Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 29 ผู้หญิงบ้า

บทที่ 29 ผู้หญิงบ้า

เมื่อประธานลู่หันหลังกลับมา เจี่ยนถงก็ถูกผลักออกไป ลืมตาขึ้น หล่อนตกตะลึงเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง “ประธานลู่? คุณ…พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ?”

ที่นี่เป็นห้องที่มีลักษณะเหมือนกับห้องพิเศษเมื่อครู่มาก

หล่อนคือใคร? หล่อนเป็นเพียงแค่นักโทษคนหนึ่ง อย่าทำให้เกิดปัญหาอะไรเลย

ไม่ว่าคนหรือเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกอย่างทำให้หล่อนรู้สึกกระวนกระวายใจ เดิมทีเจี่ยนถงอยากจะหลบหนีออกไป…หล่อนไม่มีของอะไรที่สามารถต่อสู้ได้ หรืออาจจะพูดได้ว่า ไม่มีอะไรที่จะเสียไปมากกว่านี้แล้ว

เมื่อตั้งสติขึ้นได้ จู่ๆหล่อนจึงพูดขึ้น : “ประธานลู่ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ”

เมื่อพูดว่า “ไป” ไม่ได้เดินออกไปเร็วขนาดนั้น แต่ในใจกลับร้อนรนที่อยากจะผ่านคนตรงหน้าที่อาจจะนำพาหายนะมาให้ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ท่าทางการเดินของหล่อนไม่ค่อยสมดุลนัก ในสายตาของประธานลู่ ดูแล้วช่างขำขันเหลือเกิน

เจี่ยนถงลากเท้าเดินออกไปตรงประตูด้วยท่าทางแสนตลก ประธานลู่สอดมือหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แววตาสีน้ำตาลมองผ่านแว่นกรอบทอง คอยจับตามองหญิงสาวที่เดินไปที่ประตูห้องอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาไม่ขัดหล่อน ราวกับกำลังตามใจและให้อิสระแก่หล่อน

เจี่ยนถงยื่นมือออกมา ในขณะที่กำลังจับด้ามประตูตรงหน้า หล่อนถอนหายใจออก พลางออกแรงแขน ผลักช่องเล็กๆ ออกจนมีแสงสว่างพาดผ่านออกมา ห้องที่ไม่มีใครใช้ ทำให้แสงไฟสลัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นแสงสว่างด้านนอกก็ลอดผ่านเข้ามา จนทำให้หล่อนแสบตาจนต้องปิดตาลง… “ว๊าย!”

ในขณะที่ปิดตาลง หล่อนเวียนหัวไปหมด ทันใดนั้น ถูกใครบางคนจับมือและประคองไว้ทัน แรงไม่เยอะมาก เพียงแต่หล่อนเป็นคนผอมและขาที่เดินไม่สะดวกเท่าไหร่ ทำให้หล่อนสะดุดล้มลงบนพื้น

เมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ เจี่ยนถงเงยหน้าขึ้น กลับหันไปเห็นหน้าของผู้ช่วยชีวิต ภายใต้แสงไฟสลัว ทำให้หล่อนมองไม่ชัดเจน คลุมเครือเป็นอย่างมาก

มีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าหล่อน

“คุณ…จะทำอะไร!”

หล่อนหลบ

“อย่าขยับ” ยังคงเป็นน้ำเสียงอันอ่อนโยน เป็นเสียงของประธานลู่ ที่พูดสั่งอย่างเชื่องช้า

สีหน้าของเจี่ยนถงซีดขาวไปทันที ห้วงเวลาอันเลวร้ายที่ต้องอยู่ในคุกสามปี ทำให้หล่อนที่เคยเป็นคุณหนูที่หยิ่งยโสของตระกูลเจี่ยน ต้องกลายเป็นคนน่าสงสาร น้ำเสียงของประธานลู่อ่อนโยนมาก แต่หล่อนกลับรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นในคำพูดที่อ่อนโยนนี้….เหมือนกับเสิ่นซิวจิ่นเป็นอย่างมาก!

เสิ่นซิวจิ่น…เสิ่นซิวจิ่น…เสิ่นซิวจิ่น….เขากับเสิ่นซิวจิ่นเป็นคนประเภทเดียวกัน เขาจะทำร้ายหล่อน! สายตาของเจี่ยนถงหวาดกลัว อยากจะหลบออกไป

มีเสียงดังขึ้นข้างหู:

“ไม่เชื่อฟังเหรอ? ฉันเกลียดของเล่นที่ดื้อที่สุด”

เจี่ยนถงตัวเกร็ง สีหน้าหวาดผวาจนซีดขาว แสงไฟสลัวจนแทบจะมืดสนิท ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด เห็นเพียงใบหน้าอันเลือนรางของคนที่อยู่ตรงหน้า… ประธานลู่? เสิ่นซิวจิ่น?ประธานลู่?เสิ่นซิวจิ่น?

ใคร? คือใครกันแน่?

หล่อนเริ่มสับสน กระวนกระวาย หายใจหืดหอบ ชื่อของสองคนนั้นล่องลอยไปมาในหัวของหล่อน : ประธานลู่,เสิ่นซิวจิ่น,ประธานลู่,เสิ่นซิวจิ่น

“ของเล่นที่ไม่เชื่อฟัง ต้องขังเอาไว้อบรมสั่งสอนดีๆ”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

เจี่ยนถงสั่นไปทั้งตัว แม้แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยก็หยุดชะงักลง ตาทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แววตาแสดงออกถึงความหวาดผวา… เสิ่นซิวจิ่น!อย่าขังฉัน!

“กรี๊ด! อย่าขังฉัน อย่าขังฉัน อย่าขังฉันเลย!”

“เสิ่นซิวจิ่น” กับ “ขังไว้” ทั้งสองคำนี้ เพียงพอที่จะทำให้หล่อนเป็นบ้าได้ “ขอร้องล่ะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ อย่าขังฉัน ขอร้องล่ะ อย่าขังฉัน ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว!”

ประธานลู่ถูกผู้หญิงตรงหน้าสะบัดมืออย่างรุนแรงเหมือนคนบ้า ไม่ทันได้ระวัง จึงเซไปทันที เมื่อตั้งสติขึ้นมาได้ สีหน้าอันอ่อนโยนกลับเยือกเย็นขึ้นมา เขาเป็นถึงคนใหญ่คนโต จับแขนทั้งสองที่กำลังดิ้นพล่าน ตะคอกด้วยความโกรธเคือง:

“เธอบ้าไปแล้วเหรอ!”

“ออกไปๆๆๆ อ๊ากกกก! ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันผิดไปแล้วๆๆๆๆ….”

ไม่เคยมีใครทำตัวแบบนี้กับประธานลู่ ที่ผนังมีสวิตช์ไฟ เอื้อมมือออกไปกด “ติ๊ด” แสงไฟทั้งห้องจึงส่องสว่างขึ้นมา

เขารู้สึกโมโหมากขึ้น มือข้างหนึ่งจับแขนทั้งสองของเจี่ยนถงไว้ มืออีกข้างหนึ่งจับคางของหล่อนไว้แน่น: “นี่! เธอโวยวายพอหรือยัง! บ้า…”

“ซี๊ด~” เสียงของประธานลู่หยุดชะงักไปทันที สายตาคู่นั้นที่จดจ้องอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาแทบจะหยุดหายใจ

ท่าทางอันบ้าคลั่ง สายตาอันเยือกเย็น…หญิสาวผู้นี้ เป็นอะไรกันแน่!

แววตาของเขาเหลือบมองผ่านแว่นกรอบสีทอง เขาเป็นคนฉลาด ในเมื่อพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หากเป็นเช่นนั้น…ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงคิดเดาขึ้นมาว่า หญิงสาวคนนี้คิดว่าเขาเป็นคนอื่น

สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ประธานลู่ปล่อยมือออกทันที ถอยกลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ช่วงเวลาในตอนนี้ ผู้ชายอย่างเขาคงไม่สามารถตบผู้หญิง เพื่อดึงสติกลับมาได้ใช่ไหม?

วิธีที่ดีที่สุดคือห่างออกไปจากหล่อน รอให้หล่อนตื่นและตั้งสติกลับขึ้นมาได้

สายตาในห้องพิเศษนั้นดับวูบไป ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด หลงเหลือเพียงแค่หญิงสาวที่กำลังบ่นพึมพำอยู่ลำพัง

ประธานลู่มองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา ความถี่ในการบ่นพึมพำของหล่อนเริ่มน้อยลง จนเงียบไป ประธานลู่ยกเท้าขึ้น เหยียบไปบนพื้นอันเยือกเย็น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหล่อน

เขายื่นมือเข้าไปหาหล่อน เจี่ยนถงหลบหัวออกไปด้านข้าง

เสียงหัวเราะเย้ยดังเข้ามาในหู “ตื่นแล้วเหรอ?”

เจี่ยนถงรู้สึกอับอาย…เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่

“ขอโทษนะคะ คงเป็นเพราะวันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย ทำให้ประธานลู่ตกใจไปด้วย ขอโทษนะคะ”

ประธานลู่หัวเราะเย้ย จากนั้น หน้าผากของเจี่ยนถงร้อนผ่าวขึ้นมา หล่อนได้ยินประธานลู่พูดว่า : “อย่าหลบ ฉันแค่อยากถามเธอว่ารอยแผลเป็นบนหน้าผาก มาจากไหน?” พาหล่อนออกไปจากห้องพิเศษ เพื่อจะมองเห็นรอยแผลเป็นให้ชัดเจนมากขึ้น

ห๊า?

เจี่ยนถงตกใจตะลึง จากนั้น พูดตอบแบบไม่ตั้งใจ : “หกล้มค่ะ”

“หกล้ม?”

“แค่ล้มค่ะ”

ก็แค่หกล้มไงล่ะ

เบี่ยงสายตาก้มลงมอง “ประธานลู่ปล่อยฉันได้ไหมคะ?” รอยแผลเป็นนั้น หล่อนไม่เคยชินกับการเปิดให้คนอื่นเห็นหรือไม่คุ้นกับการที่ให้คนอื่นเจอ ประธานลู่ปล่อยมือออก มองดูหญิงสาวตรงหน้า รีบปิดรอยแผลเป็นด้วยความรวดเร็ว จากนั้นจัดหน้าม้าลงปิดบังแผลบนหน้าผากของตนเอง

“เธอให้ความสำคัญกับรอยแผลเป็นบนหน้าผากมาก?” ประธานลู่ขำเล็กน้อย “ถ้าให้ความสำคัญมากขนาดนี้ ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอาออกล่ะ”

เขาพูดพลาง ไม่สนใจที่คุยกับผู้หญิงบ้าตรงหน้าต่อแล้ว ยกเท้าขึ้นกำลังจะเดินออกไป

“ฉันไม่ได้ปกปิดรอยแผลเป็นนี้ ทั้งชีวิตนี้ ฉันไม่มีทางลบออกไปได้”

ทันใดนั้น!

ประธานลู่วางเท้าลง เงียบไปครู่หนึ่ง ภายในห้องพิเศษนั้นมีเสียงพูดอันทุ้มต่ำดังขึ้น

“ก่อนหน้านี้ มีหญิงสาวคนหนึ่งเคยพูดไว้เช่นนี้ หล่อนมีแผลเป็นบนหน้าผากที่ไม่สามารถลบออกได้ตลอดชีวิต ไว้หน้าม้า ไม่ใช่เพื่อการปกปิดรอยแผลเป็นนั้น”

เจี่ยนถงหัวใจเต้นแรง…เป็นเพราะ หล่อนเองเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนั้นมา ดังนั้น จึงเข้าใจความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังได้

“คนที่พูดประโยคนี้ คือคนที่คุณรักใช่ไหม?” ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่รู้ดีว่า หล่อนต่ำต้อยไร้ค่า ไม่ควรพูดอะไรมาก ขณะที่ถามออกไป ก็รู้สึกเสียใจภายหลัง

เจี่ยนถงอย่าลืมล่ะ เธอเป็นแค่นักโทษฆ่าคนที่ออกมาจากคุกเพื่อใช้แรงงาน!

“ไม่สิ ฉันไม่ได้รักหล่อน” เจี่ยนถงได้ยินประธานลู่พูดขึ้น: “แต่ฉัน เป็นคนที่หล่อนรัก ดังนั้น หล่อนจึงตายไปแล้ว”

“……”

“หล่อนรักฉัน ลึกลงไปถึงกระดูก ดังนั้น หล่อนจึงตาย ตายอย่างอนาถ” เจี่ยนถงยืนเกร็งอยู่ที่เดิม สายตามองไปที่เงาของประธานลู่ เสียงของเขานิ่งเรียบ ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวของคนอื่นอยู่

แต่ทว่า เจี่ยนถงกลับได้ยินเสียงความเจ็บปวดของหัวใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงอันนิ่งเรียบนี้

หล่อนไม่รู้เรื่องอะไร เพียงแต่รู้สึกว่า ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน หล่อนยื่นมือออกไป ใช้วิธีปลอบเหมือนตอนที่พี่ชายปลอบหล่อนตอนเป็นเด็ก เพียงแต่หล่อนยังจำสถานะของตัวเองได้ดีว่าเป็นเพียงแค่นักโทษใช้แรงงาน เจี่ยนถงโอบกอดประธานลู่เบาๆด้วยท่าทางอันใสซื่อ

ประธานลู่ตัวเกร็งแข็งไปทันที ได้ยินเสียงอันอ่อนหวานดังขึ้นมาข้างหู:

“ถ้าหล่อนรู้ว่าคุณรักหล่อน ฉันคิดว่าเธอคงมีความสุขอยู่ในโลกอีกมิติมาก ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของหล่อน คือการได้รับความรักจากคุณ”

เจี่ยนถงกำลังจะถอยออกไป

ทันใดนั้น!

แรงมหาศาล โอบกอดหล่อนไว้แน่น บนไหล่ของหล่อน แบกรับน้ำหนักของหัวฝ่ายชายที่ซบพิงลงมา หล่อนได้ยินเสียงที่ดังขึ้น กระซิบอยู่ข้างหู อย่างแผ่วเบา:

“ขอโทษนะอันหรัน ผมรักคุณอันหรัน”

เจี่ยนถงรู้สึกปล่อยวางขึ้นมาทันที เขาคนนี้ เป็นเพราะหล่อนและผู้หญิงที่เขารัก มีรอยแผลเป็นบนหน้าผากเหมือนกันทั้งคู่ คงเป็นเพราะมีรอยแผลเป็นที่เหมือนกัน ตอนนี้ เขาจึงคิดว่าหล่อนเป็นหญิงสาวที่หล่อนรัก——อันหรัน หญิงสาวทีเขาไม่มีโอกาสได้พูดขอโทษ และ พูดว่า “ฉันรักคุณ” ด้วยตัวเองอีกแล้ว

“ลู่……”

ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆมีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากหน้าประตู: “ลูเชน ปล่อยหล่อน”

มองไปที่ประตู สีหน้าของเจี่ยนถงซีดขาวขึ้นมาทันที!

ลูเชนก็คือประธานลู่ ตอนนี้รู้สึกได้ถึงความสั่นของคนด้านข้าง หรี่สายตาลง มองไปที่คนด้านหน้าประตูเช่นกัน : “อ๋อ~ ที่แท้ก็นายนี่เอง!” คำว่าที่แท้ก็นายนี่เอง ทำให้หญิงสาวคนนี้กลัวจนขาดสติ

เสิ่นซิวจิ่นรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าอันหล่อเท่ของเขาถูกปกคลุมด้วยความเย็นชา เขาเงยหน้าขึ้นหันไปมองเจี่ยนถงที่ยืนอยู่ด้านข้างลูเชน:

“มานี่”

เจี่ยนถงหน้าถอดสี สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สองขาของหล่อนไร้เรี่ยวแรง เสิ่นซิวจิ่นในตอนนี้ เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตแผ่ซ่านจนทำให้หล่อนหวาดผวา

เสิ่นซิวจิ่นหรี่ตามอง น้ำเสียงเยือกเย็นจนถึงจุดติดลบ : “เห็นทีเธอคงไม่รู้จักหลาบจำ สอนอะไรก็ไม่เชื่อฟัง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี่ยนถงรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางอก หวาดกลัวไปทั้งตัวจนยกเท้าขึ้น…

ทันใดนั้นมือข้าหนึ่งจับตัวหล่อนไว้ ลูเชนหันไปมองเสิ่นซิวจิ่นพูดหยอกล้อ “ตอนนี้หล่อนไม่มีเวลารับมือกับนายเสิ่นซิวจิ่น นายไม่เห็นว่าหล่อนกำลังสนุกอยู่กับฉันเหรอ”

แคร็ก!

เสียงกระดูกข้อนิ้วมือดังขึ้น แววตาอันโหดเหี้ยมของเสิ่นซิวจิ่นจ้องมองอย่างดุร้ายเหมือนเหยี่ยว จนไม่สนใจ ลูเชนที่ยืนอยู่ด้านข้างแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเพียงแต่เจี่ยนถง ยกเท้าขึ้น ค่อยๆก้าวเดินทีละก้าว ตึก ตึก…ตรงไปที่เจี่ยนถง:

“ใครกัน? ใครให้เธอกล้ามายั่วผู้ชายคนอื่นแบบนี้?” ฝ่ายชายพูดเน้นทีละคำ ด้วยน้ำเสียงอันดุดัน ถามต่อ “หรือว่าเธอ ยังอยากกลับไปอยู่ในคุก หื้ม?”

คุก!

ไม่…ไม่!

มือของหล่อนสั่น ส่ายหน้าสุดแรง หล่อนไม่ยอม หล่อนไม่ยอมกลับไปถูกขังในสถานที่แบบนั้นอีก หล่อนจะไปเอ๋อร์ไห่ จะไปใช้หนี้

“ไม่…”

เสียงกรีดร้องอันโหดร้ายเพิ่งจะดังขึ้น ด้านหน้ากลับมืดสนิทไปทันที ตัวของหล่อนค่อยๆอ่อนแรงลงจนล้มกองไปบนพื้น

“เธอบ้าไปแล้ว!”

“ออกไป!”

เสียงของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน มือทั้งสองหันไปรับตัวของเจี่ยนถงที่ล้มลงในเวลาเดียวกัน

“ออกไป!” เสิ่นซิวจิ่นอุ้มตัวหญิงสาวขึ้นมากอดไว้ในอ้อมอก ในขณะเดียวกันก็กำหมัดชกลูเชนไปอย่างไม่เกรงใจ

————

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset