แสงแรกของแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน แสงเงา ตกลงสู่เตียง และตกลงมาบนผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด สาดส่องบนใบหน้าของหญิงสาว
หมดแรงจากการรีบขึ้นเครื่องบิน ก่อนเที่ยงคืนกลิ้งไปกลิ้งมา หลังเที่ยงคืนนอนไม่หลับ จนถึงดึกมาก ถึงจะค่อยๆ นอนหลับไปเอง จนไม่อยากตื่นขึ้นมา ซึ่งหาได้ยาก วันนี้เธอไม่อยากตื่น
ในความสับสนวุ่นวายและสะลึมสะลือ มีอาการคันใบหน้าเล็กน้อย เอามือปัดออกท่ามกลางความสะลึมสะลือ เมื่ออาการคันหายไป เธอกำลังจะนอนหลับต่ออย่างรวดเร็ว แต่อาการคันเมื่อสักครู่ กลับมากวนใจอีกอย่างน่าเกลียด
ฝืนความง่วง ลืมตาขึ้น—-
เพราะเหตุนี้—-
ตาโตสบเข้ากับตาเล็ก
ใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบ คุ้นตามาก คุ้นตาจน……
กะพริบตา กะพริบตาอีกครั้ง
ดวงตาเรียวยาวที่สบเข้ากับตาโตของเธอก็—-
กะพริบตา กะพริบตาอีกครั้ง
ตู๊ม—-
ความดันเลือดในสมองพุ่งขึ้นในชั่วพริบตา แทบจะระเบิดออกมา
มือผลักออกไปทันที ใช้กำลังป่าเถื่อนเกินสัญชาตญาณของเธอ “นายทำอะไร!” เธอบุ่มบ่ามยกมือขึ้นตบ
เพราะเหตุนี้ บรรยากาศสงบตอนเช้าตรู่ ถูกทำลายลงด้วยเสียงตบหน้าอันชัดเจนและก้องกังวาน
สายตาของเธอโกรธสุดขีด ยังไม่ทันได้ชำระแค้นกับคนทำผิด ไอ้เลวนั้น กลับมองหน้าเธออย่างกล่าวหา
“ถงถง?” เขาคนนั้นจับแก้มที่ถูกตบ จ้องมองเธออย่างงุนงง “ทำไมเธอต้องตบอาซิวด้วย?”
ทำไมเธอต้องตบเขา?
เจี่ยนถงเข้าใจคำนี้ แทบจะโมโหจนหัวเราะออกมา หายใจเสียงดังด้วยความโกรธ “นายยังมีหน้าถามฉันอีก?เมื่อกี้นายทำอะไร!”
“จุ๊ฟๆ ไง”
จุ๊ฟๆ ?ฌ๘ษยังทำหน้าน้อยใจ?
“เสิ่นซิวจิ่น ฟังฉันนะ นายมันไม่ให้เกียรติผู้หญิง!ฉันไม่ได้ให้นาย……จุ๊ฟๆ !”
“แต่ว่า……”
“นายยังมีแต่เหรอ แต่ว่าอะไร?”
“ฉันชอบถงถง ในทีวีบอกว่า ชอบคนคนหนึ่ง จะต้องจูบเธอ”
เจี่ยนถงไม่เคยจะคิดเลย ว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
เธอโมโหแทบจะบ้า!
แต่เห็นผู้ชายตรงหน้าทำหน้า “ฉันไม่ผิด” เธอหน้าตึงลุกขึ้นจากเตียงทันที ขี้เกียจมองคนด้านหลัง เดินออกไปจากห้องโดยไม่คิดจะสนใจ
“ถงถง ทำไมเธอต้องโกรธแบบนี้ด้วย? อาซิวชอบเธอนะ”
กร๊อบ!
เดิมทีเธอใกล้จะหมดความอดทนอยู่แล้ว ไม่อยากเห็นหน้าจะได้ไม่ต้องหงุดหงิด แต่ไอ้ทึ้มตามมาใกล้เธอ เธอไม่สบายตรงไหน เขาจะจิ้มไปตรงนั้น
เส้นเลือดบนขมับกระตุก เธอกำมือจับประตูแน่นขึ้น เหมือนจะบีบที่จับประตูให้แหลกละเอียด……อย่าโมโห เจี่ยนถง อย่าโมโห เธอจะไปเถียงกับคนโง่ทำไม เขาเข้าใจกะผีสิ!
เธอไม่ค่อยสบถคำหยาบ ตอนนี้ในใจสบถออกมาติดต่อกัน
สูดลมหายใจเข้าลึกหลายต่อหลายครั้ง ดับความโกรธที่เหมือนไฟไหม้ลามทุ่ง หญิงสาวดูสงบลง เปิดประตูออกไปอย่างใจเย็น ก้าวเท้า……
“ถงถง เธอแอบอาซิวกินลูกอมใช่ไหม?ปากของถงถง ทั้งหอมทั้งหวาน ” พูดจบแล้วยังทำเสียงแจ๊บๆ
กร๊อบ!
เสียงกระดูกข้อนิ้วทั้งสิบดังต่อเนื่อง
ความสงบเงียบในแววตาของหญิงสาวหายไป เกิดเป็นไฟป่าลุกลามอย่างบ้าคลั่ง
เธอสาบาน!
วันนี้จะต้องจับไอ้ทึ้มนี้โยนออกไป!
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หันตัวเดินกลับไปหน้าเตียง หยิบมือถือบนโต๊ะด้านข้าง ไม่สนว่าตอนนี้กี่โมง อีกฝ่ายจะตื่นหรือยัง กดโทรออกทันที
อีกฝ่ายรับสาย เพิ่งจะพูดออกมาว่า “คุณไม่รู้เหรอว่านี่มันกี่โมงกี่ยาม” ก็ถูกเธอกระหน่ำระเบิดใส่
“ซีเฉิน ฟังฉันนะ ถ้าวันนี้คุณไม่มารับตัวไอ้ทุเรศนี้ไป คืนนี้รอเขาไปนอนเป็นคนไร้บ้านในสวนสาธารณะได้เลย!”
เสียงหยาบกระด้าง ระงับความโกรธไม่อยู่
ทางฝั่งนั้นเดิมทีปลุกขึ้นมาจากฝันหวาน จึงตื่นด้วยความโมโห ในตอนนี้ตกใจกับความโกรธของเธอที่เหมือนกับไฟป่าแผดเผาได้สติขึ้นมาในชั่วพริบตา สะดุ้งโหยงทันที “มีอะไรค่อยพูดค่อยจา อย่าโมโห อย่าโมโห” สมกับเป็นนักธุรกิจ ต้องการเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน ซีเฉินเลือกที่จะปลอบโยนอย่างไม่ลังเล ท่าทางผ่อนคลายลงทันที ไถ่ถามด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
“เขา……อาซิวทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจให้อภัยได้……เหรอ?”
ซีเฉินถามอย่างระมัดระวัง ไม่ค่อยเห็นเจี่ยนถงหงุดหงิดมาก เรียกคนนั้นว่า “ไอ้ทุเรศ” อย่างไม่คาดฝัน ดูเหมือนครั้งนี้ “ไอ้ทุเรศ” จะทำเรื่องร้ายแรงจริงๆ ถึงทำให้ผู้หญิงคนนั้นโมโหจนด่าหยาบคาย
“แค่กๆ …… ‘ไอ้ทุเรศ’ นั้นมันแหย่อะไรคุณ?” เห็นผ่านไปนานหญิงสายที่ปลายสายไม่ตอบอะไร ซีเฉินทำได้เพียงไถ่ถามอย่างกระอักกระอ่วนใจ
เขาไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว พอถามออกไป เจี่ยนถงตัวแข็งทื่อไปหมด ใบหน้าเล็กๆ เดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง มีสีสันเหมือนจานสี พูดไม่ออก
“อย่ายุ่ง!วันนี้คุณต้องมารับไปทันที พาเขาออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก!”
เจี่ยนถงพูดจบอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านหลัง
“ถงถง เธอไม่ชอบให้อาซิวจูบ ต่อจากนี้อาซิวจะเปลี่ยน อย่าไล่อาซิวไปเลยนะ ได้ไหม?”
เปรี๊ยะ!
เธอมือสั่น เหมือนจะได้ยินเสียงความดันโลหิตในกะโหลกศีรษะสูงจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยง
ปลายสายเงียบไปอย่างผิดสังเกต เจี่ยนถงไม่ต้องคิด ก็พอเดาออกว่าซีเฉินกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่
“นายหุบปาก!” เธอหน้าบึ้ง พุ่งตัวไปด้านข้างมองผู้ชายที่เธอตะโกนให้หยุดอย่างระมัดระวัง
“โธ่ ที่แท้เป็นแบบนี้เอง ไม่น่าเลย ค่อนข้างเป็น ‘ไอ้ทุเรศ’ เลยนะ” ซีเฉินถูจมูก อยากหัวเราะให้เต็มที่ ก็ไม่กล้ากระตุ้นเจี่ยนถงที่กำลังโมโหอยู่ตอนนี้ ทำได้เพียงอดกลั้นเต็มที่ จนแทบจะช้ำใน
“แต่ว่า เจี่ยนถง ผมไม่สามารถพาเขามาอยู่กับผมได้ คุณท่านของตระกูลเสิ่นนั้นไม่ยอมเลิกรา แถมยังเริ่มแทรกแซงเรื่องในบริษัทอีกครั้ง
จิ้งจอกเฒ่านี้มียศสูง อาซิว…… ‘ไอ้ทุเรศ’ นั้นไม่อยู่ ผมควบคุมจิ้งจอกเฒ่านั้นไม่ได้
สองวันนี้ต้องรับมือกับจิ้งจอกเฒ่า ผมแทบจะเป็นบ้า
ถ้าต้องพา ‘ไอ้ทุเรศ’ มาอยู่กับผมอีก ผมกลัวว่าจะปิดบังได้ไม่นาน
เขาก็ทุเรศไปหน่อย แต่เจี่ยนถง คุณถึงกับคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กแล้วเหรอ?”
“ฉัน……”
เธอยังพูดไม่จบ ซีเฉินจากปลายสายก็แทรกว่า “เด็กมักจะแสดงเจตนาดีแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?จริงๆ แล้ว เด็กไร้เดียงสาที่สุด พวกเขาคิดอะไรอย่างไร้เดียงสามาก อาซิวชอบคุณก็แสดงเจตนาดีออกมา ทำไมคุณถึงเข้าใจผิดล่ะ?”
เจี่ยนถงถูกตำหนิซึ่งๆ หน้า สำลักจนหน้าดำหน้าแดง อย่างน่าเหลือเชื่อ
“ผู้ใหญ่อย่างเราไม่ควรเอาอคติไปมองโลกของเด็ก”
ใบหน้าของเจี่ยนถง มีสีสันที่หลากหลายยิ่งขึ้น โกรธจนมือที่จับมือถือสั่นเล็กน้อย หัวเราะเย็นชา “ยังคงเป็นความผิดของฉันเหรอ?ฉันใจแคบ ฉันคิดไม่ดี?
ซีเฉิน คุณรู้ดี
ระหว่างฉันกับเขา เป็นแค่ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กเหรอ?” เธอโกรธจนหน้าเขียว
“จำอะไรไม่ได้เหรอ ทุกอย่างหายไปหมดแล้วเหรอ?”
เธอไม่เคยคิดเลยว่า เช้านี้จะ “สะเทือนใจ” เช่นนี้ “แต่ซีเฉิน ฉันจำได้!”
เขาจำไม่ได้ แต่เธอจำได้!
จำได้ทุกอย่าง!
จำได้ชัดเจน!
“ส่วนท่านแก่เสิ่นอะไรนั้น จะอันตรายหรือเปล่า พวกคุณไปแก้ปัญหากันเอง!” แต่จะให้เธอ อยู่ด้วยกันเช้าเย็นกับคนด้านข้างนี้ต่อไป เธอกลัวว่าสุดท้ายเธอจะทำเรื่องผิดพลาด!
เธอกลัวสุดท้ายเธอจะ……ใจอ่อน!
จะ……ใจเต้น!
เธอกลัวจะไม่อยากให้เขาความทรงจำกลับมา!
“ตอนนี้ฉันต้องไปทำงาน ก่อนเลิกงาน ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ ฉันจะพาเขาไปส่งให้ท่านแก่เสิ่น จะมารับหรือเปล่า พวกคุณคิดเองนะ” พูดออกไปอย่างไม่แยแส เธอไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวใดๆ ตัดสายทิ้งทันที