แต่ละวันผ่านไป ผู้ชายทำอาหาร เมื่อไปทำงาน ก็พาผู้หญิงไปไว้ข้างกายตน เอาไว้อยู่ต่อหน้าตนเสมอ เหมือนกับสามีภรรยาที่รักกันหวานชื่น
ในสายตาผู้คน รู้สึกอิจฉาเจี่ยนถง
ทั้งหล่อและรวย แถมดูแลครอบครัวอีกด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ในวงการก็รู้กัน
มีบางคนถอนหายใจกล่าวว่า เจี่ยนถงในตระกูลเจี่ยนคนนั้น ถึงจะประสบความสำเร็จจากการทำงานหนัก นึกถึงตอนนั้นเธอตามจีบเสิ่นซิวจิ่นในขณะนั้น แต่ก็ได้ความแข็งแกร่งที่พยายามอย่างเต็มที่
และบางคนก็คล้อยตามว่า ตอนนี้เธอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
วันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง
“ฉันอยากไปหาเขา”
“ใคร?”
“……พี่ชายฉัน”
ในดวงตาผู้ชายเป็นประกาย แต่สงบเยือกเย็น
“เรื่องของเจี่ยนโม่ป๋าย คุณไม่ต้องสนใจแล้ว”
ทัศนคติที่หลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญเช่นนี้
เจี่ยนถงบีบฝ่ามือ ผ่านไปสักพัก……
“อาการเขาไม่ค่อยดี ฉันอยากไปหาเขาหน่อย”
“ฉันดีกับคุณไม่มากพอเหรอ?” ผู้ชายปักใจเชื่อว่าเธอจะหาทางหนีเขาอีกแล้ว “เจี่ยนโม่ป๋าย เจี่ยนโม่ป๋าย เจี่ยนโม่ป๋ายดีขนาดนั้นเชียว? เจี่ยนโม่ป๋ายสำหรับคุณสำคัญมากขนาดนั้นเลย? คุณยังอยากบริจาคไขกระดูกให้กับเขา? ฉันจะบอกคุณให้ ฉันจะไม่ให้คุณไปเจอเจี่ยนโม่ป๋าย ตัดใจซะเถอะ!”
ตัดใจที่จะหนีเขาไปเถอะ!
เขาโกรธ!
ในขณะนี้แค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เขาจะนึกถึง ความจริงที่ว่าผู้หญิงคนนี้จะหนีจากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ความเป็นความตายของเจี่ยนโม่ป๋าย มันไม่เกี่ยวกับคุณ เสี่ยวถง คุณเชื่อฟังหน่อย เชื่อฟังหน่อยได้ไหม?”
เขากลัว กลัวว่าจะทำทุกวิธีเพื่อจะไม่ให้เธอหนีไปจากสายตาตนเอง
และรู้สึกอยู่รางๆ เจี่ยนโม่ป๋ายในหัวใจเธอ สำคัญขนาดนั้นเลย?
ไม่ลังเลว่ามันจะเสี่ยง ก็อยากบริจาคไขกระดูกเหรอ?
แล้วเขาล่ะ?
ถ้าเธอเกิดอุบัติเหตุ เขาควรทำอย่างไร!
ผู้หญิงก็ถูกกระตุ้นให้โกรธเช่นกัน ในหัวใจเดิมทีก็หนักอึ้งจนหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ในขณะนี้ดูเหมือนถูกกระตุ้นออกมา
“คุณมีเหตุผลหน่อยได้ไหม! ฉันแค่อยากไปหาพี่ชายฉันเอง! อีกอย่าง ร่างกายมันก็เป็นของฉัน! คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนฉัน!”
“คุณอยากไปบริจาคไขกระดูกจริงๆ นะ! คุณอยากหนีไปจากฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผู้ชายโกรธเกินกว่าจะพูด และยิ่งไร้เหตุผล
“เจี่ยนถง! คุณอยากหนีไปจากฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่! ฉันอยากหนีไปจากคุณ! คุณพอใจหรือยัง!”
สิ่งที่เธอไม่กล้าพูด ในขณะนี้ตะคอกออกไปใส่เขาทุกอย่าง
“คุณป่วยจริงๆ! คุณขังฉัน ยังอยากให้ฉันซาบซึ้งคุณเหรอ? หวังดีกับฉันเหรอ? ฮ่าๆๆๆ ……” เธอหัวเราะขณะที่น้ำตาไหลออกมา
“คุณบอกว่าคุณหวังดีกับฉัน งั้นฉันขอให้คุณเก็บ’ ความหวังดี’ ของคุณไปได้ไหม? ถ้าหวังดีกับฉันจริงๆ ก็ปล่อยฉันไป!”
ทันใดนั้น!
ผู้ชายก็ทิ้งงานในมือ เดินเข้าไปข้างเธอด้วยใบหน้าโกรธจนเขียว “เก็บคำพูดเมื่อกี้ไปเลย!”
“ฉันไม่เก็บ! เก็บคำไหน? ปล่อยฉันไป? หรือว่าฉันอยากหนีไปจากคุณ? เสิ่นซิวจิ่น! ฉันเกินทนแล้ว! ทำไมฉันต้องฟังคุณ! คุณมีสิทธิ์อะไรมาขังฉัน!”
เธอโกรธจนทั้งร่างสั่นเทิ้ม
เขาพูดอะไร เธอก็ทำตามทุกอย่าง
เธอแค่อยากไปหาเจี่ยนโม่ป๋าย โทรศัพท์โดนเขาเก็บไปแล้ว คนที่เธอติดต่อได้ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในขณะนี้เจี่ยนโม่ป๋ายมีอาการอย่างไรบ้าง
เธอแค่อยากไปเจอสักหน่อย
……ใช่ เธอควรเกลียดเจี่ยนโม่ป๋าย ควรเกลียดท่านแก่เจี่ยนด้วยซ้ำ
แต่……เธอทำไม่ได้
เมื่อดึกเงียบสงัด เธอก็กลัว กลัวความดีเหล่านั้นที่ปู่เคยมี ตั้งแต่แรก มีการไตร่ตรองล่วงหน้าที่ไม่สามารถพูดได้ เธอกลัวความดีเหล่านั้น ไม่ใช่แค่ให้เธอปฏิบัติดีกับเจี่ยนโม่ป๋ายอย่างเต็มใจ เธอกลัวว่าปู่ไม่เคยรักเธอมาก่อนเลย ไม่รักเลยแม้แต่นิด
แล้วชีวิตเธอมีค่าอะไร?
ปู่ดีกับเธอ เธอระลึกถึงบุญคุณของปู่ เธอรักปู่ แต่กลับบอกเธอว่า บางทีปู่อาจจะไม่เคยรักเธอมาก่อนเลย
เธอรักเสิ่นซิวจิ่น อยากได้แต่ก็ไม่ได้ กลืนความขมขื่นตัวเอง เธอยอมรับ
แต่ชีวิตนี้……เจี่ยนถงอย่างเธอ มันมีค่าอะไรกันแน่!
เธอแค่อยากไปเจอ เจี่ยนโม่ป๋ายคนนั้นที่มีสายเลือดเดียวกับเธอ เคยปฏิบัติดีกับตนด้วยใจจริงตอนเด็กๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
คนคนนี้กลับไม่อนุญาต!
“เจี่ยนถง อย่าทำให้ฉันโกรธ” ผู้ชายหน้าเขียว เอ่ยตะคอก “จำได้หรือเปล่า ฉันเคยบอกว่าอย่าให้ฉันได้ยินคำว่าจากไปจากปากคุณอีก”
ผู้หญิงทั้งโกรธทั้งโมโห
“คุณป่วยจริง! คุณบอกว่าเซี่ยเวยเหมิงคือฉันเป็นคนฆ่า งั้นฉันยอมรับ ฉันยอมรับแล้วยังไม่โอเคอีก! แต่คุณดูฉัน ดูสภาพย่ำแย่ฉันในตอนนี้ คุณยังอยากให้ฉันทำอะไรอีก! เอาชีวิตแลกชีวิตเหรอ? ได้! ฉันจะคืนให้คุณ!”
โดยไม่ทันตั้งตัว คว้ามีดปอกผลไม้ข้างๆ เธอแทงเข้าไปในหัวใจตัวเองอย่างไร้ความปรานี
ตอนที่หยิบมีดขึ้นมา บางทีอาจจะเป็นการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น แต่ขณะที่มีดมันแทงเข้าไปในหัวใจตัวเองอย่างโหดเหี้ยม เจี่ยนถงกลับรู้สึกว่า ทั้งร่างมันผ่อนคลายและปลดปล่อย
รอยยิ้มปลดปล่อยของเธอ ยังไม่ทันได้ผลิบาน ก็ยิ้มไม่ออกแล้ว
เสียงมีดแทงเข้าไปในเนื้อดังฉึก เลือดสดไหลออกมา กลับไม่ใช่เนื้อเธอ
สายตาเลื่อนลงไปทีละนิ้ว ใบมีดแหลมคม ฝ่ามือคนคนนั้นจับไว้แน่น เลือดสีแดงหยดลงพื้นดังติ๊งๆ
ยังไม่ทันเห็นความเจ็บปวดในสายตาคนคนนั้นอย่างชัดเจน คนคนนั้นกลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด แย่งมีดมาจากมือเธอแล้วโยนทิ้งไปให้ไกล
ในเวลาต่อมาก็หมุนเคว้งย้อนกลับไปอีกครั้ง ทั้งร่างก็ถูกแบกเดินไปที่ห้องนอน
สีหน้าเธอซีดขาว เข้าใจทันที ว่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
“เสิ่นเอ้อเสิ่นเอ้อ เสิ่นซิวจิ่นบาดเจ็บ!” เธอรู้ เธอขอให้เขาปล่อยมือ แต่เขาไม่มีทางฟัง
ทำได้แค่ตะเบ็งจากลำคอตะโกนเสียงดังไปที่นอกประตู
อย่างที่คิดไว้นอกประตูก็มีเสียงคนวิ่งมา “บอส……”
“ออกไป!” เสียงเย็นยะเยือกของผู้ชาย ดังขึ้นมาทันที
เสิ่นเอ้อหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยความเสี่ยง ในเวลาต่อมาก็ถอยกลับแล้วปิดประตู
“เสิ่นซิวจิ่น! คุณบ้าไปแล้ว!” เธอตะโกนใส่เขาอย่างสิ้นหวัง “เสิ่นซิวจิ่น! คุณกล้าเหรอ!”
“เสิ่นซิวจิ่น……อย่า!”
“เสิ่นซิวจิ่น……ฉันจะเกลียดคุณ”
ทุกอย่างที่ตะโกนออกไปมันออกมาจากหัวใจ สุดท้ายก็สิ้นหวัง
โลกของเธอ มันมืดสนิท
“กักขัง บีบบังคับให้มีอะไรกัน เสิ่นซิวจิ่น……คุณ……เป็นอะไรกันแน่?”
เสียงแหบทุ้มของผู้หญิงพึมพำกับตัวเอง
ร่างผู้ชายชะงัก ในเวลาต่อมาก็ยื่นมือไปปิดตาเธอ แล้วจูบบนหลังมือตัวเองที่ปิดดวงตาเธอไว้……คุณคือ คนที่สำคัญมากๆ
เขาพูดไร้เสียง
“เจี่ยนถง อย่าคิดหนีอีก ชีวิตนี้ คุณถูกลิขิตให้พัวพันกับฉันไปตลอดชีวิต ถ้าฉันไม่เห็นด้วย คุณก็หนีไม่พ้น”
เขา บ้าไปแล้วจริงๆ
ความเหลือทนภายในใจ มันไม่ตรงกับความคิดที่อยากจะครอบครองเธอทุกอย่าง
ทุกอย่างจบสิ้น เธอก็พูดขึ้น “ฉันเกลียดคุณ”
เขาหลับตา เมื่อลืมตาขึ้น ก็ระงับความเจ็บปวดในดวงตาบังคับให้พูดเสียงเย็นชา
“แล้วแต่คุณ”
เกลียดก็ดีเหมือนกัน ความเกลียด ก็ทำได้แค่เกลียดเขาคนเดียว
ตราบใดที่ในดวงตาเธอมีแค่เขา จะรักก็ดี เกลียดก็ดี เขาไม่สนใจทั้งนั้น
แค่ตอนที่เธอพูดว่าเกลียดเขา เขาเจ็บจนควบคุมตัวเองไม่ได้