บทที่ 72 เย็นชาขนาดนี้
ฉินมู่มู่เป็นใบ้พูดไม่ออกทันที เธอรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถหักล้างเจี่ยนถงได้
เธอพูดต่อ “ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ติดค้างคุณ คุณคิดว่าฉันอยากช่วยขอร้องแทนคุณมากหรอ?”
เจี่ยนถงคนก่อนในสายตาของฉินมู่มู่เป็นคนอ่อนแอ เป็นคนเลอะเลือน แต่ว่าคนเลอะเลือนที่แท้ไม่เคยเลอะเลือนสักนิด อ่อนแอก็ไม่ใช่อ่อนแอจริงๆ
ฉินมู่มู่มีอคติกับเจี่ยนถงอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาก็เพราะเซียวเหิงอิจฉาเจี่ยนถงมากเกินไป ถ้าหากเจี่ยนถงเป็นซูเมิ่ง เปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นทั่วๆไป ความริษยาของฉินมู่มู่ก็จะเปลี่ยนเป็นอิจฉาชื่นชม
ระหว่างความริษยากับความอิจฉา ต่างกันเพียงเล็กน้อย
ทั้งๆที่เธอดีกว่าเจี่ยนถงทุกอย่าง เพราะอะไรเซียวเหิงถึงมองไม่เห็นตัวเอง มองเห็นแต่เจี่ยนถง
ทั้งๆที่เจี่ยนถงก็เป็นแค่คนที่เห็นแก่เงินแล้วทำได้ทุกอย่าง ผู้หญิงบริการไม่มีความสามารถอะไรสักนิด แต่ตัวเองนี่รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างดี เพราะอะไรสายตาของคนนั้นถึงมีแต่เจี่ยนถง
และถ้าหากคนคนนี้ไม่ใช่เจี่ยนถง แต่เป็นผู้หญิงคนอื่นที่พราวเสน่ห์เก่งกาจ…ถ้างั้นผลลัพธ์ก็จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ความธรรมดาและความยากจนของเจี่ยนถง กลายเป็นต้นตอของบาป
แต่ว่า ที่แท้ไอคนเลอะเลือนที่อยู่ต่อหน้าไม่ได้เลอะเลือนสักนิด ที่แท้เจี่ยนถงเธอรู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง
ฉินมู่มู่เงียบไปสักพัก … “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เสแสร้ง ในเมื่อไม่ยินดีทำ ทำไมถึงต้องไปทำ? เพราะอยู่ต่อหน้าบอสจะแสดงความเมตตากรุณาของเธออีกด้านหนึ่งใช่ไหม?”
เจี่ยนถงไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย บางสิ่งบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้กับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง “ไปเถอะ อย่ามากวนฉัน” ในขณะที่พูด เธอก็ปิดประตูใส่ฉินมู่มู่
“เดี๋ยวก่อน!” ด้านนอกประตู ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เจี่ยนถงขมวดคิ้ว … นี่คือ ไม่จบไม่สิ้นเลยนะ?
“ฉัน … ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ฉันเชื่อว่าคุณช่วยฉันขอร้องต่อหน้าบอส” ฉินมู่มู่จ้องที่เจี่ยนถง
“ ในเมื่อคุณสามารถช่วยฉันขอร้องต่อหน้าบอส ให้ถ้าแก่ใหญ่ปล่อยฉัน ทำไมคุณไม่ช่วยฉันขอร้องบอสอย่าได้สืบสาวเอาเรื่องต่ออีกเลย?”
ความหมายที่พูดเหมือนกับกำลังสักถามเจี่ยนถง ในเมื่อสามารถขอให้บอสไว้ชีวิตฉัน แล้วทำไมไม่ขอให้บอสเมตตากรุณาฉันด้วยล่ะ
เจี่ยนถงคิดไม่ถึง ฉินมู่มู่จะถามคำถามนี้ออกมา เงียบไปสักครู่ แล้วเธอก็พูดว่า
“คุณป่วยตาย ฉันไม่สน คุณรถชนตาย ฉันไม่สน ถ้าหากคุณทำให้บอสโมโหโกรธอีกครั้ง ถูกบีบให้ตาย ฉันก็ไม่สน
แต่ว่าครั้งนี้ ยังไงก็เกี่ยวพันถึงฉัน และฉันไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตอีก ไม่ว่าจะเป็นใคร คนที่ให้ร้ายฉันหรือคนแปลกหน้า ขอแค่ความเป็นความตายของเขา ก็เกี่ยวกับฉัน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ฉันก็จะไปขอร้องบอส เพราะฉัน ไม่อยากแบกรับชีวิตที่ยืดเยื้อในช่วงครึ่งหลังของชีวิต”
อย่างน้อย เธอก็สามารถจ่ายในราคาที่ชายคนนั้นเสนอ แต่เธอเป็นหนี้ชีวิตและเธอไม่สามารถตอบแทนมันได้ในชีวิตนี้
“ฉินมู่มู่ ลองพูดกลับกัน ถ้าหากวันนั้นคุณแค่ล่วงเกินบอส แต่ไม่ได้เกี่ยวโยงกับฉันสักนิด ฉันรับรองวันนั้นฉันจะไม่ขอร้องแทนคุณแน่ ถึงแม้ไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไรก็ตาม ฉันก็จะไม่ช่วยคุณพูดแม้แต่คำเดียว”
เจี่ยนถงพูดอย่างนี้กับฉินมู่มู่ ตัวเขาเองก็แทบจะเชื่อเหตุผลนี้
เพียงแต่ ในใจส่วนลึกของเธอ เกรงว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สังเกตรู้ว่ามีความโอหังอวดดีในตัวเอง…ฉินมู่มู่เป็นใคร? ฉินมู่มู่ไม่ได้เป็นใครทั้งนั้น! ฉินมู่มู่ไม่ใช่อาลู่ ฉินมู่มู่ยังไม่คู่ควรให้ชีวิตที่เหลือของตัวเองต้องมาติดค้างเขา!
ในส่วนลึกในใจของเจี่ยนถง มีความโอหังอวดดีแบบนี้…เต่าหดหัวอย่างเธอในวันนี้ เยือกเย็นอย่างเธอ ธรรมดาอย่างเธอ ติดคุกมาสามปี ทำให้ความหยิ่งยโสที่เคยมีอยู่ในศีรษะ ถูกกดทับเธอลงมา และเป็นสิ่งที่ลบไม่ออกที่อยู่ในสายเลือดใต้กระดูกสันหลัง
เธอ … ลืมทุกอย่างไปตั้งนานแล้ว ตัวเองที่กล้าแสดงออกและมั่นใจในคนนั้น แต่มีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ หลอมรวมเข้าไปในเลือดเนื้อของเขา
ฉินมู่มู่ถูกเจี่ยนถงผลักออกไป ตอนที่ประตูปิด ฉินมู่มู่ก็ยังคงงุนงง
หูของเธออื้ออึง … วันนี้ สิ่งที่ทำให้เธอช็อกมากที่สุดไม่ใช่คำพูดของเจี่ยนถงที่ดูทุกอย่างออก แต่เป็นคำพูดสุดท้ายของเจี่ยนถงประโยคนั้น… ที่เย็นชาและไม่แยแส
เจี่ยนถงพูดว่า ถ้าหากตัวเองจะตาย แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ถ้างั้น ถึงต้องชดใช้ด้วยอะไรก็แล้วแต่ก็จะไม่ขอร้องแทนเขาแน่นอน
เย็นชาขนาดนี้ … เป็นคนแบบไหน ถึงได้เย็นชาขนาดนี้?
ไม่ผิด ก็เย็นชาอย่างนี้แหละ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฐานะต่ำต้อยได้แต่พูด แต่อยู่ในช่วงความเป็นความตาย กลับเย็นชาได้ขนาดนี้
ความแปลกที่ขัดแย้งกัน
ทันใดนั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจี่ยงถงทั้งหมดก็โผล่ขึ้นมาในสมอง วินาทีนั้น ฉินมู่มู่แทบจะเข้าใจทั้งหมด เพราะอะไรถึงเรียนแบบหมาคลานอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างนั้น ไม่มีใครทำเรื่องอย่างนั้นอย่างแน่นอน เจี่ยนถงกลับทำ…เพราะผู้หญิงคนนี้ ไม่แคร์ตัวเอง
ชีวิตที่เหลือนี้ เพื่อความฝันของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ในเวลาที่ฉินมู่มู่จากไป รู้สึกมึนๆงงๆ เธอก็ยังเกลียดเจี่ยนถงเหมือนเดิม…คุณชายเซียวเพื่อเจี่ยนถงแล้ว ถึงกับลงมือกับตัวเองอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าเจี่ยนถงจะสงสารจริงๆหรือแกล้งสงสาร อย่างน้อย เจี่ยนถงเพื่อเงินแล้ว สามารถทำเรื่องที่ต่ำทรามพวกนี้ นี่คือความจริง นี่เป็นความลับที่พนักงานทั้งตงหวงก็รู้
คุณชายเซียว … แค่ถูกเจี่ยนถงปิดบังไว้
ฉินมู่มู่คิดอย่างนี้ เธอ จะทำให้คุณชายเซียวรู้ถึงสันดานที่ต่ำทรามของเจี่ยนถงให้ได้!
ในกลางดึก
ทางขึ้นบันไดที่เงียบงัน มีเงาดำยืนอยู่
ฉินมูมู่ตกใจเล็กน้อย
“ คุณ ทำไมคุณยังไม่ไป”
คาย์อันยืนเกาะอก พิงอยู่ที่กำแพง เอียงศีรษะมองไปที่ฉินมู่มู่แล้วยิ้ม “ไม่ทันระวัง ทำมือถือ หล่นที่กระเป๋าคุณ”
พูดไปแล้วยื่นมือ ไปที่กระเป๋าเสื้อโค้ชของฉินมู่มู่
“เฮ้ย! คุณจะทำอะไร จะปล้นหรอ? ฉันจะแจ้ง… ” ตำรวจ …
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ฉินมู่มู่ก็ยืนมองอย่างงุนงง มือเรียวยาวของชายคนนั้น ล้วงมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ชของเธอ แล้วมือถือนั้นก็ไม่ใช่ของตัวเอง
“ คุณ … ตั้งแต่เมื่อไหร่ … ทำไมถึง”
“ก็บอกไปแล้วไม่ทันระวังหล่นเข้าไปในกระเป๋าคุณ”
หลอกผีหรอ! ฉินมู่มู่อยากจะด่ากลับ แต่โดยสัญชาตญาณรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ตัวเองไม่มีปัญญาก่อกวนเขา เขาเคยก่อกวนบอสไปครั้งหนึ่งแล้ว เดี๋ยวนี้พอได้เห็นผู้ชายที่หน้าตาดีหล่อรวยแบบนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้น
โทรศัพท์มือถือ แน่นอนจะไม่ “ไม่ระวัง” ตกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของฉินมู่มู่ ตอนคาย์อันลงจากตึก ได้เดินลงไปข้างล่างเดินผ่าน เขาความจำดีมาก ผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยกับเจี่ยนถงไม่ใช่หรอ “พอดี” หยิบมือถือออกมากดปุ่ม
“ไม่ระวัง” หล่นลงไปในกระเป๋าของคุณ
“โอ้ ยังมี… ขอบคุณนะ ที่ให้ข้อมูลส่วนกับผม” ทำให้เขารู้เรื่องของเหยื่อฝ่ายตรงข้ามชัดเจนขึ้น
บนหน้าจอของมือถือ ยังปรากฏการณ์อัดเสียงไว้