Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 306 ขอบคุณนะ ขอโทษด้วย

คาย์อัน เฟโรกิได้ยินคำว่านักล่าอีกครั้ง เขาพบว่า เขายิ่งไม่ชอบคำนี้

สายตาของผู้หญิงตรงหน้า ใสสะอาดหาที่เปรียบมิได้ สติปัญญาแบบนั้น ชั่วพริบตาเดียว เขาอึดอัดใจที่ถูกคนมองทะลุโดยสิ้นเชิง

เงินในอดีต โอกาสในตอนนี้ เธอบอกไม่มีอะไรต่างกัน

เขาอยากบอกว่า มี มันมีความต่าง

แต่วินาทีต่อมา ก็ไม่อาจโต้เถียงได้……จริงด้วย มีอะไรต่างกัน?

เธอพูดอย่างรื่นหู แน่นอนเขาฟังออก หากเขาไม่ได้เชี่ยวชาญตัวอักษรของประเทศเธอแบบนี้ ก็สามารถแกล้งทำเป็นฟังไม่ออก

มือ ค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง

ในฝ่ามือ อุณหภูมิของร่างกายไม่มีความอบอุ่นอีกต่อไป เขาจ้องมองแขนข้างนั้นของหญิงสาว น่าประหลาดใจมาก แขนเรียวเล็กแบบนี้ สามารถเติมเต็มความว่างเปล่าในฝ่ามืออย่างง่ายดายโดยไม่คาดคิด

และน่าประหลาดใจมาก แขนที่เรียวเล็กแบบนี้ เมื่อพ้นจากฝ่ามือของเขาไป มันเหมือนกับว่า ว่างเปล่าทันที

หญิงสาวตรงหน้า ในสายตาของเขา ช่างเลือนราง ไม่ชัดเจนราวกับภาพลวงตา

นักล่า?

เขารังเกียจคำนี้ขึ้นมา

หางตาจับเอาไว้ทัน การตอบสนองที่เฉลียวฉลาดของเธอ แววตาที่เรียบเฉย

เหลือบมองผมยาวสีดำถึงเอวนั้น

ไม่ยินยอม!

ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง!

เห็นได้ชัดว่าเคยอยู่ใกล้แบบนั้น อยู่ในมือ อยู่ตรงหน้า ใกล้แค่เอื้อม!

“คุณนั่นแหละผิด” เขากล่าว “คุณขังตัวเองอยู่ในคุก คุกที่เรียกว่าอดีต เจี่ยนถง ผมมองไปข้างหน้า ส่วนคุณมองไปข้างหลัง

ดังนั้นในสายตาของคุณ จึงไม่เคยมีผมอยู่”

คาย์อัน เฟโรกิพูดประโยคนี้อย่างไม่ยินยอม ความพลุกพล่านในใจหุนหันอยากควบคุมทุกสิ่ง เขาถามผู้หญิงตรงหน้า

“แบบนี้ คุณยุติธรรมกับผมไหม?”

ไหล่ของหญิงสาวสั่นไหวเล็กน้อย ขนตาขยับเบาๆ ริมฝีปากขาวซีดเปิดออกเล็กน้อย ขมุบขมิบพักหนึ่ง……เธอ เงียบ

ลูกตาดำขยับ มองแววตาโกรธสุดขีดของฝ่ายชาย แต่เธอกลับสงบนิ่ง

“ถ้าฉันยังมีเว……” เธอนิ่งไปสักพัก แววตากะพริบแสงเล็กน้อย “ถ้าฉันเลือกได้ ฉันจะแกล้งทำตัวสูงส่งไปหามิแฟรี่ ปล่อยโอกาสความร่วมมือนี้ไป”

“อ่า~คุณไม่อยากติดค้างน้ำใจผม ถูกต้องไหม”

ใช่

เธอตอบในใจ

แต่ไม่ได้ตอบเขาไป

“คาย์อัน ยังไงก็ตาม ฉันขอบคุณการแนะนำของคุณมาก แน่นอน เมื่อทุกอย่างนี้จบลง ฉันจะตอบแทนคุณอย่างเต็มที่ เพื่อตอบแทนความเอื้อเฟื้อที่คุณช่วยแนะนำ ไม่มีทางให้คุณช่วยฟรีแน่นอน”

“ผมอยากให้คุณตอบแทนก็บ้าแล้ว!

แต่ผมต้องการการตอบแทนเพียงอย่างเดียว” ฝ่ายชายสบถอย่างฉุนเฉียว ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง จ้องมองผู้หญิงตรงหน้า “ถ้าคุณอยากตอบแทนล่ะก็ ส่งตัวคุณมาให้ผมสิ อย่างอื่น ผมไม่รับ”

เธอปวดหัว นี่มันไม่สมเหตุสมผล

“สามปีก่อน ผมยอมรับว่าผมผิด

ประเทศจีนของพวกคุณไม่ได้มีคำที่บอกว่า การรู้จักข้อผิดพลาดสามารถแก้ตัวให้ดีขึ้นได้หรือไง?”

“คุณต้องการขังตัวเองอยู่ในอดีตตลอดไปเหรอ?”

“เจี่ยนถง!”

เขาไม่ค่อยตื่นตระหนก คาย์อัน เฟโรกิจ้องแผ่นหลังนั้น เขาคือนักล่าที่ยอดเยี่ยม เขาหักห้ามใจตนเองอยู่เสมอ แต่วันนี้ วินาทีนี้ เขาไม่ต้องการหักห้ามใจตนเองอีกต่อไป

เขาอยากปล่อยไปตามหัวใจ

เขาบอกว่าเธอคือนักพนัน แต่ในตอนนี้ เขาเอง ที่เป็นนักพนัน

ในขณะที่แผ่นหลังนั้นกำลังจะหายไปจากประตู ฝ่ายชายก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไป กอดแผ่นหลังนั้นไว้ทันที

เจี่ยนถงตัวแข็งทื่อ เม้มริมฝีปากแน่น มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัว จับแน่น……ผลักออกไปโดยพลัน เธอไม่คุ้นเคยกับความใกล้ชิดของคนอื่น

ในสมองออกคำสั่งให้ตนเอง

หยุดตามคำสั่ง

เธอคือผู้ดำเนินการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จึงต้องกำจัดอ้อมกอดเอื้อเฟื้อ……อันอบอุ่นด้านหลัง ไม่สงสัยเลยสักนิดว่า หน้าอกของคาย์อัน แผ่ความร้อนออกมา ผ่านมากี่ปีแล้ว นับวันเวลาในปีเหล่านั้น อุณหภูมิที่เธอโหยหา ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นใคร ใคร ก็ได้ทั้งนั้น

แต่วันนี้ ในวันเวลาที่ยาวนานเหล่านั้น เธอไม่คุ้นเคยกับการใกล้ชิดคนอื่น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาคนนี้

“ผมยอมรับว่าผมทำเรื่องต่ำช้า แต่เจี่ยนถง ได้โปรดออกมาจากกรงขังที่เรียกว่าอดีตเถอะ”

พูดถึง “กรงขัง” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอร้อนใจไม่เป็นสุขโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้แต่อับอายจนโกรธด้วยซ้ำไป

“มีกรงขังตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉันไปใช้ชีวิตอยู่ในอดีตตอนไหน

คุณคาย์อัน เกรงว่าคุณจะเกิดภาพหลอน

โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีกรงขังที่เรียกว่าอดีตอะไรนั้น

คุณดูฉันสิ ตอนนี้มีชีวิตดีมาก”

เธอขุ่นเคือง พูดตำหนิ

พยายามดิ้นอย่างรุนแรง จากอ้อมกอดกว้างใหญ่นั้น ต้องการดิ้นออกมา

“ฉันไม่เข้าใจคำพูดของคุณ ฉันรู้เพียง ตอนนี้ฉันมีชีวิตดีมาก”

“มีชีวิตดีมาก?จริงรึ?เจี่ยนถง คุณมันหลอกตัวเองและคนอื่น!คุณมีชีวิตดีมากจริงเหรอ?อาการป่วยของเจี่ยนโม่ป๋าย เรื่องเหล่านั้นของคนในบ้านคุณ

เจี่ยนถง คุณยังกล้าพูดว่ามีชีวิตดีมากอีกเหรอ?”

ชายหนุ่มห้ามปากไม่ได้ เมื่อพูดออกไป เขาปิดปากทันที บังคับให้ตนเองใจเย็น และหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับสัมผัสได้ถึงผมยาวนั้น ดวงตาเปล่งประกาย หลุดปากถามออกไป

“ไม่ได้มีชีวิตอยู่ในอดีตจริงๆ เหรอ?

งั้นทำไมคุณถึงไว้ผมยาว? คุณรอใคร?

รอเสิ่นซิวจิ่น?

เขาดีขนาดนั้นเลยรึไง?”

เจี่ยนถงหน้าซีดฉับพลัน เลือดฝาดที่เห็นด้วยตาเปล่าหายไปจากใบหน้าเล็กๆ อย่างรวดเร็ว

“ปล่อย!”

หวาดกลัว จิตใจวุ่นวาย เสียสติ

หนี

หนีเถอะ

หนีไปซะ ก็จะดีเอง

หนีไปซะ ก็จะลืม

ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ก็จะไม่เสียศูนย์จนวุ่นวายแบบนี้ จะไม่หายใจไม่ออกจนแน่นหน้าอก

เธอคิดแบบนี้และทำเช่นนี้

ในวินาทีที่เธอหนี สายตาของคาย์อันมีความไม่ยินยอม!

เขาไม่เชื่อ!

เขาไม่มีตรงไหนด้อยกว่าเสิ่นซิวจิ่น

เงิน อำนาจ ภาพลักษณ์ สิ่งที่ชายผู้ประสบความสำเร็จควรมี เขาไม่มีอะไรขาด

ผู้หญิง ถ้าเขาต้องการ ไม่เคยไม่ได้

ความปรารถนาอยากเอาชนะของผู้ชาย บางครั้งน่ากลัวมากจริงๆ น่ากลัวจนทำให้ตนเองตามืดบอด ในขณะนี้สายตาของคาย์อัน เฟโรกิเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม การดิ้นรนของเธอ บดขยี้ความปรารถนาอยากเอาชนะที่สืบทอดในสายเลือดของเขา เผาไหม้จนลุกโชน

“คุณไม่กลัว ผมฉีกสัญญาเหรอ?ความร่วมมือระหว่างพวกเราสองบริษัท จะต้องหยุดลงตรงนี้?”

เจี่ยนถงสูดลมหายใจ…… “ถ้าต้องการฉีกสัญญาฝ่ายเดียว เกรงว่าอีกฝ่ายจะต้องชดใช้ค่าเสียหายอย่างสูง”

เธอพูดความจริงอย่างเยือกเย็น

ริมฝีปากบางของชายหนุ่มยกขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มสบายๆ

“ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน

แต่เจี่ยนซื่อกรุ๊ปต้องการร่วมมือกับทางฝั่งผม จะว่าไปสิ่งที่ให้ความสำคัญจริงๆ คือเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของทางฝั่งผมใช่ไหม?

เงินทุนของเจี่ยนซื่อกรุ๊ปขาดช่วง เงินค่าชดใช้ทางฝั่งพวกเรา ไม่สามารถเติมเต็มได้

สิ่งที่เจี่ยนซื่อกรุ๊ปให้ความสำคัญคือการแบ่งปันเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญทางฝั่งผมหลังจากความร่วมมือ นั่นถึงจะเป็นเงื่อนไขจำเป็นที่จะช่วยเจี่ยนซื่อกรุ๊ปหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก”

เจี่ยนถงกลืนน้ำลาย เธอไม่มีอะไรจะเถียง สิ่งที่เธอกับเจี่ยนซื่อกรุ๊ปให้ความสำคัญอย่างแท้จริง คือหลังจากทำความร่วมมือแล้ว แบ่งบันเทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของอีกฝ่าย

สถานการณ์ที่ยากลำบากของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป เงินชดเชยเล็กน้อยไม่สามารถชดเชยส่วนที่ขาดได้แน่นอน

“คุณรู้นานแล้วเหรอ?” ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ฉลาดเช่นนี้ ทำไมจะดูไม่ออก ถึงแม้เธอจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของความร่วมมือ เมื่อเซ็นสัญญา ก็ไม่ได้ปกปิด แต่ในขณะนี้ รู้สึกว่าถูกคนจับจุดอ่อนได้อย่างแท้จริง

“ถ้าใช่ล่ะ? คุณจะเลือกอะไร?”

สายตาเฉียบแหลมของเขาจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า

ใช่ เขาน่ารังเกียจ

คาย์อันกลับไม่รู้ว่า เขาในเวลานี้ ยิ่งเหมือนนักพนันยืนอยู่บนหน้าผา เขากำลังเดิมพันโอกาสสุดท้าย ถึงแม้ โอกาสที่มาจะน่าชังและไร้ร่องรอย

ถึงแม้ ดูเหมือนเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ทว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้าย เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ก็ต้องโผเข้าไป

คาย์อัน เฟโรกิในขณะนี้ แค่ยึดติดกับความไม่ยินยอมและความปรารถนาที่จะเอาชนะ แค่ปรารถนาที่จะเอาชนะเหรอ?

ทั้งสองในเวลานี้ ใครก็ไม่มีทางคิดถึงปัญหาข้อนี้ ไม่เคยคิดมาก่อน และไม่มีเวลาไปคิดถึงมัน

มือของเจี่ยนถง หยิกเนื้อกลางฝ่ามืออย่างรุนแรง จนเลือดแทบจะไหลออกมา

ในวินาทีนี้ เธอจงเกลียดจงชังเจี่ยนเจิ้นตงอย่างไม่คาดคิด

ถึงแม้ในตอนแรกเจี่ยนเจิ้นตงจะไม่แยแสเธอ เธอก็แค่ผิดหวัง รู้สึกถูกทอดทิ้ง หลังจากตนเองด้านชาก็เลือกเป็นคนแปลกหน้ากับเจี่ยนเจิ้นตง

ถึงแม้รับช่วงต่อบริษัทมา สังเกตเห็นเจี่ยนเจิ้นตงแอบโยกย้ายเงินสดของเจี่ยนซื่อกรุ๊ป ส่งผลให้เงินทุนของเจี่ยนซื่อกรุ๊ปขาดช่วง เธอก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้ จงเกลียดจงชังเจี่ยนเจิ้นตง

ถ้าเงินทุนของเจี่ยนซื่อกรุ๊ปไม่ขาดช่วง เช่นนั้น เธอก็ไม่ต้องเลือกแบบนี้

ตัวเลือกนี้ ยากลำบากมาก ด้านหนึ่งคือพนักงานหลายพันชีวิต หลายพันครอบครัว แถมยังมีบิลค่ารักษาในโรงพยาบาลที่รออยู่……

ด้านหนึ่งคือการประนีประนอม เธองุนงง……เหมือนกลับไปตงหวงเมื่อสามปีก่อนอีกครั้ง ต้องจำยอมประนีประนอมกับเงินตรงหน้าขายทุกสิ่งทุกอย่าง

จะต้อง……กลับไปเป็นแบบนั้นอีกเหรอ?

จะเลือกอย่างไรดี?

สูดลมหายใจเข้าลึก มองไปข้างหน้า “คุณต้องการทำแบบนี้จริงเหรอ?”

อีกฝ่ายไม่ตอบ กลับถามว่า “เสี่ยวถง คุณจะเลือกยังไง?”

เธอเงียบไม่พูดจา เอื้อมมือออกไป ไม่พูดอะไรสักคำ เปิดประตูตรงหน้า

ผู้ชายด้านหลังร้อนใจทันที

เขาไม่เชื่อ!

และยิ่งไม่ยินยอม!

ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็ไม่อาจทำให้เธอมองเขาได้เลยรึ?

จับศีรษะของหญิงสาวเอาไว้ทันที ใบหน้ารูปงาม กดลงไป ริมฝีปากบางประกบริมฝีปากของหญิงสาว ในชั่วพริบตาเดียวที่สัมผัส เหมือนเขาเป็นเด็กคนหนึ่ง ได้รับลูกกวาดที่วอนขอมานาน สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ความเสียวซ่าน ส่งมาจากริมฝีปากขาวซีด สั่นไหวทันที

เขายิ่งจับศีรษะของเธอแน่นกว่าเดิม หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที……ความรู้สึกประหลาดที่ไม่อาจพูดได้พรั่งพรูออกมาในใจ

ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ชายหนุ่มปล่อยศีรษะของหญิงสาวอย่างพ่ายแพ้ ถอนริมฝีปากออกมา มองผู้หญิงคนนั้น สบเข้ากับดวงตาที่ใสสะอาดของเธอ ความเจ็บปวดทรมานในแววตาของเขาหายแวบไป

“ทำไมถึงไม่หลบ?”

หญิงสาวแค่หรี่ตาลงเบาๆ “พอใจหรือยัง?” เสียงอันหยาบกระด้าง ในขณะนี้ ในพื้นที่จำกัดนี้ ดังก้องอย่างนุ่มนวล

กลับเหมือนมีดคม แทงเข้าไปในหัวใจของผู้ชายอย่างไร้ความปรานี

เลือดฝาด จากบนใบหน้าหล่อเหลาคมสันของฝ่ายชาย หายไปอย่างรวดเร็ว

เขาหน้าขาวซีด จ้องมองผู้หญิงที่ดูใจเย็น กัดฟันกรามแน่น จนแทบส่งเสียงเอี๊ยด สุดท้ายก็ปล่อยมืออย่างห่อเหี่ยว หลับตาลง

ปกปิดความเจ็บปวดในแววตาที่คนอื่นไม่รู้

ความปวดร้าวที่หัวใจ ความรู้สึกแบบนี้ คนอย่างเขา ในชีวิตนี้ ไม่เคยได้ลิ้มลอง

ความเจ็บปวดใจ เจ็บกระดูกซี่โครง เจ็บอวัยวะภายในไปหมด ร่างกายของคนเรา แปลกประหลาดเสียจริง เจ็บแค่ที่เดียว กลับเจ็บไปทุกที่ แม้แต่แผ่นหลัง ก็เหมือนถูกสิ่งของอะไรสักอย่าง กดอัดจนปวดร้าวหาที่เปรียบมิได้

เวลาผ่านไปนาทีต่อวินาที ไม่มีใครทำลายความเงียบ พื้นที่ที่จำกัดนี้ เสียงหายใจของสองคน ยิ่งเงียบ

ประตู ถูกเปิดออกอย่างเงียบๆ เกิดเสียงเล็กน้อย

มือถูกจับเอาไว้แน่นโดยพลัน เธอตกใจ หันไปมอง “คุณ……”

ส่งเสียงออกไปแค่คำเดียว เสียงนั้น หายไปในลำคอ ยากที่จะด่าโพล่งออกไปอีก

ผู้ชายตรงหน้า ขมวดคิ้วแน่น ขอร้องเธออย่างอวดดีหาที่เปรียบมิได้ “เจี่ยนถง ผมหิวแล้ว ผมอยากกินบะหมี่ คุณต้มให้ผมกินอีกครั้ง”

เชิดคางขึ้นแบบนั้น เป็นคำสั่งที่หยิ่งยโสหาที่เปรียบมิได้ แต่ในชั่วพริบตาเดียว เธอสัมผัสได้ถึงรอบตัวของผู้ชายตรงหน้าอย่างชัดเจน ปกคลุมไปด้วยหมอกความกดอากาศสีเทา มีการกีดกัน มีความอึดอัดใจ และยังมีความ……สิ้นหวัง

ภาพลวงตาเหล่านี้ เธอหรี่ตาลง กะพริบตาเบาๆ

“ได้” ผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวตอบตกลง

ณ ห้องครัวของวิลล่าเยว่หรง

เคยได้ยินการเหมาหอประชุม ร้านอาหาร ชายหาด แต่วันนี้ สิ่งที่ถูกเหมา กลับเป็นห้องครัวของวิลล่าเยว่หรง

อุปกรณ์ครบครัน สะอาดสะอ้าน

หญิงสาวอยู่เตา เทน้ำลงไปเงียบๆ ใส่บะหมี่และเครื่องปรุงลงไป และไม่ไกลจากตรงนั้น ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่ย้ายมาชั่วคราวมองผู้หญิงหน้าเตาเงียบๆ

ฉากตรงหน้า เหมือนย้อนกลับไปสามปีก่อน เพียงแต่ เมื่อสามปีก่อน เธออยู่ในห้องครัว มีประตูกั้นไว้ ส่วนเขาอยู่ในห้องรับแขก และตึกอพาร์ตเมนต์เก่านั้น ดูล้าสมัยมืดมน แต่ที่นี่ในตอนนี้ กว้างขวางสว่างไสว

กลิ่นหอมที่คุ้นเคยลอยแตะจมูก ชายหนุ่มสูดดมทันที เขาเคยกินบะหมี่ของเธอมามาก ตอนนั้นแค่รู้สึกอยากเปลี่ยนรสชาติเป็นครั้งคราว ดูเหมือนจะรสชาติไม่เลว

ภายหลัง เขาไม่เคยกินบะหมี่อีกเลย แค่รู้สึกว่า รสชาติไม่ถูกปาก

ชายหนุ่มจ้องมองผู้หญิงหน้าเตาที่กำลังทำบะหมี่อย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่ละสายตา ท่าทางไม่รีบร้อนของเธอนั้น เหมือนกับเมื่อก่อน

เธอผมยาว เธอผมสั้น คาย์อันมองเห็นไม่ชัดเจน ในสายตา มีเพียงแผ่นหลังที่เลือนราง

มองอย่างหลงใหล และเลื่อนลอย เขาจ้องมองแผ่นหลังนั้นไม่ละสายตา ราวกับว่ามองเธอ ราวกับว่าทะลุผ่านแผ่นหลังนั้น มองไปยังสถานที่ไกลแสนไกล

เมื่อยกบะหมี่มาเสิร์ฟ มนต์สะกดของชายชราถูกทำลายลงทันที……เขาหรี่ตาลง สายตาอยู่ที่ชามบะหมี่ร้อนๆ ตรงหน้า……ไม่ใช่สามปีก่อน ไม่ใช่ตึกอพาร์ตเมนต์เก่านั้น

ชามและตะเกียบจัดวางตรงหน้าชายหนุ่ม เขากลับลุกขึ้นฉับพลัน เดินย้อนกลับไป เมื่อเดินกลับมา ในมือมีชามสองใบ

มือของเขามั่นคงมาก แบ่งบะหมี่ร้อนๆ ตรงหน้าออกเป็นสองส่วน นำอีกครึ่งใส่ในชามเปล่าที่เขานำกลับมา เหลือบเห็นว่า มีต้นหอมลอยอยู่บนน้ำซุป

มือของเขายิ่งมั่นคง และมีความอดทนสูง นำต้นหอมในชาม ย้ายไปอีกชาม ถึงจะผลักไปตรงหน้าเธอ พูดเบาๆ “กินเป็นเพื่อนผมนะ”

ถึงจะนั่งลงไป หยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างเชื่องช้า กินต้นหอมที่ลอยอยู่เต็มชามเงียบๆ

ชำเลืองดู เห็นหญิงสาวตรงข้ามที่ถูกพูดถึง นั่งลงเงียบๆ เมื่อหยิบตะเกียบกินบะหมี่ ชายหนุ่มละสายตาทันที ความสนใจทั้งหมด จดจ่ออยู่ที่บะหมี่ตรงหน้า ราวกับว่า ในเวลานี้ โลกทั้งใบของเขา มีเพียงบะหมี่ตรงหน้าชามนี้ ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว

บะหมี่หนึ่งชาม กลับมีความเร็วเหมือนรับประทานอาหารฝรั่งเศส ช้ามาก

เมื่อเห็นว่าชามว่างเปล่า ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที เห็นอีกฝ่ายวางชามและตะเกียบลง หญิงสาวนั่งเงียบ จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา

“คุณไปเสียเถอะ และอย่ากลับมาอีก!”

หญิงสาวฝั่งตรงข้ามได้ยิน มองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง จากนั้นลุกขึ้นเงียบๆ “ขอบคุณนะ ขอโทษด้วย” ตั้งแต่ตอนแรกเริ่มของความร่วมมือนี้ เธอไม่ควรเริ่มความร่วมมือนี้เลย

แต่ทว่า ถ้าเวลาย้อนกลับได้ ให้เธอเลือกอีกครั้ง เธอคิดว่า เธอจะยังคงเลือกให้เจี่ยนซื่อกรุ๊ป……ร่วมมือกับบริษัทของคาย์อัน ไม่มีทางเปลี่ยน

ลูกตาดำของหญิงสาวหดตัวลง เธอดึงเก้าอี้ออก ถอยไปสามก้าว ก้มลงไป โค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง

หันตัว ไม่หยุดอยู่กับที่

และในจังหวะย่างก้าวที่เบาบ้างหนักบ้าง สายตาของผู้ชายด้านหลังมองส่งเธอ

“เฮ้ เจี่ยนถง!”

เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำราวกับเชลโลที่สวยงาม ดังขึ้นจากด้านหลังอย่างรื่นหูทันที เขามองแผ่นหลังนั้น โดยไม่สนภายในใจที่ว่างเปล่าอย่างกะทันหัน เหมือนกับว่า พลาดสิ่งที่สำคัญมากไปจริงๆ

เขาตะโกนบอกเธอ

“ผู้หญิงที่ผมต้องการ คือผู้หญิงที่ไว้ผมยาวถึงเอวเพื่อผมเดียวคนนั้น!นั่นถึงจะเป็นผู้หญิงในอนาคตของผม!”

หญิงสาวไม่หยุดเลยสักนิด หันหลังให้ผู้ชายด้านหลัง ใบหน้าเล็กๆ อิ่มเอมด้วยรอยยิ้ม และความอ่อนโยน “ขอให้คุณมีความสุข ลาก่อน”

หน้าโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มคีบบะหมี่คำสุดท้ายในชาม ใส่เข้าปาก ออกแรงเคี้ยว และหลับตาลง

ถ้าหัวใจว่างเปล่า เติมกระเพาะให้เต็ม

ใครเป็นคนพูดนะ?

“ไร้สาระ” ชายหนุ่มพูดเบาๆ

เขาอยู่หน้าโต๊ะอาหาร เงียบไปนาน

ทันใดนั้น ลุกขึ้นฉับพลัน ไม่หันไปมองชามสองใบบนโต๊ะ……คนที่กินบะหมี่ด้วยกัน ออกไปแล้ว บะหมี่ไม่ได้มีรสชาติที่คุ้นเคยนั้นแล้ว

เขาก้าวยาวๆ ออกไป ยิ่งเดินเร็วขึ้น เหมือนพายุฝนถาโถมเข้าไปในห้องของมิแฟรี่

โครม—-เสียงดังขึ้น เลขาธิการไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็ถูกบานประตูฟาดลงบนใบหน้าข้างหนึ่ง อลหม่านทันที “ท่านดยุกไม่ได้นะครับ คุณผู้ชายมีแขก……”

—-สายไปแล้ว

ฉากที่เลขาธิการเห็นตรงหน้า ปวดหัวจนกุมขมับเอาไว้ “ห้องนอนของคุณผู้ชายมีแขก”

บนเตียง มีความยุ่งเหยิง ปรากฏเอวของผู้ชายกำยำ ทับอยู่บนสาวสวยเซ็กซี่น่าหลงใหล ไม่ต้องคิดเลยว่า ก่อนหน้านี้ ภายในห้องเกิดอะไรขึ้น

“แค่ก—-แค่กๆ ” มิแฟรี่เกาผมอย่างหงุดหงิด อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างยังไม่บรรเทา ทันใดนั้นความโมโหก็พรั่งพรูออกมา

“Shit!นายบ้าไปแล้วเหรอ?”

ที่ปลายเตียง คาย์อัน เฟโรกิที่สูงใหญ่เหมือนกัน เดินไปตรงหน้าบาร์ เปิดตู้ และหยิบขวดวิสกี้ “ดื่มสักแล้ว?”

ความแปลกของเขา แน่นอนว่าดึงดูดความสนใจของมิแฟรี่ หรี่ตามองสักพักหนึ่ง ลุกขึ้นจากตัวหญิงสาวทันที ใส่ชุดนอนตามอำเภอใจ ดึงลิ้นชักออก เขียนเช็คหนึ่งใบ ส่งให้ตรงหน้าสาวสวยที่ไม่พอใจคนนั้น ยิ้มอย่างสุขุม กล่าวด้วยรอยยิ้มงดงาม

“คนสวย ผมคิดว่า เทียบกับผม คุณน่าจะรักเช็คใบนี้ยิ่งกว่า”

หญิงสาวหยิบเช็คอย่างเบิกบาน เก็บความไม่พอใจ เดินจากไป

“ส่งคนออกไปอย่างสุภาพบุรุษสง่างามเช่นนี้มิแฟรี่ นายมันเดรัจฉานยิ่งกว่าฉัน”

มิแฟรี่โบกมือให้เลขาธิการ เขาจึงรู้ว่าควรออกไป

“สามารถใช้เงินได้ ทำไมต้องจริงใจ?อย่างน้อย ฉันมีทุนจะเดรัจฉาน ไม่จริงเหรอ?” เขาเทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง พร้อมกับใส่น้ำแข็ง เมื่อดื่มลงไป รู้สึกดีอย่างหาที่เปรียบมิได้ทันที ความโกรธที่ยังไม่บรรเทาเหล่านั้น ระงับเอาไว้ชั่วคราว

สามารถใช้เงินได้ ทำไมต้องจริงใจ? ……คาย์อันหัวเราะขึ้น “นายมันเดรัจฉานชัดๆ ”

มิแฟรี่เลิกคิ้วอย่างตะลึง “นายเป็นคนสอนคำนี้กับฉันไม่ใช่เหรอ?”

คาย์อันยิ่งหัวเราะอย่างเจิดจ้า หากไม่สนใจความปวดร้าวที่หางตา……

“ถ้างั้น ฉันมันเป็นปีศาจจริงๆ ”

“เอ๋?นายไปเจอเรื่องสะเทือนใจอะไรมา?ราชินีในดวงใจของนายนั้น?เธอทำให้นายเสียใจเหรอ?”

“มิแฟรี่ตอนนี้นึกย้อนไปในอดีต แค่รู้สึกแปลกๆ ทำไมฉันถึงคิดว่านักล่าคำนี้ เป็นเกียรติอย่างหนึ่ง?”

“โอ้ยตาย คาย์อัน!นายมันบ้าไปแล้วจริงๆ !”

……

รถแท๊กซี่คันหนึ่ง มุ่งสู่สนามบิน “วิเวียน ฉันกลับมาแล้ว ส่วนหนังสือสัญญา พรุ่งนี้คุณมาที่ห้องทำงานฉัน ฉันจะเอาให้คุณ”

ในไม่ช้า อีกฝ่ายก็ส่งข้อความวีแชทมา

“รีบขนาดนี้เลย?พรุ่งนี้ก็ได้”

“ไม่เป็นไร”

“จริงสิ หลายวันที่คุณไม่อยู่ คุณหญิงเจี่ยนมาโวยวายสองสามครั้ง ส่วนพี่ชายของคุณอาการแย่ลง”

เจี่ยนถงมองเนื้อหาข้อความ เม้มริมฝีปากแน่น

ใบหน้าเล็กๆ แน่วแน่อย่างไม่สามารถอธิบายได้

ตอบกลับไปเพียงสามคำ “เข้าใจแล้ว”

ซื้อเที่ยวบินรอบกลางคืน ก่อนขึ้นเครื่อง เธอโทรศัพท์อีกครั้ง เพื่อถามว่าหาอวัยวะที่จับคู่กับเจี่ยนโม่ป๋ายเจอหรือยัง

“พวกคุณได้โปรดรีบตามหาคนที่จับคู่กันได้สำเร็จ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ฉันสัญญาว่าจะมอบ ‘กองทุนดวงหัวใจ’ ให้คุณ ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง และจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน”

“คุณเจี่ยน พวกเรากำลังรีบหาให้อยู่ โปรดอย่าวิตกกังวลจนเกินไป”

หลังจากวางสาย เต็มไปด้วยความคิดหนักอึ้ง ผู้คนมากมาย จะหาคนที่จับคู่กันสำเร็จไม่ได้เลยหรือไง

จู่ๆ มือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เดิมทีคิดจะกดทิ้งไป กลับไม่ระวังกดผิดเป็นรับสาย เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เสียงที่มีความโกรธดังมาจากปลายสาย

“ทำไมถึงไม่รับสายฉัน เสี่ยวถง แกบล็อกเบอร์ฉัน แกมันเลือดเย็นเกินไป

พี่ชายของแกเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นาน แกจะไม่สนใจคนจะเป็นจะตายก็เถอะ ทำไมต้องบล็อกเบอร์ฉันด้วย

ฉันโทรหาแกเป็นสิบครั้ง ถ้าโม่ป๋ายไม่บอกว่าแกอาจจะบล็อกเบอร์ของฉันไปแล้ว ฉันคงไม่คิดเอาเบอร์คนอื่นโทรหาแกหรอก

เสี่ยวถง แกทำแบบนี้ได้ยังไง !ไม่มีสนใจครอบครัวสักนิดเดียว?”

เจี่ยนถงถูกกระหน่ำใส่เป็นชุดจนหูอื้อ

ใช้เวลานานกว่าจะนึกขึ้นได้ เธอบล็อกเบอร์คนตระกูลเจี่ยน ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่เพราะไม่อยากถูกถล่มทั้งวัน

ปลายสายนั้น คือแม่ของเจี่ยนโม่ป๋าย และเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเธอด้วย กลับพูดมาได้ว่าเธอเลือดเย็นเกินไป ไม่สนใจคนจะเป็นจะตาย

“งั้นทำไมคุณไม่คิดบ้าง ชีวิตของฉันสำคัญบ้างไหม?”

สุดที่จะทนได้ เจี่ยนถงตวาดใส่มือถือ

ตี๊ด—-กดตัดสายทันที จบการสนทนานี้ เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง บล็อกเบอร์นี้ทันที

ผ่านไปไม่นาน มือถือก็ดังขึ้นอีก

“ฮัลโหล”

“แกยังบล็อกอีก!”

ตี๊ด—-วางสาย

หลังจากนั้น กลับเหมือนเข้าสู่ฝันร้ายอย่างต่อเนื่อง เธอบล็อกเบอร์นี้ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเป็นอีกเบอร์ บล็อกไปประมาณสิบกว่าเบอร์ อีกฝ่ายไม่ท้อแท้ แต่เธอแทบจะโกรธจนหัวเราะออกมา

อีกสายดังขึ้นมา ในครั้งนี้ เธอกดรับ ในใจคิดเดิมพัน อยากรู้ว่าในฐานะที่เป็นแม่ของเธอ ผู้หญิงที่มีสายเลือดเดียวกับเธอ ต้องการพูดอะไรกับเธอกันแน่!

“เจี่ยนถง!ฉันจะบอกแกให้นะ !ถ้าโม่ป๋ายตายไป ตระกูลเจี่ยนจะไม่มีแกอีกต่อไป!”

“ตระกูลเจี่ยน ไม่มีฉันนานแล้วไม่ใช่เหรอ?” เธอหัวเราะอย่างไม่แยแส ยังคิดว่าอีกฝ่ายจะมีวิธีการเลิศล้ำอะไร เอาชื่อออก ไม่รู้จัก ปฏิเสธ……หลายปีก่อนทำทั้งหมดนี้แล้วไม่ใช่หรือไง?

“แก……” คุณหญิงเจี่ยนพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

“ไม่ว่าอย่างไรแกก็เป็นคนตระกูลเจี่ยน เป็นน้องสาวแท้ๆ ของโม่ป๋าย แกควรจะทำเพื่อคนในครอบครัวเพื่อพี่ชายของแก ไปบริจาคไขกระดูกซะ!”

“คุณให้ฉันที่ป่วยโรคไต บริจาคไขกระดูก?”

“ฉันถามหมอมาแล้ว ไตข้างเดียวสามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนมีไตข้างเดียวมากมายบนโลก ไม่ได้อยู่ดีมีสุขเหมือนกันหรือไง?อีกอย่าง การบริจาคไขกระดูกอาจไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น โอกาสไม่มาก แต่กลับสามารถช่วยชีวิตพี่ชายของแกได้!”

“ชีวิตอยู่ดีมีสุข?” เธอพึมพำกับตัวเอง “โอกาสไม่มาก?”

เหน็บแนมปลายสายกลับไป “คุณหญิงเจี่ยน หมอที่ไหนบอกคุณ?”

“เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่ง!”

ดูสิ ท่าทางแข็งกร้าวแบบนี้ แววตาของเจี่ยนถงค่อยๆ เย็นยะเยือก “ถ้าฉันไม่ล่ะ?”

อีกฝ่ายระเบิดอารมณ์ถึงที่สุด

“แกจะมาทำตัวไร้จิตสำนึกแบบนี้ไม่ได้นะ

แกยังต้องการอะไรอีก

เจี่ยนซื่อกรุ๊ปทั้งหมด ก็ยกให้แกแล้ว

เดิมทีสิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นของพี่ชายแก!

พี่ชายของแกยกเจี่ยนซื่อกรุ๊ปทั้งหมดให้แล้ว แกก็แค่บริจาคไขกระดูกให้แค่นั้น แกไม่ยินยอมเหรอ?

เป็นคนไม่น่าจะไร้จิตสำนึกแบบนี้?

ตอนนี้ เจี่ยนซื่อกรุ๊ปเป็นของแก เงินก็เป็นของแก แกยังต้องการอะไรอีก ฉันจะให้แกทุกอย่าง ขอร้องเถอะ ช่วยพี่ชายของแกได้ไหม?”

ภายในห้องรับรองผู้โดยสารขาออกของสนามบิน หญิงสาวคนหนึ่งนั่งโดดเดี่ยวบนเก้าอี้เข้ามุม เหมือนกำลังพยายามอดทนกับอะไรสักอย่าง ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

มือที่กำเอาไว้ของเจี่ยนถง ยิ่งกำแน่น แทบจะดันแต่ละคำออกมาจากซอกฟัน “พวกคุณชอบเจี่ยนซื่อกรุ๊ปขนาดนี้ งั้นเอาไปซะ!”

ความยุ่งเหยิงนั้น เธอทุ่มเทกำลังกายและกำลังสมองมากมาย แถมยังละเมิดเรื่องที่เธอไม่ยินยอมทำอีกมาก

ต่างคิดว่าเป็นบ่อเงินบ่อทอง ฮา~!

“แกไม่เสียดายเหรอ?

ตอนแรกมุ่งมั่นขนาดนั้น ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าเค้กที่กินเข้าปากแล้ว จะยอมคายออกมา ถ้าไม่โง่ก็โกหกแล้ว หลอกให้คนอื่นดีใจ”

หญิงสาวหลับตาลง ฟังเสียงจากปลายสาย เช่นนี้ ยังคงหดหู่เพราะสิ่งนี้อยู่เหรอ?

ยิ้มบางๆ …… “ใช่ไหมล่ะ?”

“แก แกหมายความว่าอะไร?”

เธอหรี่ตาลง เธอไม่ได้เป็นคนโง่อย่างนั้นเหรอ

กลับไม่ได้อธิบายให้คนในสายฟัง ปลายสายนั้น เริ่มข่มขู่กึ่งโน้มน้าวอีกครั้ง บอกให้เธอไปบริจาคไขกระดูกให้เจี่ยนโม่ป๋าย

ฟังคำพูดเรื่อยเปื่อยจากปลายสาย ทรวงอกของเจี่ยนถงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างโมโหทันที!

คำพูดเย้ยหยันผุดออกมาจากฟันกรามด้านหลัง “ฝากคุณไปบอกโม่ป๋ายด้วยนะ ให้เขาทำใจตายให้สบาย”

“นังสารเลว !ทำไมฉันถึงได้คลอดสัตว์เดรัจฉานยิ่งกว่าหมูหมาอย่างแก—-”

ตู๊ดๆ ๆ ๆ —-

การเอะอะโวยวายทั้งหมด หยุดอยู่ที่เสียงตู๊ดๆ ติดต่อกัน ใบหน้าเล็กๆ ของหญิงสาว ถือทิฐิ เม้มริมฝีปากเน้น จ้องมองบรรยากาศตรงหน้าไม่พูดจา

ขอบตาของเธอร้อนผ่าว ในวินาทีนั้นเอง น้ำตาคลอเบ้า หญิงสาวกะพริบตา นั่งพิงเก้าอี้ค่อยๆ หลับตาลงเงียบๆ

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset