บทที่ 51 นอนกับฉันคืนนี้
ยิ่งเธอดึงดัน เขาก็ยิ่งเผด็จการ
เพี๊ยะ!
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้น ทั้งโลกก็เงียบสงัด
เสิ่นซิวจิ่นมองหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของเขาอย่างเหลือเชื่อมือของเธอสั่นเทา มองมาที่เขาอย่างตื่นกลัว
เสิ่นซิวจิ่นจ้องมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ฝ่ามือที่ตบเข้ามาไม่รุนแรงและไม่ทำให้เจ็บ แต่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างคุณชายเสิ่น เสิ่นซิวจิ่น ผู้นำตระกูลเสิ่นแห่งเมือง S ที่ในชีวิตนี้ถูกตบหน้าเป็นครั้งแรก ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นจนเป็นเส้นพลางจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ใต้ล่าง ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นลุกออกจากเตียง หันหลังให้เจี่ยนถงที่อยู่บนเตียงก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เปลี่ยนกางเกงเปียกๆของเธอซะ และอย่าให้เตียงฉันเปียกด้วยล่ะ”
กางเกงกีฬาผู้ชายถูกโยนใส่มือของเจี่ยนถงอย่างรีบร้อน
เจี่ยนถงอึ้งไปครู่หนึ่ง ชายคนนั้นไม่แม้แต่หันกลับมามอง ภายใต้สายตาของเจี่ยนถง เขาระงับความโกรธพลางเดินออกไปจากห้อง “รีบเปลี่ยนเร็วๆเข้า เดี๋ยวไป๋ยู่สิงจะมาตรวจไข้ให้เธอ”
ตรวจไข้?
“ฉันไม่ได้ป่วย”
“ถ้าไม่ป่วย แล้วจู่ๆจะเป็นลมไปได้ยังไง”
เขาตอบอย่างเยาะเย้ย
“ฉันไม่ได้ป่วยจริงๆ”
“บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนสิ มัวพูดไร้สาระอยู่ได้ เตียงฉันสกปรกหมดแล้ว”
แผ่นหลังของชายหนุ่มหายออกไปจากประตูห้องนอน ตามมาด้วยเสียง “ปัง” จากประตูที่ปิดลง
เจี่ยนถงมองกางเกงกีฬาขาสั้นที่อยู่ในมือ
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยุงร่างของตัวเองและค่อยๆเปลี่ยนกางเกงที่เปียกนั้น
ในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เจี่ยนถง นี่ฉันเอง”
ไป๋ยู่สิงยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาเคาะประตูตามมารยาท “ถ้าเธอไม่ตอบ ฉันจะเข้าไปแล้วนะ”
เจี่ยนถงหน้าซีดทันควัน “อย่า…” เข้ามา…
สายไปแล้ว…
ไป๋ยู่สิงยืนมองเจี่ยนถงอยู่ที่ประตู สายตาของเขาสำรวจร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นสายตาแปลกๆ
เสื้อผ้าของเสิ่นซิวจิ่นอยู่บนตัวของเจี่ยนถง
“เธอเพิ่งออกกำลังกายมาเหรอ”
“ฮะ?”
ไป๋ยู่สิงแค่พูดแซวเล่น แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ตอบสนองของเจี่ยนถง ก็ส่ายหัว เป็นอันรู้คำตอบ
เขาเดินไปหาเจี่ยนถง สีหน้าของเธอซีดเซียว
“เธอไม่ต้องเกร็ง ฉันแค่มาตรวจเฉยๆ”
“ฉันไม่ได้ป่วย”
“แค่ตรวจเอง ไม่เห็นเสียหายนี่”
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ได้ป่วยจริงๆ”
จู่ๆไป๋ยู่สิงก็เงยหน้าขึ้น เขามองไปที่เจี่ยนถงด้วยสีหน้าที่ดูจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “นี่ เจี่ยนถง เธอกำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่”
หัวใจของเจี่ยนถงหยุดเต้นไปครึ่งจังหวะ “ฉันก็แค่…ไม่ได้ป่วยจริงๆ และฉันเกลียดหมอก็เท่านั้น”
ไป๋ยู่สิงเชิดคางขึ้นชี้ไปทางประตูห้องนอน “จะให้ฉันเรียกเขาเข้ามา แล้วบอกต่อหน้าเขาว่าตอนนี้เธอเป็นคนพิการดีไหม”
ดวงตาของเจี้ยนถงเบิกกว้างทันใด!
นี่เป็นสิ่งที่เธออายและอยากให้พูดถึงมันน้อยที่สุด!
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่อยากให้เอ่ยถึงมันต่อหน้าคนที่เป็นต้นเหตุ!
“นายรู้ได้ยังไง…อ๋อ…นั่นสินะ” ขณะที่เธอเอ่ยถามไป๋ยู่สิงว่ารู้ได้อย่างไร จู่ๆก็เงียบไป ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “นั่นสินะ”
ไป๋ยู่สิงเหลือบมองเจี่ยนถง เขาเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือ
แต่ถ้าสิ่งต่างๆก็เป็นไปตามที่เขาคาดเดาจริงๆ อย่างนั้นแล้ว…ไป๋ยู่สิงมองไปที่เจี่ยนถงอย่างสงสาร…เธอช่างน่าเศร้าเสียจริง
“เธอเคยคิดบ้างไหม ว่าบางเรื่องอาจไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด” อย่างน้อย เขาก็คิดว่าถึงเสิ่นซิวจิ่นจะเกลียดเจี่ยนถงมากแค่ไหน แต่เขาก็คงไม่ใจร้ายให้คนมาถอดไตเธอไปหรอก
“มันผ่านมาแล้ว และนี่คือสิ่งที่ฉันสมควรได้รับ” ผู้หญิงคนนั้น เป็นผู้หญิงที่กล้าแสดงออกและมั่นใจที่สุดเท่าที่เคยเจอในหาดเซี่ยงไฮ้ แต่ในตอนนี้ ราวกับเดินมาถึงจุดจบของชีวิต เธอดูไม่มีชีวิตชีวาราวกับหญิงชราที่อายุเกินร้อยปี และเอ่ยคำพวกนั้นออกมา
ไป๋ยู่สิงประหลาดใจ!
แม้ว่าจะเคยเห็นเธอคุกเข่าต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่นมาแล้วก็ตาม แต่เมื่อตัวเองได้มาเจอกับผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนใจ!
ความอ่อนน้อมถ่อมตน เผยให้เห็นผ่านประโยคที่เธอพูด
“สำหรับไตแล้ว เธอแค่พูดว่า ‘มันหายไปแล้ว’ อย่างนั้นเหรอ” สีหน้าของไป๋ยู่สิงเผยให้เห็นถึงความมั่นใจ เจี่ยนถงในตอนนั้น เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย แต่ผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้ เขาคิดแค่ว่าในระยะเวลาสามปีนี้ มันเปลี่ยนเธอได้แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ข้างไหนก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
“เธอนี่คิดไปเองจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่เธอควรได้รับอย่างนั้นเหรอ เจี่ยนถง”
เจี่ยนถงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองไป๋ยู่สิง ราวกับเครื่องจักรที่อยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ฉันสมควรได้รับ” ใบหน้าของเธอนิ่งเฉยจนดูเหมือนไม่มีชีวิต!
ดวงตาของไป๋ยู่สิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง เจี่ยนถงคนก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วจริงๆ และไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย
“เดี๋ยวฉันจะตรวจให้เธอ เธอช่วยให้ความร่วมมือด้วย” ไป๋ยู่สิงแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่เจี่ยนถงก็ไม่วายหลีกเลี่ยง “ทางที่ดีเธออย่าขยับจะดีกว่า ฉันกลัวจะทำเธอเจ็บ หรือว่าเธออยากให้ฉันเรียกเสิ่นซิวจิ่นให้เข้ามาล่ะ”
ประโยคสุดท้าย หยุดเจี่ยนถงได้อย่างชะงัก
“มีไข้ 37.8 องศา เธอเป็นอะไรเนี่ย มีไข้ขนาดนี้แล้วยังจะมาทำงานอีกเหรอ เธอไม่รู้สภาพร่างกายตัวเองรึไง เธอก็เป็นแค่คนธรรมดา แล้วยังจะอวดเก่งอีก อยากตายนักรึไงฮะ เจี่ยนถง!” สุดท้ายแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็เป็นคนคนเดียวกับเด็กที่เรียกเขาว่า‘พี่ยู่สิง’และโตมาด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ แต่เธอก็ยังเป็นเจี่ยนถง
ไป๋ยู่สิงไม่ได้คิดอะไรกับเจี่ยนถง เพียงแค่รู้สึกสงสารเธอ และนึกถึงความรู้สึกเก่าๆในอดีต
เขาลุกขึ้นยืนหยิบของ ก่อนจะเดินออกไป
เขาไม่ได้พูดอะไรกับเสิ่นซิวจิ่นมากนัก เพียงแค่เอ่ยขึ้น “นายอย่าแกล้งเธอนักเลย ร่างกายเธอ…ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไม่แน่ใจว่า เสิ่นซิวจิ่นจะรู้เรื่องสภาพร่างกายของเจี่ยนถงหรือไม่ คำพูดของไป๋ยู่สิงเปลี่ยนไปทันทีที่คำเหล่านั้นจะออกจากปาก
เสิ่นซิวจิ่นเหลือบมองไปทางห้องนอน ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไป
“คืนนี้ นอนกับฉันนะ” เสิ่นซิวจิ่นไม่มีความหมายอื่นใดแฝง เพียงแค่ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะจมน้ำและยังมึนหัว อีกทั้งไป๋ยู่สิงก็กำลังจะให้คนเอายามาให้ เขาเพียงแค่จะเก็บเธอไว้ข้างกายในคืนนี้
แต่ คำพูดนี้มันคลุมเครือเกินไป จนใบหน้าของเจี่ยนถงซีดอย่างทันควัน “ไม่!”
ท่าทีตอบสนองของเธอค่อนข้างรุนแรง ส่วนเสิ่นซิวจิ่นเองก็ฉลาดพอที่จะมองเธอออก สายตาเหลือบมองเธอ เขาเดาได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดไม่ซื่อ
แต่…เธอไม่อยากนอนกับเขาอย่างนั้นเหรอ
แล้วเธออยากจะนอนกับใคร
ลู่เชนงั้นเหรอ
จากอารมณ์ที่สงบ จู่ๆก็กลับก่อเป็นไฟแห่งความโกรธ!
เจียนถงที่เป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับเทน้ำเย็นลงไปในกระทะน้ำมันที่กำลังเดือดพล่าน
อันทีที่จริงไม่ควรโทษเจี่ยนถงที่คิดไม่ซื่อ เพราะก่อนที่ไป๋ยู่สิงจะมา เสิ่นซิวจิ่นเคยพูดกับเจี่ยนถงว่า “ให้สองล้าน เธอมานอนกับฉันคืนหนึ่ง” ดังนั้น เจี่ยนถงจึงเข้าใจผิดโดยอัตโนมัติ
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียง ทันใดนั้นเอง!
“สองล้าน” ริมฝีปากบางเอ่ยตัวเลขออกมาอย่างไม่แยแส
เจี่ยนถงตอบกลับ “ไม่”
“สามล้าน”
“ไม่”
“สี่ล้าน”
เธอลังเล
ชายหนุ่มเหลือบมอง “คิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ”
“ไม่” เจี่ยนถงเงยหน้าขึ้นก่อนจะส่ายหน้าให้เขาอย่างแน่วแน่
“เจี่ยนถง เธอชอบเงินไม่ใช่หรือไง” หรือว่าจะทำเพื่อลู่เชน?
“ฉันชอบเงิน ฉันรักเงินมากๆ เงินคือชีวิตของฉัน ฉันเอาชีวิตของตัวเองพันกับเงินสองล้านนั่น ถ้าประธานเสิ่นยินดีที่จะมอบเงินสองล้านให้ฉัน ฉันเจี่ยนถงจะไม่พูดอะไรให้มากความ แล้วจะลุกขึ้นโดนลงไปในน้ำเดี๋ยวนี้แหละ”
“จองหองนักเหรอ” เสิ่นซิวจิ่นเลิกคิ้วขึ้นพลางมองเจี่ยนถงที่อยู่ใต้ร่างของเขา
เจี่ยนถงหัวเราะออกมาเบาๆ สายตาเธอเต็มไปด้วยการดูถูก จองหองงั้นเหรอ เธอจองหองยังไงกัน
“ประธานเสิ่นผิดแล้วล่ะคะ ฉันก็แค่คนที่ถูกจองจำก็เท่านั้น ถ้าไม่มีอดีต ก็ไม่มีปัจจุบัน ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนฝูง…จองหองงั้นเหรอคะ ฉันจะไปจองหองกับใครกันคะ”
“อย่างนั้น คืนนี้ก็นอนนี่ซะ”
เจี่ยนถงค่อยๆเงยหน้าขึ้น ตั้งใจมองเข้าไปในดวงตาของเสิ่นซิวจิ่น ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อยๆขยับ “ฉันไม่ยอม”
เสิ่นซิวจิ่นกำหมัดแน่นและต่อยไปที่เตียงเข้าอย่างจัง จนเส้นเลือดสีเขียวปรากฏให้เห็นบนหลังฝ่ามือ!
ตามความเข้าใจของเสิ่นซิวจิ่น ที่เจี่ยนถงปฏิเสธเขาเป็นครั้งที่สอง นั่นก็เป็นเพราะลู่เชน!
“เจี่ยนถง เธอรับผลจากการที่ทำให้ฉันโกรธไม่ไหวหรอก” เขาเอ่ยเตือนอย่างเยือกเย็นด้วยสายตาที่เย็นชา…ที่กับผู้ชายคนอื่นจะยังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่พอเป็นเขากลับไม่ได้งั้นเหรอ
“ประธานเสิ่นลืมแล้วเหรอคะ ว่าฉันเป็นหญิงขายบริการที่ไร้ยางอายนี่คะ ถ้าเป็นคนอื่นที่ซื้อฉันคืนเดียวในราคาสองล้าน ฉันคงเปลื้องผ้าแล้วประจบประแจงไปแล้วล่ะค่ะ แต่กับประธานเสิ่น ไม่ได้ค่ะ ถึงฉันจะขายบริการแต่ก็มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ที่ห้ามมีความสัมพันธ์นอกเวลางานกับเจ้านาย นี่คือข้อห้ามของคนเป็นมืออาชีพค่ะ”
“เธอ!”
เจี่ยนถงต้องเรียกความกล้าหาญอย่างมาก ถึงจะพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ ก่อนจะชนชายหนุ่มที่มี IQ สูงแต่ EQ ต่ำคนนั้นกระแทกกับประตูด้วยความโกรธเคืองและเดินออกไป
เมื่อได้ยินเสียงประตูดังปัง ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดของเจี่ยนถงก็คลายตัวลง เรี่ยวแรงของร่างกายราวกับหายไปในฉับพลัน เธอล้มลงกับพื้น หลังพิงตู้เสื้อผ้าและนั่งกอดเข่าคุดคู้
ในปากขมขื่น
จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เสิ่นซิวจิ่น!
ไม่อย่างนั้น สามปีที่ผ่านจะมีค่าอะไร
ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามาตลอดยี่สิบปี มันจะไปมีค่าอะไร!
เสิ่นซิวจิ่น เสิ่นซิวจิ่น! นายมันอย่างนี้ทุกที จากแก่นกระดูก จากเลือดเนื้อในนั้น ชอบทำให้ฉันอับอายอยู่ได้!
ใช่ นับตั้งแต่ที่เข้าไปในที่แบบนั้น ฉันก็ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป ฉันถูกตีตราเอาไว้แล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะรักษา “ความบริสุทธิ์”อันน้อยนิดนี้ไว้ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณในอดีต มันบริสุทธิ์!
เจี่ยนถงหลับตาลงด้วยความโกรธเคืองและเจ็บปวด!
“จะเป็นใครก็ได้ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงอย่างว่า ใครก็ได้ถึงจะต้องเสียศักดิ์ศรีก็ตาม อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ใครก็ได้…ใครก็ได้…ที่ไม่ใช่เขา…”
เธอหลับตาลงราวกับกำลังสะกดจิตตัวเอง พึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาไหลริน ความรู้สึกประเดประดังเข้ามา…นี่เป็นน้ำตาที่ไหลออกเป็นครั้งที่สองของวันนี้ ครั้งแรกคือเพื่ออาลู่ในฝันร้าย ส่วนครั้งที่สองก็เพื่อผู้ชายคนนั้น
“ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา…” ในห้องนอนสุดหรูหรา หญิงสาวนอนคุดคู้พลางพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ที่ห้องนอนสุดหรู กลับมีกลิ่นอายของความอ้างว้าง…ถึงแม้จะสว่างไสวก็ตาม
ที่ด้านนอกของห้องรับแขก ชายหนุ่มจุดบุหรี่สูบ จะเข้ามวนที่สาม ก่อนจะเผาก้นบุหรี่หนึ่งในสามมวนนั้นด้วยความหงุดหงิด เขายกมือขึ้นหยิบไวน์แดงจากโต๊ะกาแฟขึ้นมาเงยหน้าจิบ ราวกับกำลังใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องระงับความหงุดหงิดในหัวใจ
เสิ่นซิวจิ่นไม่รู้ตัวเลยว่า เขาไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงในห้องนอนที่เขาพามานี้ได้เลย!