สามปีก่อน ฉันไม่ได้เชื่อใจเธอ ฉันมโนไปเองคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ ได้ติดป้ายให้เธออย่างคิดเองเออเอง ลู่เชน คนจีนไม่ใช่บอกว่ารู้ผิดแล้วแก้ นับว่ายอดเยี่ยมเเหรอ?ตอนนี้ ฉันจะไม่อาศัยรักข้างเดียวของตัวเอง ไปติดป้ายและให้ข้อสรุปผู้หญิงคนนี้อย่างคิดไปเองอีกแล้ว ฉันเชื่อใจเธอ!ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง!”

เสียงที่แน่วแน่สุดๆของคาย์อัน ได้ก้องเข้าไปในหูของลู่เชน

ขาขวาที่ลู่เชนยกขึ้นมาอยู่กลางอากาศ ได้หยุดชะงักไปสามวินาที วินาทีต่อมาก็ได้ก้าวเท้าออกอีกครั้ง เขาหันหลังให้คาย์อัน เดินไปด้วยพร้อมพูดไปด้วย “เดี๋ยวนายก็รู้เอง”

เดี๋ยวนายก็รู้เอง……ส่วนนายจะรู้อะไร

ลู่เชนไม่ได้บอก

คาย์อันยังคงถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะเจอจุดจบที่แย่แบบนี้ ดูไม่ชัด ย่อมเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว……ก็เหมือน……ก็เหมือนเขาในตอนนั้น

มุมปากของลู่เชนเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา

“เชน!” คาย์อันวิ่งตามออกไป และตะคอกอย่างร้อนรนใจ “นายพูดให้รู้เรื่องเลยนะ!ฉันจะรู้เรื่องอะไร?เชน!เพื่อนรัก!นายพูดให้รู้เรื่องก่อนค่อยไป!”

ความร้อนรนและความหงุดหงิดของคาย์อันได้ส่งให้ลู่เชนอย่างชัดเจน เขาหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน ยืนหันข้างไว้ ลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คาย์อัน เพื่อนรักของฉัน ถ้านายดึงดันจะให้ฉันให้คำแนะนำกับนาย งั้นฉันขอแนะนำนายว่า……ไปขอโทษอย่างจริงจังและจริงใจ จากนั้นก็อย่าไปเจอเธออีก”

ลู่เชนไม่ได้ไปสนใจคาย์อัน เฟโรกิที่ยืนเซ่ออยู่กับที่ เขาหันหลังเดินไปอย่างไว แค่หันหลังก็หายสาบสูญไปจากมุมเลี้ยว……คาย์อัน เพื่อนรักของเขายังตระหนักไม่ได้ว่า ความเชื่อใจและความเคารพของเขา เมื่อสามปีก่อนเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสุดๆ เป็นสิ่งที่เจี่ยนถงอยากได้ใจจะขาด วันนี้หลังจากผ่านมาสามปี……เพื่อนรักคนนี้ของเขา คาย์อัน เฟโรกิ ได้ทำเรื่องที่โง่เขลาที่สุด–มักจะให้สิ่งที่สำคัญที่สุดผิดเวลา

ดังนั้น ก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ 

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset