อันธพาลร่างอ้วนคนนั้น สุดท้ายสายตาไม่ได้อยู่ที่ร่างกายของเจี่ยนถง
แต่กลับอยู่ที่แผ่นหลังกว้างอันล่ำสัน
ชายร่างอ้วนตัวสั่นด้วยความกลัว หัวหน้าอันธพาลก็ตกตะลึงมองไปยังคนที่เหมือนปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ เมื่อสักครู่นี้ เขาถูกโยนไปที่มุมกำแพงอย่างแรง ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโยนเขาไปที่มุมกำแพงอย่างฉับพลัน มองคนที่จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างตะลึงงัน “แก แก แกเป็นใคร?”
คนคนนี้โผล่มาจากไหน
เขากำลังคิด ตระหนักขึ้นฉับพลัน เรื่องที่ควรทำยังไม่ได้ทำ จึงตะโกนอย่างไม่พอใจ “ไอ้อ้วน ฟาดมัน!”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ จัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเราจะออกไปจากเมืองนี้ทันที ไม่กลับมาอีก”
“แต่คนนี้ ถ้าหาก ……”
“ไม่มีถ้าหาก เอ็งคิดดูสิ คิดถึงเงินจำนวนมหาศาลนั้น เพียงพอให้พวกเราใช้ไปตลอดชีวิต ทำเรื่องนี้ให้จบ ชาตินี้พวกเราจะได้นั่งๆ นอนๆ ไปตลอดชีวิต”
ชายร่างอ้วนเกิดความลังเลเพราะหวาดกลัวผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นฉับพลัน หัวหน้าอันธพาลเห็นเขาลังเล จึงโมโหโวยวาย
“ไม่ได้ให้ฆ่าคนหรือไปลอบวางเพลิงที่ไหน เอ็งจะกลัวอะไรวะ!
ถึงแม้หลังจากนี้จะถูกจับได้ โทษมากที่สุดแค่ทำร้ายคน ติดคุกไม่กี่ปีก็ออกมา แล้วพวกเราก็ล้างประวัติ รับเงินก้อนโต จะมีที่ไหนที่ไปไม่ได้บ้าง?”
“คือ……”
ชายร่างอ้วนถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้สูญเสียความบันยะบันยัง แถมยังถูกหัวหน้าอันธพาลพูดจนสูญเสียความคิดของตนเอง ด้านหลังชายร่างอ้วน มีคนร่างใหญ่ ร่างกายกำยำ กระแทกชายร่างอ้วนอย่างไม่เกรงใจ
“คืออะไรบ้าบอนี่!
ไอ้อ้วน เอ็งไม่ทำ ข้าทำเอง!”
ชายร่างใหญ่ถือไม้เบสบอลอยู่ในมือ ทุบไปข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยม
“ดู ทำแบบนี้ ไอ้อ้วน ตอนแรกตกลงกันแล้ว คนที่ลงมือทุบ จะได้ส่วนแบ่งเพิ่ม
พวกข้าเห็นเอ็งทำตัวกากมาตลอด จนถึงวันนี้ยังเป็นเด็กน้อย กลัวเอ็งหาผู้หญิงไม่ได้ พี่ใหญ่ถึงให้งานนี้กับเอ็ง ให้เอ็งได้ส่วนแบ่งเพิ่ม จะได้หาเมียได้สักที
ในเมื่อเอ็งไม่ยินยอม ทำท่าอิดออดแบบนี้ งั้นเอ็งก็หลีกไปซะ ส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นส่วนนี้ ข้าเอาเอง”
ชายร่างใหญ่ใช้ไม้ทุบลงไป
“อัก!”
เจี่ยนถงได้ยินเสียงอู้อี้ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ในความมืด มีคนกอดเธอไว้ มีคนโอบเธอไว้อย่างแน่นหนาอย่างปลอดภัย ได้ยินเสียงคนอดทนต่อความเจ็บปวดส่งเสียงอู้อี้ ท่ามกลางความเลือนราง เธอเหมือนกลับไปในคุกปีนั้น เคยมีเด็กผู้หญิงขวางอันตรายจากโลกภายนอกแทนเธอ
คล้ายกับ อาลู่……ในปีนั้น
“อาลู่……” ในชั่วพริบตาเดียว หัวตาร้อนผ่าวไม่อาจควบคุมได้ เจ็บปวดอย่างขมฝาด “อาลู่……”
ในตอนนี้ เพิ่งรู้ตัวว่า เธอคิดถึงคนที่ชื่อ “อาลู่” นานมากแล้ว
นานจนเธอไม่กล้ายอมรับ นานจนสามารถไว้อาลัยกับป้ายวิญญาณของอาลู่ได้
และละอายใจ
“ถงถง……ไม่ต้องกลัว”
ในหู มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น
เจี่ยนถงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ได้สติขึ้นมาทันที อาศัยแสงในความมืด มองใบหน้าของคนที่นอนคว่ำอยู่บนตัวเธอ……ใบหน้าคุ้นเคยกลายเป็นเถ้าถ่าน ใบหน้าที่เธอไม่อาจลืมได้
หัวหน้าอันธพาลสังเกตเห็นอะไรอย่างว่องไว “คุณหนูเจี่ยน พวกแกรู้จักกันรึ มันเป็นใคร?”
เจี่ยนถงตอบอย่างไม่แยแส
“พวกเราไม่รู้จักกัน พวกแกไม่ได้ทำเพื่อเงินหรือไง?
พวกแกต้องการแค่มือข้างหนึ่งของฉัน ปล่อยคนที่ไม่รู้เรื่องไปซะ พวกแกไม่ต้องลงมือ ฉันทำลายมือของฉันเองได้ พวกแกแค่ไปรายงานผลการทำงาน ฉันไม่ต้องการติดค้างบุญคุณคนอื่น”
ชายผู้เป็นหัวหน้าหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“แกคิดว่าฉันโง่เหรอ?
ไม่รู้จัก?
โกหกใคร?”
ถ้าไม่รู้จัก จะสามารถสนิทสนมถึงขั้นเรียกชื่อเล่นของผู้หญิงคนนี้ได้เหรอ?
“แกจะพูดไม่พูด?” ชายผู้เป็นหัวหน้าเรียกชายร่างใหญ่ “ช่างเถอะ อย่าสนใจผู้ชายคนนี้เลย อย่างไรเสียคืนนี้พวกเราต้องออกไปจากเมือง S และไม่กลับมาอีกแล้ว
ไอ้ตัวใหญ่ เอ็งรีบหน่อย หักแขนข้างหนึ่งของมันเร็วๆ ”
ชายร่างใหญ่โหดเหี้ยมจริงๆ พุ่งไปถีบเสิ่นซิวจิ่น “นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ไสหัวไปซะ”
“ไม่ ฉันไม่ยอมให้พวกแกทำร้ายถงถง”
“ไอ้อ้วน ลากตัวผู้ชายคนนี้ไป” หัวหน้าอันธพาลดึงบุหรี่ออกมา สูดเข้าไปหนึ่งที “เร็วเข้า ทำงานเสร็จพวกเราต้องหนี”
ชายร่างอ้วนขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง เดินเข้าไปลากคนออกจากบนตัวของเจี่ยนถง “น้องชาย อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย”
เขาออกแรงอย่างหนัก แต่ก็ลากคนไม่ออก
หัวหน้าอันธพาลรำคาญ “ในเมื่อลากออกมาไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องลาก ไอ้ตัวใหญ่ ทุบไปด้วยกันเลย มันแส่หาเรื่องเอง อย่าให้ตายก็พอ ไม่เชื่อหรอกว่าทุบมันเจ็บแล้ว มันจะยังปกป้องคุณหนูเจี่ยนอยู่”
เจี่ยนถงหน้าซีดทันที
“ออกไป!เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย!” เธอตะคอกใส่เขาคนนั้น “บอกให้นายออกไปไง ไม่ได้ยินเหรอ?”
“ไม่ อาซิวจะไม่ให้ใครรังแกถงถง”
“นายไม่เชื่อฟังใช่ไหม” ในเวลาจำเป็น ทำได้เพียงหงายไพ่ออกมา “ถ้าไม่เชื่อฟัง พรุ่งนี้ไปอยู่กับซีเฉินเลย”
เธอทำหน้าโหด แต่ในใจกลับยุ่งเหยิง เสียงอู้อี้ที่ไม้เบสบอลฟาดลงไปบนหลัง ทุกครั้งที่ฟาดลงไป เธอจะได้ยินคนนี้ส่งเสียงอู้อี้อดทนกับความเจ็บปวด
ในวินาทีนั้นเอง จู่ๆ ก็นึกถึงเสิ่นซิวจิ่นเมื่อก่อนอย่างชัดเจน
ถ้าเขามีสติ ทำไมถึงกร่างอย่างน่ารังเกียจแบบนี้
ถ้าเขามีสติ คงมีวิธีเด็ดขาด กำราบอันธพาลเหล่านี้ไปนานแล้ว
ตุบ!
ตุบ!
ตุบ!
……เสียงไม้ทุบลงบนหลังดังต่อเนื่อง หัวใจของเธอเกิดความเจ็บปวดที่อธิบายยากอย่างไม่รู้สาเหตุ
ตรงหน้า อ้อมกอดของเขา เธอเงยหน้าขึ้น มองเห็นเขาคนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด จู่ๆ ก็มีฝ่ามือใหญ่จับท้ายทอย กดเธอลงไปในอ้อมแขนของเขาใหม่
“ถงถง อดทนนะ ไม่ต้องกลัว อาซิวจะปกป้องถงถง”
เจี่ยนถงสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ความเจ็บปวดที่ไม่ได้พบกันเสียนาน ค่อยๆ เอ่อล้นหัวใจ……เธออดทน?
เธออดทนอะไร?
เขาบอกจะปกป้องเธอ
เสิ่นซิวจิ่น แต่ไหนแต่ไรโอหังเหมือนหมาป่า ใช้อำนาจบาตรใหญ่เหมือนเสือ เป็นผู้ชายดื้อรั้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ผู้ชายแบบนี้ บอกว่าจะปกป้องผู้หญิง แน่นอนสามารถใช้วิธีการเด็ดเดี่ยว ปกป้องผู้หญิงคนนั้นได้อย่างปลอดภัย
แต่ในตอนนี้คนที่บอกว่าจะปกป้องเธอ สติปัญญาของเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เขาไม่ได้ดื้อรั้นมีวิธีกล้าหาญเหมือนเสิ่นซิวจิ่น เขาคนนี้จะเอาอะไรมาปกป้องเธอ?
เธออยู่ในอ้อมแขนของเขา เบิกตากว้าง เขาจะเอาอะไรมาปกป้องเธอ?
แผ่นหลังของเขาถูกไม้เบสบอลทุบตีแทนเธอ
เขาคนนี้ ใช้ร่างกายเดียวที่มี ปกป้องเธอ ไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ
เธออยู่ในอ้อมแขนของเขา ลืมตามอง ไม่ยอมหลับตาลง น้ำตาคลอเบ้า
เธอไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมา ได้ยินเสียงคนนั้นร้องอู้อี้ด้วยความเจ็บปวด
เสิ่นซิวจิ่นเมื่อก่อนจะเอาไม้ทุบตีคนที่คิดจะคุกคามเขา ส่วนเสิ่นซิวจิ่นในตอนนี้ ใช้ไหล่ แผ่นหลัง และร่างกายตนเองขัดขวางอันตรายจากโลกภายนอกให้เธอ
เจี่ยนถงหัวตาร้อนผ่าว