“เสิ่นซิว…” ไป๋ยู่สิงจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกไป เสิ่นซิวจิ่นท่าทางน่ากลัวมาก ไป๋ยู่สิงเห็นก็พลางรู้สึกกลัวไปด้วย
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้สนใจไป๋ยู่สิง แววตาคมกริบนั้น จ้องไปที่ตัวของเจี่ยนถง แววตาของเขาในตอนนี้น่ากลัวมาก! ต่อหน้าหญิงสาวคนนี้ นอกจากความโกรธแล้ว ยังมีความแค้นมากมายในใจที่ไม่อาจแสดงมันออกมา!
“เธอนี่ ไม่รู้จักเชื่อฟัง”
เสียงเย็นชาของชายหนุ่ม
ไป๋ยู่สิงก็รู้สึกกลัวไปด้วย เขามองไปที่เสิ่นซิวจิ่นและเจี่ยนถงสลับกัน บรรยากาศภายในห้องเย็นเสียจนเป็นน้ำแข็ง!
มองดูเงียบสงบ แต่ก็แอบมีการเคลื่อนไหวแฝง!
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย จังหวะที่เห็นคนนี้เข้ามาในห้อง เธอก็ห่อไหล่ขดตัวลงมา เธอทั้งเกลียดและกลัวคนคนนี้
หน้าซีดเผือด
“สามปีเธอยังไม่รู้จักเชื่อฟัง จนตอนนี้เริ่มเหิมเกริมมากขึ้น” เสียงของเขาเย็นชามาก จนแทบจะทำให้ใจของเธอเยือกแข็งตามลงไปด้วย!
ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง ก็ไม่กล้าไปยุ่งกับเสิ่นซิวจิ่น ถึงแม้จะผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้จะบอกตัวเองว่า “ไม่สนใจ” แล้วก็ตาม เธออยากเพียงแค่ “ใช้ชีวิตดีๆ ” ใช้หนี้ “ดีๆ ” แต่เจี่ยนถงยังคงรู้สึกเจ็บแปลบที่บาดแผล
“งั้นนายส่งฉันเข้าคุกไปสิ!” เธอไม่ควบคุมความโกรธของตัวเอง แล้วตะคอกออกไป “เสิ่นซิวจิ่น นายส่งฉันเข้าคุกไปสิ!
ฉันจะบอกนายให้ สามปีครั้งเดียว สองครั้ง หรือสามครั้ง!
ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง!
จนถึงวันที่ฉันตาย ฉันยังคงขอสาปแช่งให้เซี่ยเวยเหมิงตกนรก!”
เมื่อก่อนเธอและเซี่ยเวยเหมิงดีต่อกันขนาดไหน ตอนนี้เธอก็เกลียดเธอขนาดนั้น!
เวลาสามปี ที่เธอถูกขังไม่เห็นดาวเห็นเดือนในนั้น เธอใช้เวลามากมายไปคิด ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในคืนนั้น
เวลาสามปี มากพอที่จะให้เธอเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
เพียงแต่ จนกระทั่งวันที่เธอออกมาจากคุกวันนั้น เธอยังไม่อยากจะเชื่อ เหมือนกับเธอหลับลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลับตาแล้วบอกกับตัวเอง ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ ต้องเป็นเพราะเธออยู่ในคุกมานาน ถูกทรมานมามากมาย ดูถูกเหยียดหยามมามากมาย ความสกปรกและความมืดมิดมามากมาย จึงทำให้จิตใจของเธอเปลี่ยนไป เธอมองใครก็ดูเป็นคนเลวไปหมด จนทำให้เธอพาลโกรธเซี่ยเวยเหมิงไปด้วย
หลอกตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นจิตใจของเธอจึงเปลี่ยนไป ไม่ใช่ความผิดของเซี่ยเวยเหมิง เป็นเพราะจิตใจของเธอเอง ที่คิดต่อเซี่ยเวยเหมิงไปในด้านแย่ๆ
เซี่ยเวยเหมิง,เซี่ยเวยเหมิง!
แต่เมื่อตอนที่เธออยู่ที่ตงหวง ย่าคุนสงสัยว่าทำไมเธอถึงต้องบังคับให้เซี่ยเวยเหมิงดื่มวิสกี้นั้น ทำให้เธอไม่อาจหลอกตัวเองได้ต่อไป
ที่แท้ไม่ใช่เพราะเธอผ่านความทรมานแล้ว จิตใจถึงเปลี่ยนไปหรอก
แต่มันเป็นมาตั้งแต่แรกต่างหาก เธอหลงผิดที่ไปเชื่อหญิงสาวที่มีรอยยิ้มหวานๆ เรียวหน้าอ่อนโยนนั้น!
ถามตัวเองว่าเธอไม่เคยผิดต่อผู้หญิงคนนี้ แต่เธอกลับแสดงละครตบตาต่อหน้าเธอหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งเธอจะบอกกับเธอว่า “ที่จริงฉันไม่ชอบที่พี่จิ่น” นั้น ในนั้นมีแผนการมากมาย!
ทุกครั้งที่เธอพยายามตามจีบเสิ่นซิวจิ่น แล้วถูกปฏิเสธนั้น เซี่ยเวยเหมิงก็จะมาปลอบใจ ให้กำลังใจเธอ แม้แต่ตัวเธอเองยังเชื่อใจและประทับใจในตัวของเธอ
เจี่ยนถงยังมองเห็นได้ว่า หลายครั้งที่เธอพยายามสารภาพรักกับเสิ่นซิวจิ่น แต่ล้มเหลวนั้น มักจะพบว่าทุกครั้งคนที่ยืนมองเห็นทุกเหตุการณ์ก็คือเซี่ยเวยเหมิง ปลอบใจตัวเอง พลางหัวเราะที่ตัวเองถูกเธอเล่นอย่างกับตัวตลก
เจี่ยนถงไม่อยากจะนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น แต่ความทรงจำเหล่านั้นก็ไม่อาจปล่อยเธอไป ราวกับน้ำที่ไหลลงมา ที่ไหลมาเรื่อยๆ และพยายามกดเธอให้จม!
ความทรงจำในอดีตเหล่านั้น!
เซี่ยเวยเหมิพูดกับเธอด้วยสีหน้าลำบากใจ ฉันไม่ชอบพี่จิ้น
เซี่ยเวยเหมิปลอบใจเธอราวกับเป็นแสงอาทิตย์ที่สดใส ไม่เป็นไรนะ พี่จิ้นก็นิสัยแบบนั้น แต่พี่เสี่ยวถงเพอร์เฟ็คขนาดนี้ สักวันหนึ่งพี่จิ้นจะเข้าใจในความรู้สึกของพี่เอง
เซี่ยเวยเหมิงพูดด้วยความเขินอาย พี่เสี่ยวถง เหมือนฉันจะตกหลุมรักคนคนหนึ่ง แต่ว่าฉันกลัวพี่จิ้น พี่รีบจีบเขาให้ติดเร็ว แบบนี้ฉันก็ไม่กลัวพี่จิ้นแล้ว แล้วถึงตอนนั้นพี่เสี่ยวถงก็ช่วยพูดกับพี่จิ้นให้ฉันหน่อยนะ
แล้วยังมีคืนนั้นที่เซี่ยเวยเหมิงลากแขนเธอไปด้วยหน้าที่ไร้เดียงสา พี่เสี่ยวถง พี่พาฉันไปเที่ยวที่ผับหน่อยสิ ฉันไม่เคยไปเลย อยากไปมาก พี่เสี่ยวถง พวกเราไป ‘ร้านเย่สื้อ’ กันเถอะ ได้ยินเพื่อนบอกมาว่า นักร้องรูปไล่ที่นั่นร้องเพลงเพราะมาก
ที่น่าตลกคือ ตัวเองเชื่อใจเธอด้วยความไร้เดียงสา!
ต่อมา… ต่อมาเซี่ยเวยเหมิงถูกข่มขืน แล้วตัวเองล่ะ ตัวเองถูกเสิ่นซิวจิ่นลากเข้าคุก อยู่ไปอยู่มาก็เป็นเวลาสามปี สามปีนั้นมีทั้งความทรมานดูถูกเหยียดหยาม แบกชื่อว่านักโทษคดีฆาตกรรมไปตลอดชีวิต
น่ารังเกียจ!
ความเกลียดที่ควบคุมไม่ได้ เธอควบคุมความเกลียดนี้ไว้ไม่ได้ เธอควบคุมความโกรธในใจไม่ได้ เธอควบคุมอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!
เธอเงยหน้า มุมปากยกขึ้นมาเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ แววตาของเธอเจ็บปวดมาก แต่กลับบอกตัวเอง ว่าห้ามร้องไห้!
“เสิ่นซิวจิ่น! นายเก่งจริงก็ฆ่าฉันเสียให้ตายสิ!”
ต่อให้นายฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ยังจะพูดแบบนี้!
เซี่ยเวยเหมิงต้องไม่ตายดี!
เซี่ยเวยเหมิงต้องไม่ตายสงบ!
เซี่ยเวยเหมิงสมน้ำหน้า!
เซี่ยเวยเหมิงไปตกนรกซะ! ฉันจะใช้แรงทั้งหมดที่มีสาปแช่งเธอ! เซี่ยเวยเหมิงไม่ต้องไปผุดไปเกิด!”
เธอเหมือนกับใช้แรงทั้งหมดที่มี ไปตะโกนแหกปาก!
เธอเกือบจะใช้ลมหายใจทั้งหมดที่มี หลังจากที่เธอออกมาจากคุกเธอไม่เคยพูดได้เต็มปาก รวดเร็ว และเต็มที่ขนาดนี้มาก่อน!
เธอ… แทบจะบ้าตายแล้ว!
เมื่อก่อนเชื่อใจขนาดไหน วันนี้ก็เจ็บปวดขนาดนั้น!
เมื่อก่อนดีมากขนาดไหน วันนี้ก็เกลียดมากขนาดนั้น!
ตั้งแต่ที่ย่าคุนเริ่มถามในห้องนั้น เจี่ยนถงก็แทบจะบ้าตาย เธอน่าจะบ้าอย่างนี้ตั้งแต่แรก จะมีอะไรแน่ไปยิ่งกว่าการถูกเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง ใช้มีดแทงข้างหลัง และมีดเล่มนั้นเกือบจะเอาชีวิตเธอ!
ไม่… ไม่ใช่เกือบ มันได้เอาชีวิตของเจี่ยนถงไปแล้ว!
เจี่ยนถงที่ไร้ซึ่งทุกสิ่งอย่าง เจี่ยนถงที่ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งจองหอง… ยังเป็นเจี่ยนถงอีกเหรอ?
เธอพยายามอดทนทุกอย่าง ความคิด และความเกลียดของเธอที่แทบจะระเบิดออกมา!
แต่ท้ายที่สุด ก็หนีไม่พ้นคำพูดของเสิ่นซิวจิ่น ที่ค่อยๆเล่า เขามักมีวิธี ที่พูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้เธอแหลกสลายไปได้!
“เซี่ยเวยเหมิงไปตกนรกเสียเถอะ! ฉันขอใช้แรงทั้งหมดที่มีในการสาปแช่งเธอ! เซี่ยเวยเหมิงขอให้เธอไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด!”
“เพี๊ยะ!”
เสียงตังโกนเงียบลง ตามด้วยเสียงฝ่ามือที่ฟาดลงมาอย่างแรง บรรยากาศในห้องพักคนไข้ดูตึงเครียด!
บนเตียงผู้ป่วย หัวของหญิงสาวหันไปอีกทาง ผมยุ่งเหยิง กุมหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกข้างอยู่ในเงา ใบหน้าข้างซ้าย เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และความเจ็บปวดนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในใจของเธอ
เธอไม่ได้ใช้มือไปลูบ มุมปากมีเลือดไหลออกมา ค่อยๆไหลลงมาที่จะหยด… หยดเลือดสีแดงสด หยดลงบนเตียง
“เจี่ยนถง เธอไม่ควรว่าเวยเหมิงต่อหน้าเสิ่นซิวจิ่น อย่าดื้อ พูดอะไรที่เบาๆก็พอแล้ว” ไป๋ยู่สิงใจเต้นแรงมาก สถานการณ์ตอนนี้ เกินกว่าที่เขาจะคาดเดาถึง กลัวว่าเจี่ยนถงจะดื้อปากแข็ง จึงรีบพูดขึ้นมาเตือนให้เธอยอมอ่อน แล้วค่อยบอกให้เสิ่นซิวจิ่นออกไป ให้เรื่องนี้มันจบไปไวๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจี่ยนถงพูดออกมาเมื่อสักครู่ก็แรงเกินไป อย่างไรซะเซี่ยเวยเหมิงก็ตายไปแล้ว ยังไงเธอก็ไม่ควรไปสาปแช่งคนตาย… ไป๋ยู่สิงไปมองหญิงสาวบนเตียงอย่างไม่เห็นด้วย
เสิ่นซิวจิ่นที่เคยนิ่งเฉย และกล้าที่จะยอมรับทุกการกระทำของตัวเองนั้น ตอนนี้มือข้างนั้นเหมือนกับถูกลวก เอามือแอบไว้ที่ด้านหลัง และมือข้างนั้นสั่งอย่างไร้การควบคุม
ดวงตาคู่นั้นมองไปยังหญิงสาวบนเตียง เมื่อเห็นรอยเลือดบนเตียง ก็แอบรู้สึกผิด… มือนั้นของเขาที่แอบไว้ด้านหลังสั่นแรงมาก
ไม่ต้องพูดถึงความดีเลวของเซี่ยเวยเหมิง รูปร่างของเซี่ยเวยเหมิงเขาแทบจะจำไม่ได้แล้ว แต่สภาพของหญิงสาวคนนี้เมื่อสามปีก่อน เขากลับยังจำได้ดี
เขาไม่อาจปล่อยเจี่ยนถงไป!
เจี่ยนถงผู้หญิงคนนี้ ไม่ควรจะกลายเป็นสภาพที่น่าสงสารและโทษฟ้าโทษดินแบบนี้ เขา… ไม่อยากจะเห็นเจี่ยนถงที่น่ารังเกียจคนนี้อีก!
เจี่ยนถง คงจะเชื่อมั่นในตัวเองมาก เย่อหยิ่งจองหอง เอาแต่ใจตัวเอง!
ถ้าหาก เจี่ยนถงกลายเป็นสภาพที่น่าสงสาร… เขา ก็ไม่อนุญาต!
“หลังจากนี้ คำพูดเหล่านี้อย่าให้ฉันได้ยินอีก!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
หญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น แอบสัมผัสบาดแผลที่มุมปากของตัวเอง แล้วหัวเราะออกมาแบบไม่มีเสียง… “ประธานเสิ่น ไม่ปล่อยฉันไป ก็ส่งฉันกลับเข้าไปที่นั่นซะ” หันไปมองเขา เธอหัวเราะแบบไร้เสียง แล้วท้าทายอย่างไร้ความหวัง!
สามปีก่อนที่อยู่ในคุกได้พรากอิสระไปจากเธอ
หลังจากนั้นสามปี เขายังใช้อำนาจในการพรากอิสระไปจากเธออีก!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะต่างอะไรกับการที่เธออยู่ในคุก?
ถ้าหากไม่ปล่อยเธอไปให้เป็นอิสระเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็ส่งเธอเข้าคุกเสีย จะออกหรือไม่ออกมาก็ไม่มีอิสระเหมือนกัน
หลังจากออกมาจากคุก ตอนแรกเธอเชิดหน้า ถ้าหากไม่เห็นสภาพที่ย่ำแย่ของเธอ อารมณ์ ความจองหอง และมุมปากของเธอนั้นที่เอาแต่ใจ ถูกยกขึ้นมา และหัวเราะแบบไม่มีเสียง นี่คือการท้าทาย ท้าทายท่ามกลางความสิ้นหวัง!
ท้าทายแบบแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!
เสิ่นซิวจิ่น นายเลือกเถอะ!
ไป๋ยู่สิงดูจนไม่รู้จะทำอย่างไร!
เสิ่นซิวจิ่นดูจนงงไป!
เจี่ยนถง!
ในใจของทั้งสอง เกือบจะคิดออกมาแบบเดียวกันสองคำ
คือเจี่ยนถง!
นี่แหละคือเจี่ยนถง!
เธอย่ำแย่ ครึ่งหน้าของเธอบวมเฉ่ง มุมปากที่รอยเลือดซึมออกมา และเจ็บปวดอย่างรู้สึกได้ชัด!
เธอหัวเราะออกมาแบบไม่มีเสียง ขยับรอยแผลที่มุมปาก เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย เธอเชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง… นี่แหละคือเจี่ยนถง!
แต่ว่า… เธอพูดว่าอะไร?
ไม่ปล่อยเธอไป ก็ส่งเธอกลับเข้าคุก?
เสิ่นซิวจิ่นค่อยๆเสียสติ ความน่ากลัวกลับเข้ามา เสียงที่เย็นชาพูดด้วยความเรียบนิ่ง “ออกไป”
ไป๋ยู่สิงใจสั่น เขาอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อสายตาที่เย็นชาหันมามองที่เขา ไป๋ยู่สิงจึงออกไปจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ แล้วรีบปิดประตูลง
“เธอรู้ผิดแล้วรึยัง?”
เสียงดุดันดังขึ้น