บทที่ 56 ฉันจะทำให้คุณสมหวัง
ทางเดินนั้นตรงไปที่ลิฟต์ ไม่รู้ว่าเป็นผลทางจิตใจหรือไม่ หรือว่าอย่างอื่น ในตอนนี้แค่รู้สึกว่าเส้นทางนี้เต็มไปด้วยตะปู ทุกย่างก้าว เหมือนกำลังเหยียบย่ำตะปู
เจี่ยนถงเงียบ เดินตามหลังเสิ่นยีไป
ประตูลิฟต์อยู่ตรงหน้า เสิ่นยีหยุดเล็กน้อย ทำท่าเชื้อเชิญให้เจี่ยนถงที่อยู่ด้านหลัง “คุณเจี่ยน เชิญครับ”
“คุณ……” เจี่ยนถงลังเลสักพัก เธอไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นมากนัก แต่เหลือบมองใบหน้าเย็นยะเยือกของเสิ่นยี “ไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอ?”
“Bossให้คุณเจี่ยนขึ้นไปคนเดียวครับ”
เสิ่นยียังคงดึงแขนฉินมู่มู่ไว้ในมือ ฉินมู่มู่เห็นประตูลิฟต์กำลังปิดลง ก็รีบตะโกน “เจี่ยนถง เจี่ยนถง! คุณต้องช่วยฉันนะ! ฉันรู้ว่าคุณจิตใจอ่อนโยนมากที่สุด คุณทนเห็นฉันน่าสังเวชไม่ได้หรอกใช่ไหม? ใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นยีเหลือบมองฉินมู่มู่อย่างรังเกียจ หันศีรษะไปพูดกับเจี่ยนถงในลิฟต์ “คุณเจี่ยน คุณไม่ได้ติดค้างอะไรเธอ”
จึงไม่จำเป็นต้องไปขอร้อง Boss ให้ผู้หญิงแบบนี้เลย
ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง เจี่ยนถงก็พูดอย่างจริงจัง “ฉันรู้”
ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้ติดค้างฉินมู่มู่ ฉันไม่ได้ไปขอความเมตตากับผู้ชายที่เธอไม่อยากเผชิญหน้าด้วยให้คนอย่างฉินมู่มู่หรอก
เจี่ยนถงไม่อยากอธิบายอะไรให้ใครฟังทั้งนั้น
ขณะที่ลิฟต์เปิด เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกหนักๆ อีกครั้ง ขณะที่เดินออกมาจากลิฟต์ หางตาก็เห็นกระจกสะท้อนในลิฟต์ เธอใบหน้าตัวเอง มันซีดเหมือนตาย
บางทีสำหรับคนอื่น ก็แค่มาพบคนที่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักเท่านั้น มาขอความเมตตาแทนอีกคน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่สำหรับเจี่ยนถง นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด……มากกว่าการคุกเข่าอีก
“ประธานเสิ่น ฉันมาแล้ว” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไฟดวงใหญ่ในห้องรับแขกขณะนี้ดับลง มีไฟติดผนังไม่กี่ดวงเท่านั้น ไฟสีเย็นๆ สลัวๆ กระทบลงบนโซฟาเดี่ยวหนังวัวที่หน้าต่างบานใหญ่ ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้น แขนวางบนที่พักแขนโซฟาอย่างเกียจคร้าน ระหว่างนิ้วที่ห้อยลงมาคือแสงวาบสีแดงของบุหรี่
เธออยากหนีแล้ว
เธอถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
ในตอนนี้ ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ “นั่งลง”
“……”
ชายบนโซฟาชี้ไปที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวฝั่งตรงข้ามเขา
“คุณไม่ได้มาขอความเมตตาเหรอ?”
“……อืม” เจี่ยนถงค่อยๆ เดินไป นั่งลงฝั่งตรงข้ามชายคนนั้น
“ฉันให้คุณนั่งตรงนี้ ก็คุณนั่งเหรอ?” อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็พูดแบบนี้อีกครั้ง
คนที่ให้เจี่ยนถงนั่งก็คือเขา คนที่พูดแบบนี้ก็คือเขา มันเห็นได้ชัดว่าเขากำลังเย้ยหยันเจี่ยนถงอยู่
“คุณคือเจ้านายใหญ่ ฉันทำงานให้คุณ ก็ต้องเชื่อฟัง”
ชายหนุ่มนั่งบนโซฟา เหมือนได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่……ต้องเชื่อฟังเหรอ?
ใคร?
คุณหนูเจี่ยน เจี่ยนถงอย่างเธอเหรอ?
ทันใดนั้นเสิ่นซิวจิ่นก็ยกมือขึ้นวางบนที่พักแขนโซฟา เท้าคางตัวเองอย่างเกียจคร้านมาก เขาเท้าคางแบบนี้ พิงที่พักแขนโซฟา ใบหน้าหล่อด้านข้าง สายตาเงียบสงบอยู่บนใบหน้าผู้หญิงฝั่งตรงข้าม
เวลาผ่านไปทีละนิด เจี่ยนถงเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว
และสายตาของชายคนนั้นมันไม่ละไปจากเธอเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แสงไฟมืดเกินไป เธอมองไม่เห็นอารมณ์ในดวงตาเขา เบนสายตาขึ้นมองอย่างระมัดระวังเป็นบ้างครั้ง เห็นแค่แสงเป็นประกายท่ามกลางความมืดเท่านั้น
เวลาผ่านไปหลายนาที เธอค่อนข้างนั่งไม่นิ่งแล้ว อดไม่ได้ที่จะเงยศีรษะขึ้นมาพูดว่า “ประธานเสิ่น ฉันมาขอร้องแทนเธอ……”
เธอเตือนว่า ต้องการรีบเข้าประเด็กกับชายฝั่งตรงข้าม
ชายบนโซฟาตอบ “อืม” พูดขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน “ฉันรู้ ฉันกำลังรอเธอพูดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
เจี่ยนถงตกตะลึง หัวสมองคิดไม่ออกสักพักหนึ่ง ผ่านไปสามสี่วินาที ถึงได้ตอบสนอง……เจ้านายใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอตลอด กำลังรอเธอพูดแทนฉินมู่มู่อยู่เชียวหรือ
ความเข้าใจผิดนี้……เป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนนิดหน่อย
หูเธอเห่อแดงร้อนจัด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้หูเธอเห่อแดงร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง แม้แต่คอก็เห่อแดงร้อนจัดด้วย
เธอไม่รู้ แต่ชายที่นั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามเห็นทุกการกระทำและการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเธอ เห็นอยู่ในสายตา
อย่างอธิบายไม่ได้ บางอย่างในดวงตาเรียวแหลมนั้น มันกำลังลุกเป็นไฟ
“ฉันอยากขอร้องแทนฉินมู่มู่”
“พูดประเด็นสำคัญเลย” เสียงทุ้มต่ำ มีความแหบแห้งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“คุณปล่อยเธอไปได้ไหม?”
ริมฝีปากชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย แววตาเผยความประชดประชัน “เจี่ยนถงอ่าเจี่ยนถง ให้ฉันบอกยังไงคุณดีนะ? เธอทำร้ายคุณ คุณยังมาขอร้องแทนเธออีกเหรอ? วันนี้เธอไม่ได้ทำร้ายคุณจนตาย คุณจะให้โอกาสเธอทำร้ายคุณอีกเหรอ? จะบอกยังไงคุณดีล่ะ? ตอนนี้มีคำที่ฮิตๆ ในเน็ต เรียกว่าอะไรนะ……อ๋อ……คุณหนูพระแม่มารีย์ เจี่ยนถงคุณหนูตระกูลเจี่ยนผู้ที่เนียบเป็นระเบียบ กลายเป็นคนเสแสร้งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
เจี่ยนถงก้มศีรษะ ในดวงตามีความเมินเฉย……คุณหนูตระกูลเจี่ยนผู้ที่เนียบเป็นระเบียบ? ใครอ่ะ? เธอเหรอ?
“คนที่ประธานเสิ่นพูดถึง ฉันไม่รู้จัก”
ชายคนนั้นหรี่ตาทันที จ้องมองเธอ……เธอปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นงั้นเหรอ?
“คนที่ชื่อฉินมู่มู่ ทำร้ายคุณแบบนั้น คุณยังขอร้องแทนเธอ ให้ฉันยกโทษให้เธอเหรอ?”
ทันใดนั้นเสียงเสิ่นซิวจิ่นก็กลายเป็นเย็นชา “ถ้าคุณอยากเป็นพระแม่มารีย์ มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่เจี่ยนถงอย่างคุณ เอาอะไรมาขอร้องแทนเธอ! คุกเข่าเหรอ?”
เขาถามด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นก็ยิ้มประชดประชัน “เจี่ยนถง การคุกเข่าของคุณมันไม่มีค่า หัวเข่าคุณก็ไม่มีค่าเช่นกัน”
“ฉันรู้” ขณะที่เสียงหยาบกร้านพูดขึ้น เธอก็เงยศีรษะขึ้นมา
“ฉันเอาตัวเองมาขอร้อง”
เสิ่นซิวจิ่นสงสัยว่าตัวเองหูหนวกชั่วคราว “ว่าไงนะ? คุณพูดอีกทีสิ”
“คืนนี้ฉันจะค้างคืนกับประธานเสิ่น”
“ค้างคืน? หมายความว่า คุณจะให้ฉันนอนด้วย?”
“……ใช่”
ถึงแม้คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นจะหยาบไปหน่อย เจี่ยนถงก็ไม่ได้ปรับตัว แต่เธอก็ยังพยักหน้า
ศีรษะเธอฝังอยู่ในอก เธอกำลังรอการตัดสินใจของเสิ่นซิวจิ่น
บนโซฟา ดวงตาชายคนนั้นจ้องมองผู้หญิงตรงหน้า แม้ว่าในมุมมองเขาจะเห็นแค่ศีรษะเธอเท่านั้น เขาจ้องมองศีรษะนั้นด้วยความโหดเหี้ยม ความโกรธที่อธิบายไม่ได้มันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย!
ยืนขึ้นทันที!
แรงหนึ่งโจมตีเข้าไป ขณะที่เจี่ยนถงได้สติ เธอก็ถูกเสิ่นซิวจิ่นกดจมลงไปในโซฟาอย่างลึก
“ประธานเสิ่น คุณปล่อยมือ”
เจี่ยนถงเพิ่งพูดจบ เสียงโกรธเคืองที่ซ่อนไว้ในความเย็นยะเยือกของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะเอาตัวเองมาขอร้องฉัน?” ในเสียงทุ้มต่ำของเขามันส่อถึงความโกรธ “ต่ำแบบนี้! ดี! เจี่ยนถง ฉันจะทำให้คุณสมหวัง!”
จูบ ลงไปอย่างรุนแรง มันหยาบคาย ไม่มีความอ่อนโยนสักนิด ยิ่งเหมือนการลงโทษ
หลังจากจูบ เขาก็เงยคอขึ้นมาทันที หรี่ตาจ้องมองเธอ กัดฟันถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันจะถามคุณอีกครั้ง คุณอยากทำให้ตัวเองเสียหายแบบนี้ เพื่อผู้หญิงจิตใจเลวทรามคนหนึ่งจริงๆ เหรอ!”
“ขอร้องประธานเสิ่น”
เสิ่นซิวจิ่นหัวเราะ หัวเราะอย่างเยือกเย็นมาก “เจี่ยนถง คุณไม่สมควรได้รับการปฏิบัติดีจากใคร! คุณไม่มีคุณสมบัติ!น่ารังเกียจแบบนี้น่ะ!”
เจี่ยนถงผลุบตาลง แต่ขนตาสั่นระริก มันยังคงเผยความเจ็บปวดที่อยากปกปิดของเธอ……เสิ่นซิวจิ่น คุณจะไปรู้อะไร!
คุณรู้จักความรู้สึกที่เป็นหนี้ชีวิตไหม! บทที่อยู่ในคุกอันหนาวเหน็บนั้น อาลู่คนเดียวที่ทำดีกับฉันต้องตายเพราะฉัน คุณเข้าใจความรู้สึกฉันไหม!
เสิ่นซิวจิ่น คุณรู้จริงๆ ไหมล่ะว่าการเป็นหนี้ชีวิต การมีชีวิตบนโลกมนุษย์แต่จิตใจอยู่บนนรกมันเป็นอย่างไร!