มองข้ามสีหน้าถูกทอดทิ้งของคนด้านข้าง เจี่ยนถงแค่ล้างหน้าบ้วนปากง่ายๆ หยิบกระเป๋าเดินออกไป
ภายในบริษัทยุ่งทั้งวัน วิเวียนมาที่ห้องทำงานตั้งแต่เช้า หยิบหนังสือสัญญาที่ทำร่วมกับเตอร์เมนกรุ๊ปไป จนเมื่อถึงตอนกลางวัน กลับพบว่า ในห้องทำงานท่านประทาน หญิงสาวคนนั้นยังคงยุ่งอยู่เหมือนเดิม
เธอเข้าใจว่าเพราะความร่วมมือกับเตอร์เมนกรุ๊ป หญิงสาวจึงค่อนข้างเอาใจใส่ เอาแต่ยุ่งอยู่กับงาน จนถึงช่วงบ่าย จึงรู้จากคนของฝ่ายเลขานุการว่า เจี่ยนถงให้คนของแผนกนำเอกสารของบริษัทในช่วงนี้ไปให้เธอ
วิเวียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ประตูห้องทำงานท่านประธานแง้มอยู่ เธอคิดจะเคาะ แต่เมื่อสัมผัสโดนประตู ประตูก็เปิดเองอัตโนมัติ วิเวียนจึงสังเกตเห็น หญิงสาวคนดังกล่าวทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดของตนเองให้กับงาน
“ประธานเจี่ยน” เธอผลักประตู ก้าวเท้ายาวๆ เข้าไป พูดอย่างโมโห “คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันรู้ค่ะ เจี่ยนซื่อกรุ๊ปมีปัญหาเยอะมาก แต่พวกเราไม่ได้เซ็นสัญญากับเตอร์เมนกรุ๊ปแล้วรึคะ?จะพักผ่อนสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”
“ไม่ใช่เตอร์เมนกรุ๊ป” หญิงสาวที่กำลังยุ่งอยู่กับงาน ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เซ็นเอกสารในมือ ตอบประโยคหนึ่งเบาๆ
“ไม่ใช่เตอร์เมนกรุ๊ป?” วิเวียนคิ้วขมวด “ไม่ใช่เตอร์เมนกรุ๊ป คุณจะทำแล้วทำเล่าอยู่แบบนี้เหรอ?”
“เอาล่ะ วิเวียน คุณออกไปได้แล้ว”
หญิงสาวคนนั้นยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมาพูด
มองดูเธอทุ่มเทให้กับงาน วิเวียนทั้งโกรธทั้งสงสาร ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “ฉันได้ยินลูกน้องบอกว่า คุณยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน”
“ฉันไม่หิว ออกไปได้แล้ว”
หญิงสาวพูดอย่างเย็นชา
วิเวียนแปลกใจเล็กน้อย ตั้งแต่ทำงานกับผู้หญิงคนนี้มา ไม่เคยปฏิบัติต่อตนเองแบบนี้
“กองทัพต้องเดินด้วย……”
“ออกไป” หญิงสาวพูดเบาๆ อีกครั้ง ถึงจะเงยหน้าจากกองเอกสาร กวาดมองวิเวียนตรงหน้า
“……เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
วิเวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งรู้สึกผิดปกติ ผู้หญิงคนนี้เคยปฏิบัติกับเธอแบบนี้ที่ไหน “เสี่ยวถง ฉันออกไปได้นะ คุณยุ่งกับงานฉันก็เข้าใจ แต่อย่างน้อยคุณควรหาเวลากินข้าว”
“ฉันบอกแล้ว ฉันไม่หิว”
วิเวียนคิ้วขมวด “คุณไม่กิน ฉันก็ไม่รู้จะชี้แจงยังไง”
ท่าทางดื้นรั้นของเจี่ยนถง กระตุ้นให้วิเวียนพูดออกมาทันที
“ชี้แจง?” เจี่ยนถงเลิกคิ้ว “ชี้แจงอะไร?ชี้แจงกับใคร?ชี้แจงเรื่องอะไร?”
วิเวียนตกใจเมื่อรู้ว่าตนเองเพิ่งพลาดปากพูดออกไป แต่เป็นอาการปากไว ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว นอกจากนี้……เธอไม่รู้สึกว่า เธอมีความจำเป็นต้องเก็บความลับแทนใคร
“ก่อนประธานเสิ่นของพวกคุณจะไปอิตาลี ขอร้องฉันเป็นการส่วนตัวให้ดูแลอาหารประจำวันของคุณ ต้องกินข้าวตรงเวลา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นแบบนั้นก็ตาม แต่ในเมื่อตอนแรกฉันรับปากเขาไปแล้ว ก็มีหน้าที่ดูแลให้คุณกินข้าวให้ตรงเวลา”
เดิมทีเจี่ยนถงอารมณ์เสียอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินชื่อคนนั้นอีก จึงยิ่งหงุดหงิด “ฉันเป็นเจ้านายของคุณ หรือเขาเป็นเจ้านายของคุณ?วิเวียน สนใจหน้าที่ของคุณด้วย”
สิ้นคำ เธอสีหน้าเปลี่ยน ตกใจคำพูดของตนเอง แรงเกินไป
“……เจี่ยนถง?”
“ออกไป”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?” ถึงอย่างไร ยังคงเข้าใจผู้หญิงคนนี้
“คุณบอกฉันสิ บางทีฉัน……”
เจี่ยนถงตบโต๊ะลุกขึ้นทันที เธอรู้ดีว่า วิเวียนหวังดีต่อเธอ วิเวียนมีความตั้งใจดี แต่ในเวลานี้ เธอรับการพูดพล่ามแบบนี้ไม่ไหว “ออกไป”
เธอลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะทำงาน ดึงมือของวิเวียน พาไปที่ประตูไล่ออกไปข้างนอก
“คุณอย่าเป็นแบบนี้สิ” วิเวียนกล่าว ” ไม่มีอะไรที่เข้าใจไม่ได้ เป็นเพราะเสิ่นซิวจิ่นใช่ไหม คุณบอกมาสิ ฉันอาจจะสามารถ……”
“คุณทำอะไรไม่ได้หรอก!” คำพูดปลอบโยนเหล่านั้น ในเวลานี้ทำให้เธอยิ่งหงุดหงิด เจี่ยนถงได้ยินเสียงหึ่งๆ เสียงห่วงใยนั้น กลายเป็นลูกศรคม ทิ่มแทงเธอดอกแล้วดอกเล่า จนสุดท้ายรับไม่ไหว ขึ้นเสียงตะโกน
เธอไม่ต้องการทำร้ายวิเวียน กลับไม่อยากได้ยินวิเวียนพูดถึงชื่อเขาคนนั้น
เธอแค่……อยากให้วิเวียนหุบปาก อยากอยู่เงียบๆ ต้องการสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์
“เป็นเพราะเสิ่นซิวจิ่น……ใช่ไหม……”
เจี่ยนถงห่อไหล่ทันที สองมือออกแรงดึงแขนเสื้อของวิเวียน ก้มหน้าลงอย่างห่อเหี่ยว น้ำเสียงกดดัน ตะเบ็งออกมา “วิเวียน ขอฉันอยู่เงียบๆ สักหน่อย……ได้ไหม?”
พูดตะเบ็งเสียง แต่กลับซุกซ่อนคำขอร้องไม่ได้
วิเวียนตกใจ ได้สติทันที อยากจะตบหน้าตัวเอง ดูเธอสิ ปกติฉลาดเฉียบแหลม ตอนนี้ทำไมถึงได้เลอะเลือน!
มองท่าทางห่อเหี่ยวของผู้หญิงตรงหน้า วิเวียนอ้าปากค้าง แต่ไม่พูดอะไรอีก หันตัวเปิดประตูห้องทำงาน เดินจากไป
ภายในห้องทำงาน หญิงสาวไม่ได้กลับไปทุ่มเทกับการทำงานต่อ เธอยืนแกร่วอยู่ที่เดิมเงียบๆ หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ
เธอยืนเงียบอยู่ตรงนั้น เหมือนกลายเป็นเสาหิน หลังจากผ่านไปราวๆ สิบห้านาที ด้านนอกห้องทำงาน มีเพียงประตูกั้นเอาไว้ ตรงประตู มีกับข้าววางลงเบาๆ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเบาๆ คนด้านนอกไม่พูดยืดยาว แค่เตือนอย่างเงียบๆ “กินข้าวด้วยนะ”
ไม่มีเสียงใดอีก
ด้านในประตู หญิงสาวยืนอยู่นาน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอยกมือขึ้น เปิดประตูออกไป ก้มลงหยิบกับข้าวที่วางตรงประตูขึ้น
พูดเบาๆ กับอากาศที่ว่างเปล่า “วิเวียน ขอบคุณนะ”
แต่ไม่มีใครได้ยิน
เดินมาหลังโต๊ะทำงาน เปิดกล่องข้าวออก กินอย่างเชื่องช้า ทีละคำๆ ไม่ได้รสชาติอะไร กับข้าวจะหอมแค่ไหน แต่รสชาติเหมือนเคี้ยวเทียนไข
มองเห็นเวลาผ่านไปรวดเร็ว ท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดลง
เธอเหลือบมองเวลา ใกล้จะเลิกงานแล้ว แต่เธอไม่อยากกลับบ้าน
ตลอดทั้งวันซีเฉินไม่โทรหาเธอสักสายเดียว เธอคิดว่า ประโยคข่มขู่ของเธอเมื่อช่วงเช้า มีประโยชน์เสมอ พวกเขายังกลัว
ออกจากบริษัทอย่างเงียบๆ
รถขับเข้าไปในที่จอดชั้นใต้ดิน เธอขึ้นลิฟต์อย่างเชื่องช้า เมื่อถึงชั้นที่ตนเองพักอาศัย ยืนอยู่นอกประตูบ้าน มองดูประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้าด้วยความสับสนหาที่เปรียบมิได้
ค่อยๆ ยกมือขึ้น วางบนหัวใจด้านซ้ายของตนเองเบาๆ ถึงจะมีเสื้อผ้ากั้นขวาง แต่ยังสัมผัสได้ชัดเจน ว่าในทรวงอกนั้นเต้นผิดปกติ
เปิดประตู ภายในห้องมืดสนิท เธอถอนหายใจโล่งอก……ดูเหมือนซีเฉินจะรับเขาไปแล้ว
วินาทีต่อมา ความหดหู่พรั่งพรูอย่างไม่มีเหตุผล
เธอรีบหยุดความหดหู่นี้
กดสวิตช์บนผนัง แสงไฟอบอุ่นส่องที่ห้องรับแขก
เธอมองไปที่ห้องรับแขก บนโซฟาไม่มีเขาคนนั้น……เมื่อก่อนเขาชอบนอนบนโซฟาที่สุด
ทิ้งกระเป๋าเป้ลง วิ่งอย่างอ้อยส้อยไปที่ห้องนอน เปิดไฟ ตรงหน้าเตียง ไม่มีคน
หันตัว ก้าวช้าๆ ออกจากห้องนอน ไปที่ระเบียง
บนระเบียง มีแค่กล้องส่องทางไกลเดียวดาย
คิดไม่ถึงว่าเธอจะห้ามใจไม่ไหวยื่นมือออกไปลูบคลำ วัสดุมีความเย็น ไม่มีอุณหภูมิสักนิดเดียว
เธอต้องการค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองในเวลานี้ กลับพบว่างุนงงและไม่ชัดเจน
เมื่อผ่านห้องรับแขกอีกครั้ง เดินผ่านข้างเคาน์เตอร์ กลับหยุดชะงักโดยพลัน กับข้าวบนโต๊ะเหล่านั้น อยู่บนเคาน์เตอร์เงียบๆ มองอยู่นานสองนาน เธอเอื้อมมือไปสัมผัสข้างชาม……เย็นเยือก ไม่มีอุณหภูมิเหมือนเมื่อวาน
ใช่……เขาไปแล้ว จะมีคนอุ่นกับข้าวให้เธอได้อย่างไร
ใช่……เขาไปแล้ว!
“ดีจริงๆ ในที่สุดก็ไปแล้ว” เธอกล่าว
กลับหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบกับข้าวเย็นๆ เข้าปากทีละคำ
โคมไฟในห้องรับแขก สว่างไสว ห้องนอน ห้องน้ำ ระเบียง ……เธอเปิดไฟทั้งบ้าน เปิดทั้งหมด แสงอันอบอุ่น สาดส่องทุกมุมของบ้านหลังใหญ่นี้
แต่เธอกลับขมวดคิ้ว……รู้สึกว่า เหมือนขาดอะไรไป