ในตอนกลางคืน หญิงสาวนอนไม่หลับ ยิ่งใกล้จะเที่ยงคืน เม็ดฝนตกกระทบบนหน้าต่าง เธอพลิกตัวไปมา พยายามข่มตานอน
บนเตียง พลิกตัวไปมาหลายต่อหลายครั้ง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ยังคงไม่มีความง่วงสักนิด
ดึงผ้าห่มออก เหยียบเท้าเปล่าลงพื้น เดินไปที่หน้าต่างอย่างหงุดหงิด
เธอสวมชุดคลุม เดินเท้าเปล่าไปห้องรับแขก เปิดทีวี เห็นว่าเป็นรายการของเด็ก ใจลอยไปชั่วขณะ ถึงจะนึกขึ้นได้ทันที ตนเองไม่ได้ดูทีวีนานแล้ว
ทีวีในห้องรับแขก ถูกคนนั้นยึดไว้
เธอก็เรียนรู้การขดตัวบนโซฟาจากคนนั้น บนหน้าจอกำลังออกอากาศการ์ตูนแพะแสนสวยและหมาป่าตุวใหญ่ เธอได้ดูก็อึ้งไป
หมาป่ากินแกะ นี่คือกฎแห่งป่า เธอสงสัยสิ่งที่ตนเองเข้าใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนนั้น เขาดูของแบบนี้ทุกวัน?
ด้านนอกประตูมีเสียงดังขึ้น
หญิงสาวเงี่ยหูฟังอย่างว่องไว
เสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ได้ยินอยู่หลายนาที เธอยิ่งมั่นใจว่า ไม่ได้ฟังผิด
ขโมย?
ในสมองเกิดความคิดเช่นนี้ ก็ถูกตนเองปัดตก ตอนแรกคนนั้นยอมตกลงให้เธอย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลเสิ่น เพราะเห็นว่าตึกนี้มีมาตรการความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
แต่ด้านนอกประตู……หรือจะเป็นแมวสุนัขหรือว่าลูกของบ้านใคร?
เปิดประตูทันที
“……”
ทันทีที่มองเห็น เธออึ้งไป
ก่อนหน้านี้ ทำไมเธอไม่เคยคิดว่า จะเป็นเขา!
หัวใจเต้นทันที
เธอมองเขาอยู่อย่างนี้ มองอยู่ห้านาที เขาคนนั้นก็เอาแต่จ้องมองเธอ นัยน์ตาคู่นั้นของเธอ เงียบสงบหาที่เปรียบมิได้……แต่มันก็แค่ดูเป็นแบบนั้น
นัยน์ตาเงียบสงบนี้ เก็บซ่อนความดิ้นรนมากเกินไป
มองเห็นแววตาอ้อนวอนของคนนั้น การแกล้งทำเป็นสงบของเธอถูกทำลายลง ใจอ่อนทันที
หันตัวเดินเข้าบ้านเงียบๆ
ประตูนั้น ยังคงเปิดอ้าอยู่
ไม่มองคนด้านหลัง ว่าจะตามเข้ามาหรือเปล่า เธอก้าวไปข้างหน้าช้าๆ เข้าไปห้องนอนหยิบชุดคลุมอาบน้ำกับผ้าขนหนู เมื่อออกมา ในห้องรับแขกว่างเปล่า เงยหน้ามองดู ประตูใหญ่ที่เปิดอ้า เขาคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่ประตู สายตาเปล่งประกายมองเข้ามาในบ้าน และติดอยู่กับร่างกายของเธอ
เดินไปที่ประตูเงียบๆ นำชุดคลุมอาบน้ำกับผ้าขนหนู ยัดใส่มือเขาคนนั้น
และหันตัวเดินกลับเข้าบ้านไป
ระหว่างที่หันตัว เห็นเขาคนนั้นเมื่อได้รับอุปกรณ์อาบน้ำ แววตาเปล่งแสงอบอุ่นออกมาในชั่วพริบตา
“ถงถง เธอใจดีจังเลย!”
ด้านหลัง จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น
เธออยู่ที่ประตูห้องนอน หยุดลงทันที กำฝ่ามือจนกลายเป็นหมัดอย่างเงียบๆ
ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องนอน ไม่สนใจเสียงด้านนอกอีก
ประตูปิดลง ราวกับเธอสูญเสียขอบและมุมของร่างกายไปทันที พิงประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง……เสิ่นซิวจิ่น นายต้องการให้ฉัน……ทำยังไงกับนาย!
ตั้งแต่ต้นจนจบ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยปากถามสักคำ ว่าทำไมเขาจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ ทำไมเขาถึงกลับมาอีก
ตั้งแต่ต้นจนจบ…… ไม่มีเลย!
กำมือถือเอาไว้ ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ บางที……ก็แค่เสียงฝนนอกหน้าต่าง
เธอเข้าใจดี แค่โทรกริ้งเดียว ซีเฉินก็จะมารับเขาไป
เธอจะได้ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์ซับซ้อนที่ไม่ชัดเจนในใจ
เธอจะได้ไม่ต้องรังเกียจตัวเองแบบนี้
เธอเข้าใจดี โดยไม่รู้ตัว มือถือถูกเธอกำไว้จนแทบพัง เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จนฝ่ามือเหนียว มือถือเหนียว
หญิงสาวหลับตาลง……ในขณะนี้ ไม่มีใครรู้ว่า เธอกำลังคิดอะไร
เวลาผ่านไปทีละนิด ดวงตาสดใสคู่นั้น ลืมขึ้นโดยไร้การต่อต้าน เท้าเปล่าเหยียบไปบนพื้น เธอเดินไปที่หน้าต่าง เมื่อผ่านเตียงใหญ่ ขว้างมือถือในมือทิ้งไป มือถือนั้น หมุนสองรอบกลางอากาศ หล่นลงไปบนผ้าปูเตียง หงายลงอย่างเงียบ ๆ
หน้าจอมือถือยังสว่างอยู่ เป็นอินเตอร์เฟซรายชื่อ ด้านบนสุดของมือถือ แสดงให้เห็นว่า “ซีเฉิน—-” ส่งเสียงกริ่งเป็นเวลาสามวินาที
เปิดหน้าต่างออก ลมฝนไม่กระทบหน้าต่างอีกต่อไป หยดน้ำฝนที่ยุ่งเหยิง ปลิวเข้ามาในห้อง และตกลงบนใบหน้าของเธอ ไหล่ของเธอ
ลมฝนนี้ มาได้ผิดเวลาจริงๆ เธอบ่นพึมพำ
เธอมองดูลมฝนจากหน้าต่าง ความรู้สึกปลิวว่อน ใจจดใจจ่อกับเสียงฝน “ซ่าๆ ” มากเกินไป จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ถูกลบล้างออกไปอย่างเงียบๆ จนไม่ได้ยินเสียง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ด้านหลังมีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ปลุกเธอตื่นขึ้น เธอหันไปตามสัญชาตญาณ ตกใจเบาๆ ประตูเปิดอ้าออก มีเงายืนอยู่
ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
พวกเขาในเวลานี้ เหมือนคู่ที่แต่งงานกันมาเจ็ดปี สามีภรรยาที่ไม่มีอะไรจะพูด
และก็จริง……ไม่มีอะไรจะพูด
เธอหันตัว หยิบผ้าห่มของตนเอง เดินออกไป
เมื่อผ่านประตู ฝ่ามือร้อนระอุดั่งเหล็ก จับเธอไว้แน่น
“ถงถง เธอจะไปไหน?”
เสียงทุ้มต่ำของคนนั้น ถามอย่างตื่นตระหนก
แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำถามนี้ แทบจะกลั้นหัวเราะ……ประชดประชันไม่ไหว
เขาคนนั้นว้าวุ่น แย่งผ้าห่มจากมือของเธอ ผลักเธอเข้าไปในห้อง “ปัง” ปิดประตูลงอย่างรุนแรง “อาซิวนอนที่ห้องรับแขก”
ค่ำคืนที่เงียบงันผ่านไป
ตอนเช้าตรู่ ชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลง จืดชืด และข้อตกลงครบกำหนด
เปิดประตูออก กลิ่นอาหารหอมๆ ลอยมาจากห้องรับแขก หลังจากหญิงสาวแต่งหน้าแต่งตัวเงียบๆ นั่งลงตรงตำแหน่งของเธอ รับประทานอาหารเงียบๆ
เขาคนนั้นก็พูดน้อยลงอย่างไม่ค่อยได้เห็น แต่หญิงสาวสัมผัสได้ถึงสายตาที่ร้อนจี๋และจดจ่อบนหน้าผากอย่างชัดเจน
เงยหน้าขึ้น กลับสบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับของเขาคนนั้น ถูกความอ่อนโยนในแววตาบังคับให้ถอยแสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าว
ก้นบึ้งในหัวในของเธอเยาะเย้ยตนเอง ……แววตาแบบนั้น ภายใต้แววตาแบบนี้ เธอต้องถอยออกมาอย่างแพ้พ่าย
เมื่อออกจากบ้าน เธออยู่ที่ประตูหันมา พูดจริงจังกับผู้ชายที่เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา
“เสิ่นซิวจิ่น นายรีบหายไวๆ นะ”
เขาคนนั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มขึ้นมาทันที “อืม!ถงถงพูดอะไร อาซิวก็จะทำ!อาซิวจะพยายามหายไวๆ แน่นอน”
แสงแดดที่อบอุ่นนั้น เจี่ยนถงกลับรู้สึกแสบตาสุดๆ
ยากจะพูดถึงวันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เธอกับเขา ราวกับเข้าไปในความเข้าใจที่รู้กันสองคนอย่างแปลกประหลาด
ใกล้จะผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ได้ยินว่าเรื่องของไป๋ยู่สิงที่อิตาลี เมื่อใกล้จะจบลง กลับเกิดความยุ่งยากขึ้นอีก ไป๋ยู่สิงบอกว่า ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ต้องการใช้เวลาสักหน่อย
หลังจากเจี่ยนถงได้ฟัง แค่กล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันเกือบคิดว่าคุณโกหกฉันแล้ว อันที่จริงคุณม่อสาวอยู่ที่อิตาลี เพลิดเพลินสุดๆ มีความสุขจนไม่อยากกลับมา”
ไป๋ยู่สิงจากปลายสายก็พูดติดตลกกับเธอ “มีความสุข? จน ไม่อยากกลับ”
“งั้นรีบกลับมาเถอะ” น้ำเสียงของเจี่ยนถง มีความเยือกเย็นและเงียบเหงาที่ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ
ความร่วมมือกับคาย์อัน แต่เดิมสิ่งที่เจี่ยนคิดคือ คงจะล้มเลิก แต่หนึ่งเดือนผ่านไป ความร่วมมือยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม แต่คาย์อัน หายสาบสูญไปจากสายตาของเธอ
ความร่วมมือเข้าสู่ช่วงที่สอง
เดิมที ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต้องนัดเจอกันอีกครั้ง เพื่อปรึกษาหารือรายละเอียดปลีกย่อยของการดำเนินงานอย่างละเอียด และยืนยันรายละเอียดบางส่วนที่ปรึกษาหารือไว้ก่อนหน้านี้
บ่ายวันนี้ วิเวียนเคาะประตูห้องทำงานของเธอ เปิดประตู พาคนที่คุ้นเคยเข้ามา
“คุณลู่ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ”
เมื่อลู่เชนมา เธอยังคงคิดว่าความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย ได้เข้าสู่ช่วงที่สอง เธอควรจะไปบริษัทลูกภายใต้ชื่อของอีกฝ่ายหรือไม่
ยังคิดไม่ทันเสร็จ ลู่เชนกลับนำจดหมายฉบับหนึ่งมา
มองซองจดหมายที่ย้อมด้วยลายเส้นหมึกสีน้ำเงินอ่อนลายดอกไม้ ไม่มีการลงนาม ไม่มีที่อยู่ บนซองจดหมายว่างเปล่า เหลือบมองลู่เชนฝั่งตรงข้าม ดวงตาใสสะอาดของหญิงสาวกะพริบพราย ยื่นมือออกไปหยิบซองจดหมายนั้น
จดหมายหลุดออกจากซองอย่างพลิ้วไหว
แบบอักษรตัวหนา เขียนขึ้นบรรทัดว่า ถึง เจี่ยนถง
หลังจากเธออ่านจบอย่างเงียบๆ ก็ยื่นมือไปหาลู่เชน “มีไฟแช็กไหมคะ?”
“จะทำอะไรรึครับ?” ลู่เชนถาม แต่ก็โยนไฟแช็กให้
คลิก—-
เปลวไฟลุกไหม้จดหมายนั้น
ลู่เชนหน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่พูดอะไร
มองผู้หญิงตรงหน้าอยู่ลึกซึ้ง แสงไฟส่องสะท้อนแสงเงาแปลก ๆ บนใบหน้าของเธอ ซับซ้อนเกินความคาดหมาย
“เผาแบบนี้เลยเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขา ภายในห้องที่เงียบสงัด ค่อยๆ ดังขึ้น
“ถ้าไม่งั้นล่ะ?” หญิงสาวถามกลับ
ลู่เชนตะลึงงัน……จริงด้วย ถ้าไม่งั้นล่ะ?
“ผู้หญิงไร้ความเมตตา……” สิ่งที่เขาต้องการจะพูด ทุกคนเข้าใจมัน
หญิงสาวฝั่งตรงข้ามค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“การเผา เป็นความตั้งใจของเขา” เธอกล่าว ” ส่วนฉัน ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเขา” ดังนั้น ในที่สุด เธอจึงเผาจดหมายแผ่นนี้
“ความจริงเขาดีมาก ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่เคยเห็นเขาเอาใจใส่ใครแบบนี้มาก่อน”
“ฉันเชื่อ” เธอพูดเบาๆ
ลู่เชนคิดไม่ถึงว่า เธอจะตอบอย่างไม่ลังเลแบบนี้ จ้องมองผู้หญิงฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงถอนสายตากลับ “ผู้อื่นไหว้วานมาก็ต้องทำให้ดี เสร็จเรื่องแล้ว ผมต้องขอตัวกลับก่อน”
“ฉันจะไปส่งคุณ”
การมาของลู่เชน ใช้เวลาน้อยมาก เข้ามาและออกไป ยังไม่ถึงสิบนาที แต่ในสิบนาทีอันแสนสั้นนี้ จัดการสิ่งที่ควรทำเรียบร้อย
การมาของเขา เหมือนกับพื้นผิวทะเลสาบอันเงียบสงบ โยนหินก้อนหนึ่งลงไป แค่กระเพื่อมเบาๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากหญิงสาวกลับมาที่โต๊ะทำงาน จดหมายบนพื้น กลายเป็นขี้เถ้า
เธอโทรหาแผนกต้อนรับ “เรียกป้ามาทำความสะอาดหน่อย”
เพียงแต่ จ้องมองกองขี้เถ้าบนพื้น งุนงงอยู่นาน คาย์อัน ฉันไม่ใช่ราชินีของคุณ ฉันเป็นแค่คนตายเดินได้ที่ถูกกัดกร่อนจนเหลือแค่ร่างกายนี้ ลอยไปลอยมาในโลกมนุษย์
ลู่เชนเพิ่งออกมาจากตึกเจี่ยนซื่อกรุ๊ป หยิบมือถือ กดโทรออก “เธอเผาแล้ว” ใช่ เขารู้ว่าการเผาจดหมายแผ่นนั้น คือความต้องการของคาย์อัน
ปลายสาย เงียบมาก
ลู่เชนพูดเสริมอย่างไร้ความปรานี “ไม่ลังเลสักนิด ไม่มีสักวินาที”
ปลายสาย หัวเราะเบาๆ “เป็นสไตล์ของเธอ”
“สไตล์อะไร?”
“สิ่งที่เธอต้องการ จะทำเต็มที่ สิ่งที่เธอไม่ต้องการ ก็จะทำเต็มที่”
ลู่เชนสีหน้าขรึมเล็กน้อย “นายเข้าใจเธอแบบนี้ ตอนแรกมันเกิดขึ้นได้ไง?”
“ไม่ นายเข้าใจผิดแล้ว” ปลายสาย คาย์อันพูดอย่างเย็นชา “ฉันเพิ่งเข้าใจ ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหน
สิ่งที่เธอต้องการ หรือไม่ต้องการ เธอจะทำเต็มที่ เธอแบ่งแยกสิ่งที่เธอรัก กับสิ่งที่เธอไม่ได้รักชัดเจน ฉันไม่มีแม้แต่โอกาสด้วยซ้ำ
ไม่ ไม่ใช่แค่ฉัน ใครก็ไม่มีโอกาส
สิ่งที่เธอรัก คือสิ่งที่เธอรัก
สิ่งที่เธอไม่รัก ก็คือสิ่งที่เธอไม่รัก
แม้แต่โอกาสที่ดูคลุมเครือ นายก็ยังไม่มี
ไร้ความปรานีมากไหม?”
คาย์อันกล่าว “แต่ทั้งหมดนี้ เมื่อสักครู่นี้ ฉันเพิ่งตระหนักได้อย่างถ่องแท้ เข้าใจแล้ว”
เมื่อสักครู่นี้?
สักครู่นี้?
ลู่เชนเงียบไม่พูดอะไร เขาเข้าใจ “เมื่อสักครู่นี้” ของคาย์อันคือตอนที่เจี่ยนถงเผาจดหมายอย่างไม่ลังเล