Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 322 รู้ผิดแล้วแก้ไข

บางทีระหว่างเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นชุดก่อนหน้านี้ ใช้แรงไปเยอะมาก ผู้หญิงจึงเป็นลมไป

บนตึกอพาร์ทเมนท์

ไป๋ยู่สิงกำลังเก็บกล่องยาของตัวเอง “ไม่เป็นอะไร แค่เป็นลมไป แต่สุขภาพเธอแย่มากจริงๆ หลังจากเธอฟื้นขึ้นมา ต้องให้ความสำคัญกับอาหารเสริมเป็นปกติ ทำงานและพักผ่อนให้สมดุลกัน……”

ขณะที่ไป๋ยู่สิงพูด ก็ชะงักครู่หนึ่ง เหลือบไปมองผู้หญิงที่หมดสติอยู่บนเตียง เบ้ปาก “อย่าให้เธอกังวลและเหนื่อยดีกว่า อยู่บ้านพักฟื้นเถอะ”

นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อไร ถึงจะสามารถพักฟื้นร่างกายที่ทรุดโทรมนี้ได้

อย่างไรแล้วก็บาดเจ็บสาหัสเกินไป

“นอกจากนี้ ฉันแนะนำรอให้เธอฟื้น พาเธอไปโรงพยาบาลสักรอบจะดีที่สุด แล้วตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้ยังไงฉันก็ไม่มีเครื่องมือหมอติดตัว สุขภาพร่างกายเธอในตอนนี้ บาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรเหมือนกัน และไม่มีข้อมูลที่แม่นยำ……การแพทย์แผนตะวันตก ทุกอย่างต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง”

ไป๋ยู่สิงเก็บกล่องยาของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ในดวงตาผู้ชายที่อยู่ข้างเตียงมีความปวดใจ ยื่นมือไปกดผ้าห่มบนร่างผู้หญิงอย่างดี เสียงทุ้มพูดขึ้น “ไปคุยกันที่ห้องรับแขก”

ไป๋ยู่สิงมองไปที่แผ่นหลังที่เดินจากไปก่อน แอบกลอกตาใส่……ถึงขนาดนี้เลยเหรอ เดี๋ยวถ้าฟ้าร้อง ก็คงปลุกผู้หญิงคนนี้ไม่ตื่นหรอก

แต่เขาขี้เกียจแข่งกับเพื่อนตัวเอง ถือกล่องยาของตัวเอง แล้วรีบเดินตามไป

น้ำชาแก้วหนึ่ง ส่งมาวางบนโต๊ะชา ชายคนนั้นนั่งลงไป ขาเรียวยาวไขว้ทับอีกข้างอย่างผ่อนคลาย

“ในเมื่อนายกลับมาแล้ว มีเรื่องหนึ่งต้องไหว้วานนาย”

ไป๋ยู่สิงเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจที่ได้รับการโปรดปราน ยื่นมือไปลูบหัวใจของตัวเอง “นายอย่าทำให้ฉันตกใจ นายมีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

ไหว้วานเหรอ? เติบโตมีทัศนคติเดียวกับเพื่อนคนนี้มา ไป๋ยู่สิงเติบโตมาขนาดนี้ น้อยครั้งมากที่จะมีเรื่องอะไร ที่แซ่เสิ่นมันใช้คำว่า “ไหว้วาน” อย่างระมัดระวัง

อย่าเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ดีกันทั้งสองฝ่าย……

เมื่อความคิดนี้เพิ่งเข้ามาในหัวใจ เสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นก็ค่อยๆ เข้าหู

“นายก็รู้ เธอกำลังหลอกฉัน”

“ฮะ?”

ชายคนนั้นผลุบตาลง “เธอบอกว่าต้องการเวลาอยู่เงียบๆ ตามลำพัง เธอกำลังหลอกฉัน เธอปิดบังฉันที่ไปบริจาคไขกระดูกให้เจี่ยนโม่ป๋าย”

ขณะที่พูดก็โยนไฟล์ให้ไป๋ยู่สิง “เธอเซ็นใบรับรองบริจาคไขกระดูกเรียบร้อยแล้วด้วย”

ไป๋ยู่สิงหยิบไฟล์นั้นขึ้นมาดูหนึ่งรอบ เงียบอย่างต่อเนื่อง “ในเมื่อนายได้สิ่งนี้มาแล้ว แผลของเธอก็คงไม่สำเร็จใช่ไหม?”

“บอกตามตรง เจี่ยนโม่ป๋ายก็ดี เจี่ยนเจิ้นตงก็ดี คนอื่นๆ ตระกูลเจี่ยนก็ดี ฉันไม่อยากสนใจหรอก การจับคู่ยีนของเจี่ยนเจิ้นตงลูกนอกสมรสนั่น มันสอดคล้องกับเจี่ยนโม่ป๋าย เรื่องนี้ฉันก็รู้นานแล้ว เจี่ยนเจิ้นตงกับเมียน้อยของเขา แอบทำผลรายงานการจับคู่ยีนของปลอม ไม่มีอะไรมากไปกว่าการไม่อยากให้ลูกนอกสมรสนั่นบริจาคไขกระดูกให้กับเจี่ยนโม่ป๋าย พวกเขาแอบทำเรื่องพวกนี้ลับหลัง ฉันสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ในสายตา”

“นายสืบรู้เรื่องนานแล้ว ทำไมไม่บอกภรรยานายให้เร็วหน่อย ถ้านายบอกเธอตั้งแต่เนิ่นๆ เธอคงไม่ลงนามข้อตกลงการบริจาคนี้หรอก”

“ก่อนหน้านี้ ฉันเห็นเธอนอกจากรักท่านแก่เจี่ยนแล้วในตระกูลเจี่ยน คนอื่นๆ ก็ไม่สนใจเลย ในเมื่อเธอไม่สนใจ ฉันก็เลยขี้เกียจพูด”

ไป๋ยู่สิงเงียบไม่พูดด้วย เขาก็รู้ เสิ่นซิวจิ่นคนคนนี้ มีความไม่แยแสในกระดูก

คนและเรื่องที่สามารถทำให้เขาใส่ใจได้ มีไม่มากหรอกบนโลกนี้

นอกจากเขาและซีเฉินพี่น้องเหนียวแน่น ก็คือเจี่ยนถง

สำหรับตระกูลเจี่ยน เขาค่อนข้างมั่นใจ ถ้าตระกูลเจี่ยนตายกันทั้งครอบครัว แล้วเจี่ยนถงไม่รู้สึกแย่ เสิ่นซิวจิ่นก็จะมองด้วยสายตาเย็นชา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเจี่ยนโม่ป๋ายมีทางรอดชีวิต เสิ่นซิวจิ่นคนคนนี้ก็จะรับรู้ว่ามีทางรอดด้วยความเฉยเมย และมองเจี่ยนโม่ป๋ายไปตายด้วยสายตาเย็นชา

ทางนี้ขณะที่พูด ชายที่อยู่ข้างกายก็หัวเราะเยาะหยิบโทรศัพท์ออกมา “นายดู เบอร์นี้”

ไป๋ยู่สิงหยิบขึ้นมา แค่รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย คิดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง “นี่คือ?”

“เบอร์นี้ไม่ได้ระบุหน่วย นี่คือเบอร์โทรศัพท์แรกที่เธอโทรไปก่อนหลังจากเธอออกจากบริษัทเสิ่นซื่อวันนั้น ฉันรู้สึกแปลกๆ เลยให้คนไปสืบ นายเดาดูสิ นี่มันเบอร์ของที่ไหน?”

ไป๋ยู่สิงมองเบอร์โทรศัพท์นั้นยังรู้สึกคุ้นตาจริงๆ แต่นึกไม่ออก

“ผลที่เสิ่นซื่อสืบออกมาได้ เบอร์นี้ คือเบอร์ของธนาคารไขกระดูกระหว่างประเทศ”

ไป๋ยู่สิงเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คงไม่ใช่……”

“ใช่ นายเดาถูกแล้ว ผลที่เสิ่นซื่อสืบออกมาได้ เบอร์นี้คือเบอร์ที่เธอติดต่อมาตลอดหลังจากกลับมาจากทะเลสาบเอ๋อร์ไห่” ขณะที่พูด ฝ่ามือก็คว้าโทรศัพท์เจี่ยนถงอย่างแน่วแน่

“เธอทนได้จริงๆ! ทนได้อีก และเผยพิรุธต่อหน้าฉันได้! ฉันแกล้งทำเป็นบ้าและโง่ ให้เธอคลายการป้องกัน วันเวลาที่ใช้มาด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าไม่สังเกตเห็นสักนิด!”

“……”

ไป๋ยู่สิงไม่รู้ว่าควรเกลี้ยกล่อมผู้ชายข้างกายอย่างไรดี อย่าให้เขาพูดโกหก โน้มน้าวเสิ่นซิวจิ่นว่าอย่าไปคิดมากเลย

“เธอไม่ต้องปิดบังเลย ถ้าแค่หาการจับคู่ให้กับเจี่ยนโม่ป๋ายเฉยๆ จำเป็นต้องปิดบังอย่างเคร่งเครียดขนาดนี้ด้วยเหรอ? ถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับฉันที่ ‘จิตผิดปกติ’ !”

เสิ่นซิวจิ่นฉลาดเกินไป ฉลาดแบบนี้ สามารถช่วยให้เขาไม่เคยทำอะไรผิดพลาดและสำเร็จทุกสิ่งในแวดวงธุรกิจมาตลอด เขาได้รับประโยคจากความฉลาดโดยกำเนิดนี้ แต่ในขณะนี้ เขาอยากให้ตัวเองโง่ “จิตใจแปดขวบ” มากจริงๆ

“เธอบอกฉันว่าตอนที่จากทะเลสาบเอ๋อร์ไห่กลับมาที่เมืองS ก็วางแผนที่แย่ที่สุดไปแล้ว เธอตั้งใจว่าถ้าหาการจับคู่ยีนไม่สำเร็จจริงๆ เธอจะทำเอง”

ไป๋ยู่สิงไม่ส่งเสียง โดยธรรมชาติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนโง่ ในใจคาดเดาสิ่งนี้ไปแล้ว

นึกถึงผู้หญิงคนนั้น ทำไมให้เสิ่นซิวจิ่นใช้ปู่ที่ล่วงลับไปแล้วมาข่มขู่ได้ง่ายดายขนาดนี้ด้วย?

นึกถึงการต่อต้านอันเด็ดขาดของเธอในตอนแรก ทำไมต่อมาถึงสัญญาค่อนข้างง่าย

แต่ในตอนนั้น ถึงจะเป็นเสิ่นซิวจิ่นที่ฉลาดที่สุด ก็ตื่นเต้นกับเรื่องที่ผู้หญิงสุดที่รักของตนในที่สุดก็กลับมาเมืองSจนเพิกเฉยต่อความแปลกๆ เพียงเล็กน้อยล่ะมั้ง

ทันใดนั้นไป๋ยู่สิงก็ค่อนข้างเห็นใจผู้ชายโอหังและถือดีตรงหน้าคนนี้……ไม่ลังเลที่จะแกล้งโง่ แต่ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นผ่อนคลายการป้องกัน เขาเองก็ถูกกับดักคนอื่นล่อลวง แถมยังภาคภูมิใจอีก

เสือดาวที่เฉลียวฉลาด อย่างไรแล้วก็เข้ากับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไม่ได้

“สามปีก่อน เธอไม่ลังเลที่จะใช้เวลาและพลังงาน ไม่มีเงื่อนไขให้เธอหนีสักนิด สามปีต่อมา เธออยากจะหนีอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเลยเตรียมอย่างสุดชีวิต”

ชายคนนั้นขณะที่พูด บริเวณริมฝีปากบางก็ขมขื่นอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันรู้ว่าผิดไปแล้ว……แค่อยากใช้ชีวิตไปจนแก่กับเธอ แต่เธอหนีสุดชีวิต ยู่สิง วันนั้นพิธีบรรลุนิติภาวะเธอครบรอบสิบแปดปี ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันหนึ่ง ที่ฉันจะรักผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ ถ้ารู้ตั้งนานแล้ว วันเกิดสิบแปดปีวันนั้นของเธอ ฉันจะสารภาพอย่างกล้าหาญ ตอนนั้นฉันควรจะแบกเธอที่ทำตัวเป็นจุดสนใจไว้บนไหล่ โยนไปบนเตียง แล้วขังเธอไว้ในอาณาเขตฉันทั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”

ไป๋ยู่สิงฟังเงียบๆ คนนอกแค่รู้สึกปวดใจและเสียใจ เสิ่นซิวจิ่นพูดว่าเขาผิดไปแล้ว……รู้ว่าผิดไปแล้ว ผู้ชายที่เย่อหยิ่งแบบนั้น เขาพูดว่า “ผิดไปแล้ว”

นั่นมันเกือบจะเป็นความสิ้นหวังที่แท้จริงแล้ว

“ถ้าเป็นแบบนั้น อีกสักพัก……ลูกของเราก็จะเข้าเรียนประถมแล้วใช่ไหม”

ไป๋ยู่สิงฟังอยู่ แค่รู้สึกว่าคำพูดนี้เหมือนน้ำมันเดือด ราดลงบนเนื้อหัวใจ “ฉู่–” เนื้อถูกน้ำมันเดือดทำให้สุก รู้สึกแย่ตามขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

“ฉันจะดื่มเป็นเพื่อนนายหนึ่งแก้ว”

“ไม่ดื่มเหล้า เธอตื่นมาแล้วจะหิว” ขณะที่พูด ก็ยืนขึ้น เดินไปหาตู้เย็นอย่างคุ้นเคย หยิบผักออกมา

“ต้มโจ๊กนิ่มๆ สักหน่อย เธอกินอาหารแข็งไม่ได้”

เพิ่งวางผักบนเคาน์เตอร์ จู่ๆ ร่างกายก็ชะงัก หางตามองลงไปที่ถังขยะที่เต็ม

มองนานสักพัก ร่างเรียวของชายคนนั้นก็ย่อลงไป หยิบของออกมาจากถังขยะทีละชิ้น

ไป๋ยู่สิงมองผู้ชายที่ล้างแก้วคู่รักอย่างเงียบสงบด้านหลังอ่างล้างมือ รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับคน

เมื่อทุกอย่างวางอยู่ในที่เดิมของมันทั้งหมดแล้ว ชายคนนั้นก็หันกลับมา “เมียน้อยของเจี่ยนเจิ้นตงคนนั้น เซ็นข้อตกลงบริจาคไขกระดูกแล้ว ยู่สิง เจี่ยนโม่ป๋าย……ไหว้วานนายด้วยนะ”

ไป๋ยู่สิงมองชายคนนั้น เขาเข้าใจแล้ว……คนที่เจี่ยนถงใส่ใจ เสิ่นซิวจิ่นก็ใส่ใจ

และการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูก สิ่งสำคัญคือหลังผ่าตัดจะต้องรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อหนึ่งเดือน เสิ่นซิวจิ่นกลัว ถ้าหลังผ่าตัดเจี่ยนโม่ป๋ายเกิดอุบัติเหตุ ก็กลัวเจี่ยนถงจะรู้สึกแย่

“โอเค ฉันจะเข้าไปในห้องปลอดเชื้อด้วยตัวเอง”

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset