Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 290 เจอหน้ากันอีกแล้ว

ครึ่งชีวิตพอหรือเปล่า!

ซูเมิ่งอ้าปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ความเจ็บปวดบางอย่าง คนอื่นบอกว่าผ่านไปแล้ว ล้วนผ่านไปแล้ว ทำไมยังต้องมาเจ้าคิดเจ้าแค้นอีก

ก็เหมือนทุกครอบครัวที่ซ่อนอยู่ใต้แสงไฟ ภายใต้แสงไฟเป็นหมื่นครอบครัว เรื่องราวมากมายของครอบครัวมากมาย

โดยทั่วไป คนที่ถูกรังแกถูกทำให้เสียใจ ยังต้อง”เป็นฝ่าย”ให้อภัยอีก

คุณดูสิ ฉันก็ขอโทษแล้ว ทำไมคุณยังมาเจ้าคิดเข้าแค้นอีก คุณนี่มันเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ คุณนี่มันใจแคบจริงๆ คนอย่างคุณนี่ไม่โอบอ้อมอารีเลย

จากนั้นคนที่มุงดูอยู่รอบๆก็มีท่าทีเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย คุณดูสิ เขาก็ขอโทษแล้ว คุณยังจะเอายังไงอีก?มีจิตใจเมตตาปรานีหน่อยไม่ได้เลยรึไง?

แต่ว่า ความเจ็บปวดเหล่านั้น มีแค่ตัวเองเคยประสบพบเจอมาแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถรับรู้ได้

ซูเมิ่งมองเจี่ยนถงที่จดจำบทเรียนที่เจ็บปวดในอดีตและตื่นตัวระวังตนในอนาคต เธออยากให้เด็กโง่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มีความสุข

แต่เด็กโง่คนนี้ไม่ได้โง่จริงๆ เด็กโง่คนนี้มีสติกว่าใครๆทั้งนั้น และแน่วแน่กว่าคนไหนๆ ไม่งั้นซูเมิ่งไม่อาจจินตนาการได้เลย คนที่เคยประสบจากสวรรค์สู่นรก เพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนต่างร้องไห้รุมตี หลังจากเคยประสบพบเจอเรื่องราวมากมายพวกนั้น จะมีสักกี่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่ออย่างไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจเดิม

แม้แต่ตัวเอง……ซูเมิ่งหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกรอกเหล้าลงไปกรึ๊บหนึ่งอย่างไว

แม้แต่ตัวเธอเอง……ก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เเหรอ?

เจี่ยนถงหยิบกระเป๋าขึ้นมา ตอนที่จะจากไป ได้มองซูเมิ่งอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง “พี่เมิ่ง พี่ว่าบนโลกใบนี้ มีใครบ้างที่เข้าใจใครจริงๆ?”

ถามได้แปลกประหลาด

ซูเมิ่งไม่เข้าใจ “เธอ……”

“บนโลกใบนี้ แม้แต่ตัวเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจดีเลย” ซูเมิ่งมองผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “พี่เมิ่ง Bossของพี่คิดไปเองว่าเข้าใจฉัน”

“……”ซูเมิ่งอ้าปาก ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าประเด็นยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ไปสู่ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดจนอกสั่นขวัญแขวน

เธอมองหน้าประตู เห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้มอ่อนๆ “เขาผิดแล้วค่ะ”

“แอ๊ด” ประตูเปิดแล้วปิด ในห้องVIP เหลือไว้แต่ซูเมิ่งยืนแข็งทื่ออยู่ข้างโต๊ะอย่างอกสั่นขวัญหาย ยังอบอวลด้วยกลิ่นหอมของชาผูเอ่อร์ นอกเหนือจากนี้ ราวกับไม่ได้ทิ้งร่องรอยที่เจี่ยนถงเคยมาเลย

หลังจากเจี่ยนถงจากไป ตั้งนานแสนนานซูเมิ่งก็ดึงสติกลับมาไม่ได้ ยืนอยู่เงียบๆ คอยทบทวนทุกถ้อยคำที่ผู้หญิงคนนั้นพูดก่อนที่จะจากไป

เธอรู้สึกอยู่เรื่อยเลยว่าเด็กโง่คนนั้นเหมือนได้ตัดสินใจอะไรเรียบร้อยตั้งนานแล้ว

เจี่ยนถงเดินออกมาจากไนท์คลับ สายลมยามดึกพัดอยู่บนตัว เธอดึงเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น ตัวสั่นไปทีหนึ่ง ได้แหงนหน้ามองฟ้าแล้วพึมพำเบาๆ “หนาวจังเลย”

เด็กโบกรถได้ขับรถมาให้เธอ

“วางไว้เถอะ”

“ครับ คุณเจี่ยน”

เธอเรียกเด็กโบกรถที่กำลังจะจากไป “เดี๋ยวคุณขับรถไปจอดที่ลานจอดรถเลยนะ”

“แล้วคุณ?”

“วันนี้ฉันขี้เกียจขับรถแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”

“ได้ครับ คุณรอสักครู่นะครับ”

เด็กโบกรถไปแล้วกลับมาอีก พร้อมเอากุญแจรถคืนให้เจี่ยนถง

นานมากแล้วที่เธอไม่ได้นั่งรถไฟใต้ดินและเบียดรถเมล์

คืนนี้ เธออยากนั่งรถไฟใต้ดินและเบียดรถเมล์มาก

นาฬิกาข้อมือแสดงเวลา20:30ใกล้ค่ำแล้ว บนถนนยังคงมีผู้คนพลุกพล่านไปมาไม่ลดลงเลย

ผู้คนที่พลุกพล่านไปมา เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยสนทนาต่างก็แว่วผ่านข้างหู

ในแววตาของผู้หญิงมีอารมณ์ที่ใกล้กับความอิจฉา

จากรถไฟใต้ดินเปลี่ยนมานั่งรถเมล์ ไม่ได้ขจัดความเหงาของเธอไปเลย ยังคงโดดเดี่ยวเดียวดายอีกเช่นเคย

ยังคง มีเรื่องหนักอกหนักใจอีกเช่นเคย

ยังคง หนีไม่พ้นกรงที่บัดซบนี้อีกเช่นเคย

โทรศัพท์มีสายเรียกเข้า–

เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูรายชื่อของสายเรียกเข้า แววตาตึงเครียด นิ้วมือกดลงไป แววตามีความตื่นเต้นและความกังวล

“ขอโทษค่ะ คุณเจี่ยน พวกเราพยายามสุดความสามารถแล้วค่ะ”

เสียงของผู้หญิงที่อยู่ในสายพูดตามพิธีอย่างคล่องแคล่ว

“แต่หนึ่งสัปดาห์ก่อน พวกคุณบอกว่ามีคนที่เหมาะสมคนหนึ่งไม่ใช่เเหรอคะ?”

“ต้องขอโทษคุณเจี่ยนด้วยจริงๆค่ะ ทางเราได้ติดต่อคนคนนั้นโดยเร็วที่สุดแล้ว แต่ไม่บังเอิญเลย ตอนที่ทางเราหาคนคนนั้นเจอ คนคนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตไปแล้วค่ะ เพิ่งเสียชีวิตวันนี้ค่ะ เราพยายามสุดความสามารถแล้วค่ะ”

เจี่ยนถงกุมมือถือแน่นด้วยจิตใต้สำนึก “งั้น ครอบครัวเขามีคนที่เหมาะสมอีกหรือเปล่าคะ?”

“ขอโทษด้วยค่ะ” ผู้หญิงที่อยู่ในสายได้พูดตามพิธี

เจี่ยนถงเงียบกริบ

“คุณเจี่ยนคะ?คุณเจี่ยน?คุณโอเคมั้ยคะ?”

เจี่ยนถงดึงสติกลับมาได้ทันที “ไม่เป็นไรค่ะ สำหรับค่าตอบแทนของพวกคุณ ฉันจะโอนเข้าบัญชีที่พวกคุณให้มาอย่างไม่ขาดสักแดงเดียวค่ะ”

“คุณเจี่ยนวางใจได้ค่ะ ในเมื่อคุณมาหาถึงทางเรา ทางเราก็จะต้องทำให้สุดความสามารถแน่นอนค่ะ เชื่อว่าบนโลกใบนี้ คนที่จะสามารถจับคู่กับของพี่ชายคุณสำเร็จไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่นอนค่ะ”

“โอเคค่ะ รบกวนพวกคุณแล้วค่ะ”

เธอพูดจบอย่างเรียบเฉย ในใจรู้ดีว่าโอกาสแบบนี้ ใช่ว่าบอกมีก็จะมี

ถึงจะมี แล้วเจี่ยนโม่ป๋ายยังจะรอไหวหรือเปล่า

วางมือถือลง เธอค่อยๆจับไปที่หลังของตัวเอง วิวทิวทัศน์ของนอกกระจกรถถอยหลังอย่างรวดเร็ว เธอมองวิวของด้านนอกไม่ชัด พร่ามัวไม่ชัดเจน ที่สะดุดตาที่สุดก็คือแสงสีของข้างถนน

หลับตาลงช้าๆ

ลงจากรถ

ระยะทางยังคงไกลจากที่พักเธออยู่ช่วงหนึ่ง

เธอเดินไปยังทิศทางนั้น เดินได้ช้ามากๆ สาเหตุที่เดินช้าย่อมมาจากขาไม่สะดวกอยู่แล้ว และในใจมีการต่อต้านด้วย

พอเดินเยอะเข้า ก็เริ่มปวดขาขึ้นมา

ด้านหลังมีสายลมหนาวพัดผ่าน “เอี๊ยด”เสียงเหยียบเบรคเสียงหนึ่ง รถมายบัคสีดำคันหนึ่งได้จอดลงที่ข้างกายเธอ

เธอขมวดคิ้ว……ทำไมถึงขับรถแบบนี้

ตามมาด้วยประตูรถเปิดออก

“คุณเจี่ยน รบกวนคุณไปกับพวกเราเที่ยวหนึ่งครับ”

เธอมองด้วยสายตาเย็นชา “ท้องฟ้ามืดแล้ว ใส่แว่นดำจะมองเห็นเเหรอ”

คนคนนั้นหัวเราะเบาๆ “ขอแค่สามารถมองเห็นคุณเจี่ยนก็พอแล้วครับ”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ไปล่ะ?”

“งั้นเราก็คงต้อง’เชิญ’คุณเจี่ยนขึ้นรถแล้วครับ”

เจี่ยนถงมองคนคนนั้นอย่างเย็นชา “เสิ่นยี คำสั่งสอนของตระกูลเสิ่นสอนว่าคนที่หักหลังคนจะมีจุดจบยังไง?”

“คุณเจี่ยน ว่าไปแล้วคุณแซ่เจี่ยน ยังไงผมก็แซ่เสิ่นนะครับ”

“เหอะ~” เจี่ยนถงหัวเราะเบาๆอย่างเหน็บแนม สายตาจ้องมองไป “เสิ่นยี ตอนนี้นายทำงานให้ใคร?”

“อย่างไรก็ตามผมก็แซ่เสิ่นนะครับ ก็ต้องทำงานให้ตระกูลเสิ่นอยู่แล้ว ทำไมคุณเจี่ยนรู้ทั้งรู้แล้วยังมาถามอีก” เสิ่นยีสีหน้าหงุดหงิด “เอาล่ะ ผมยังต้องส่งมอบงานอีก เจี่ยนถง คุณคิดดูดีๆ จะขึ้นรถแต่โดยดี หรือให้คน’เชิญ’คุณขึ้นรถ?”

มือสองข้างของเจี่ยนถงห้อยลงมาที่ข้างกาย เหงื่อซึมเล็กน้อย แต่ยังแกล้งทำเป็นนิ่ง “ได้ ฉันไปกับนาย”

เธอนั่งเข้าไปในรถมายบัคอย่างเงียบๆ หันไปมองนอกกระจกรถแวบหนึ่ง ตึกที่เธอพักอยู่ไม่ไกลนี่เอง นั่งอยู่ในรถ ยังสามารถมองเห็นหน้าต่างที่เปิดไฟสว่างบานนั้นอยู่

ประตูรถปิด เสิ่นยีนั่งอยู่ข้างคนขับ “คุณเจี่ยน เราเจอกันอีกแล้วนะครับ”

“ใช่ เจอกันอีกแล้ว แต่นายได้ไปเป็นหมารับใช้ของคนอื่นแล้ว”

เสิ่นยีเหมือนกับถูกยั่วโมโห โกรธกริ้วเนื่องจากความขุ่นเคือง “นั่นเป็นเพราะใคร?เจี่ยนถง ถึงผมจะยังไง ก็ดีกว่าคุณที่เป็นฆาตกรก็แล้วกัน!”

เจี่ยนถงยกมุมปากขึ้นเบาๆ เธอก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร……เธอเป็นฆาตกรหรือเปล่า เสิ่นยีไม่รู้เเหรอ?  

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset