ในเวลาเดียวกัน…ที่วิทยาลัยเทคนิคอาชีวะ
ทุกคนในวิทยาลัยต่างรู้ดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เหมือง
เหล่านักศึกษาได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกงาน แถมพวกเขายังรู้ด้วยว่าในบรรดานักศึกษาชั้นปีที่ 2 มีนักศึกษาฮาร์ดคอร์กลุ่มหนึ่งที่สามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 3 ได้!
เซี่ยหยู นักแม่นปืน
จางเสี่ยวปัง นักวาดภาพลวงตา
ฉางเหลียง นักเวทย์ธาตุแสง
ลู่หมิง นักสร้างการ์ด
พวกเขาทั้งสี่คนกลายเป็นตำนานของวิทยาลัย
ส่วนอายุของเด้กพวกนี้น่ะเหรอ?
ไม่มีใครสนแล้ว!
“พวกมันทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“นายคิดว่าไงล่ะ? ตอนนั้นฉันเห็นมากับตาตัวเอง หลังจากเซี่ยหยูปล่อย Frostbolt และแช่แข็งศัตรูได้ฉางเหลียงก็ส่องแสงใส่ตาศัตรูทำให้ตาบอด จากนั้นจางเสี่ยวปังก็คอมโบปล่อยภาพลวงตาทำให้ศัตรูสูญเสียสติไป คนพวกนั้นทำได้แค่เต้นอยู่บนฝ่ามือของพวกเขา
“พวกเขาแข็งแกร่งมาก!”
“แล้วลู่หมิงล่ะ”
“รุ่นพี่ลู่หมิง…”
ตัวประกอบขาเม้าหมายเลข 1 สูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่กำลังเล่า “เขาเป็นคนทำลายเหมือง”
ส่วนตัวประกอบ 2 เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ทำลายเหมือง?”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง คือว่าตอนนั้น…”
ตัวประกอบหมายเลข 1 พูดด้วยเสียงเบา
เมื่อเป็นเช่นนี้…
ในไม่ช้าทุกคนในวิทยาลัยอาชีวะก็รู้ว่าพวกเขามีนักสร้างการ์ดคนหนึ่งที่แข็งแกร่งและเป็นคนโหดร้ายที่สามารถฆ่าคนด้วยการฝังทั้งเป็นหากไปหาเรื่องเขาได้
สยดสยองสุด ๆ!
…
ขณะเดียวกัน ภายในสำนักงานใหญ่
ชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานดูรายงานเกี่ยวกับการฝึกงาน เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยเทคนิคอาชีวะ!
ข้างในรายงานมีรายละเอียดเยอะมาก
เต็นท์ขย่ม…
ฟู่หงหมิง…
มันรายงานแม้กระทั่งทุกคำพูดที่เหล่านักศึกษาได้กล่าวออกไป
ทุกคนสามารถรอดตายจากวิกฤตมาได้โดยปราศจากอันตรายเนื่องจากนักศึกษาบางกลุ่ม นับได้ว่านี่ยังเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของนักศึกษาเหล่านี้ทางอ้อมด้วย ฉะนั้นวิทยาลัยต้องให้ความสำคัญกับนักศึกษาเหล่านี้
บางที…
เด็กเหล่านี้อาจจะมีความสามารถโดดเด่นในหมู่เพื่อน ๆ!
คงถึงเวลาแล้วที่วิทยาลัยของพวกเขาจะผลิตนักศึกษาที่มีความสามารถออกมา
“เด็กเหล่านี้จัดได้ว่ามีพรสวรรค์”
อาจารย์ใหญ่พอใจมาก
องค์ประกอบอะไรทำให้คน ๆ หนึ่งโดดเด่นขึ้นมาจากฝูงชนคนธรรมดา?
ความกล้า!
ไหวพริบและความฉลาดเฉลียว!
แม้ว่าจะยังมีจุดที่พัฒนาได้มากกว่านี้ แต่จากสถานการณ์ภายในเหมืองก็ถือได้ว่าพวกเขาทำได้ดีมากแล้ว อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าพวกเขายังเป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับ 1 กันเองซะด้วย นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
โดยเฉพาะ—
ลู่หมิง
“เพราะยังไงเขาก็เป็นน้องชายของเธอคนนั้น…”
อาจารย์ใหญ่ยิ้ม
ขณะเดียวกัน …
ที่โต๊ะทำงานของเขา มีชายชราผมหงอกยืนอยู่ข้างๆ กำลังมองไปที่อาจารย์ใหญ่ที่ถือรายงาน พร้อมกับพยักหน้า และหัวเราะคิกคัก
เขาดูราวกับคนบ้าในโรงบาลจิตเวช
“เลิกทำท่าทางพิลึกๆ เวลาอ่านรายงานทีเถอะฉันขอร้อง”
ชายชราถอนหายใจ
“มันคือสไตล์ของผู้นำต่างหาก”
อาจารย์ใหญ่ไม่สนใจ
“เหอะ เหอะ”
ชายชราหัวเราะเยาะ แต่เขาก็ไม่สามารถบังคับใคร จึงได้แต่ขอร้องไปแทน
“เช้าวันนี้เซี่ยหยูและคนอื่นๆ เอาใบรับรองไปแลกเปลี่ยนเป็นคำแนะนำจากปรมาจารย์กันหมดแล้ว ฉันเดาว่าหลังจากการฝึกอบรมไปแล้ว ความสามารถของพวกเขาจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
“เยี่ยมมาก”
อาจารย์ใหญ่พึงพอใจ
“แล้วลู่หมิงล่ะ” เขาถามอีก
“ลู่หมิงยังไม่ได้เลือกและวันนี้เขาไม่ได้มาเรียน” ชายชราตอบ
“คุณคิดว่าเขาจะเลือกใคร” อาจารย์ใหญ่ถามอย่างกะทันหัน
“ปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้คือรากฐาน” ชายชราคิดก่อนที่จะว่าต่อ “ถ้าเขาต้องการจะพัฒนาโดยเร็วทางเลือกที่ดีที่สุดคือเขาน่าจะเลือกอาจารย์ที่เก่งที่สุดในการวาดเส้นพื้นฐาน!”
“ตัวอย่างเช่น-“
“ฉัน!”
ชายชราผายมืออย่างภาคภูมิใจ
“เหอๆ” อาจารย์ใหญ่เย้ยหยัน “คุณลืมไปรึเปล่าว่า ผมเป็นนักสร้างการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในวิทยาลัย”
“แต่รากฐานของนายไม่ดีเท่าของฉัน”
ชายชรามองด้วยสายตาอันดุดัน
เขาเชี่ยวชาญในด้านการสร้างพื้นฐานมานานกว่าสิบปี มีน้อยคนที่จะเหนือกว่าเขาในด้านนี้!
ในวิทยาลัยอาชีวะ ไม่สิ ในเมืองชิงหมิงแล้วไม่มีใครในสายพื้นฐานที่มีความสามารถเหนือกว่าเขา โดยเฉพาะไอขี้แพ้ที่มีพื้นฐานห่วยแตกตรงหน้าเขา
“เฮ้ย ผมเป็นนักสร้างการ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในวิทยาลัยนะ!”
อาจารย์ใหญ่โกรธมาก
“แต่รากฐานของนายไม่ดีเท่าของฉัน” ชายชราหัวเราะเยาะ
“ผมสามารถมอบความรู้เรื่องการสร้างการ์ดให้กับลู่หมิงได้มากกว่า”
อาจารย์ใหญ่พูดด้วยความไม่มั่นใจนัก
“แต่รากฐานของนายไม่ดีเท่าของฉัน” ชายชราหัวเราะเยาะซ้ำ
“เพ้ย แต่ผมอาจจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต ส่วนคุณนั้นคงไม่มีโอกาสแล้ว”
อาจารย์ใหญ่ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
“แต่รากฐานของนายไม่ดีเท่าของฉัน” ชายชราหัวเราะเยาะอีก
อาจารย์ใหญ่. “…”
“เราลืมเรื่องนี้ไปกันเถอะ”
อาจารย์ใหญ่พูดไม่ออก
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่เขาก็ทำตามใจตัวเองและใช้เวลาอย่างสนุกสนานเมื่อตอนที่ยังเด็กและไม่ได้เข้าวิทยาลัยที่ดี หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มตระหนักถึงปัญหานี้และพยายามปรับปรุงรากฐานอย่างหนักเพื่อก้าวข้ามความสะเปะสะปะที่เขาเคยสร้างไว้ก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์ใหญ่ อย่างไรก็ตามเส้นพื้นฐานยังนับว่าเป็นจุดอ่อนของเขามาตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับปรุงลายเส้นพื้นฐานที่เขาเคยเรียนรู้มากว่าครึ่งชีวิตให้ดีขึ้นได้
การสร้างการ์ดทั้งหมดขึ้นอยู่กับลายเส้นพื้นฐาน การ์ดทั้งหมดที่เขาเรียนรู้และทุกลายเส้นที่เขาใช้นั้นก็นับเป็นส่วนหนึ่งของลายเส้นพื้นฐาน
ลายเส้นพื้นฐานคืออะไร?
มันไม่ใช่แค่ลวดลายที่เราเห็นบนพื้นผิวของการ์ด
แต่มันคือความเสถียรในการควบคุมการไหลของพลังงานในทุกจังหวะ ทักษะนี้จำเป็นสำหรับนักสร้างการ์ดในอนาคตอย่างมาก!
ลายเส้นพื้นฐานแต่ละอันนั้นจะแตกต่างกันออกไป!
ถ้างั้นในส่วนของเทคนิคการสร้างการ์ดล่ะ?
โดยทั่วไปแล้วมันเป็นสูตรที่ได้มาจากการคำนวณของลายเส้นพื้นฐานจำนวนมาก
ดังนั้นหากต้องการจะปรับปรุงลายเส้นพื้นฐานเพียงเส้นเดียว ก็ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อเรียนรู้เทคนิคการสร้างการ์ดใหม่ทั้งหมดอีกที! มันนับว่ายากยิ่งกว่าที่จะปรับปรุงเทคนิคระดับสูงซะอีก!
ดังนั้น…
เขาคงทำได้แค่ยอมแพ้
แต่ถึงอย่างนั้นในความคิดของเขา แค่วาดเส้นพื้นฐานพวกนี้พอใช้ได้ก็ดีพอแล้ว! ในหมู่นักสร้างการ์ดลายเส้นพื้นฐานของอาจารย์ใหญ่นับว่าดีพอสมควรด้วยซ้ำ
มันสำคัญตรงไหนถ้าต้องใช้เวลาจำนวนมากเพื่อการเป็นสุดยอดนักวาดเส้นพื้นฐาน?
ตัวอย่างเช่น…
คนที่อยู่ตรงหน้าเขา
เหอะ…เขาฝึกฝนมาตั้งหลายปี แต่ก็เป็นได้เพียงนักสร้างการ์ดระดับ 3 เท่านั้น!
เมื่อนึกได้อย่างนี้ อาจารย์ใหญ่ก็กลับไปนึกถึงบทสนทนาชวนหัวร้อนเมื่อครู่ เขาจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและตะโกนกลับไปว่า ”เฮ้ อย่าลืมนะว่ายังไงคุณเป็นแค่นักสร้างการ์ดระดับ 3!”
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเถียงให้ถึงที่สุดโดยไม่สนใจความคิดเห็นของชายชราอีก
ชายชรามองเขาด้วยประหลาดใจก่อนที่เขาจะพูดช้าๆ “แต่ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
“เห้ย เฒ่าเจียง อย่าใช้เรื่องส่วนตัวเป็นข้อโต้แย้งในวิทยาลัย!”
อาจารย์ใหญ่พูดกราดเกรี้ยว
“ต่อให้ไม่พูดเรื่องส่วนตัว แต่ฉันก็ยังเป็นพ่อของแก!” ชายชรากล่าวด้วยเสียงต่ำ
“ถ้าคุณยังไม่หยุด เชื่อไหมว่าผมจะไล่คุณออก”
อาจารย์ใหญ่เริ่มลุกลี้ลุกลน
“แม้ว่าแกจะไล่ฉันออก ฉันก็ยังเป็นพ่อแก!” ชายชราหัวเราะเยาะ
“เฒ่าเจียงอย่ามารังแกกันแบบนี้!”
อาจารย์ใหญ่ยังอารมณ์เสียอยู่
“เจียงเฟิงแกลืมพ่อแกไปแล้วหรอ”
เฒ่าเจียงปฏิเสธที่จะถอยหลังให้ในครั้งนี้
ทั้งสองจ้องมองกันและกันไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“เหอๆ” เจียงเฟิงยิ้มเยาะ “ผมเป็นลูกชายที่ดี ฉะนั้นผมจะไม่เถียงพ่ออีก แต่ยังไงก็ตามการตัดสินใจอยู่ที่ลู่หมิง ผมจะรอดูว่าเขาเลือกใครในท้ายที่สุด”
“ฮึๆ ฉันก็จะรอดูเหมือนกัน”
เฒ่าเจียงเองก็เริ่มไม่มั่นใจ
ในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เจียงเฟิงมองไปที่รายงานในมือของเขา เขาชะงักเมื่อเขาอ่านเกี่ยวกับอาจารย์อัน
อาจารย์คนนี้…
เจียงเฟิงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เฒ่าเจียงสังเกตเห็นว่าเขาหยุดขณะดูรายงานเกี่ยวกับอาจารย์อัน “แกควรให้ความช่วยเหลือแก่อาจารย์อันสักหน่อย”
“ช่วยยังไง?”
เจียงเฟิงขมวดคิ้ว “ผมให้เงินเดือนที่เขาสมควรได้รับ ความสามารถของลูก ๆ เขาอยู่ในระดับปานกลาง พวกเขาต้องสละอะไรบางอย่างไปอยู่แล้ว หากต้องการเหนือกว่าคนอื่น ๆ
ชายชราถอนหายใจ “เขาทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในอดีต”
เจียงเฟิงหยุดไปชั่วขณะ
อันที่จริง…เขาก็เข้าใจเช่นกัน
ย้อนกลับไปในอดีต ถ้าเฒ่าเจียงไม่ยอมแพ้ในการบ่มเพาะและดูแลเขาด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่มี เขาก็คงจะไม่ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ในวันนี้ แม้ว่าเขาจะซุกซนและดื้อรั้น หรือกระทั่งไม่ได้เรียนในวิทยาลัยที่ดี แต่เขาก็ประสบความสำเร็จจากการฝึกฝนอย่างหนักและแซงหน้าคนอื่นๆ !
แม้ว่าการมีพรสวรรค์จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทรัพยากรในการฝึกฝนก็สำคัญไม่แพ้กัน!
และราคาที่ต้องจ่าย…
…คือเฒ่าเจียงผู้นี้ติดอยู่ที่การเป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับ 3 ตลอดกาล
“ผมเข้าใจแล้ว”
เจียงเฟิงดูเคร่งขรึม “ผมจะพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์อันอีกที”
“ดีแล้ว”
เฒ่าเจียงรู้สึกโล่งใจ
เขากลัวว่าลูกชายจะไล่อาจารย์อันออกด้วยความโกรธ
“ในกรณีนี้…ผมจะให้ความช่วยเหลือแก่อาจารย์อัน ดังนั้นคุณควรให้ลู่หมิงเป็นศิษย์ของผม”
เจียงเฟิงเปลี่ยนหัวข้อ
“เป็นไปไม่ได้!”
เฒ่าเจียงโกรธมาก “จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขา ถ้าเขาได้ฉันเป็นอาจารย์”
“แต่คุณอ่อนแอเกินไปและคุณสามารถสอนเขาได้เฉพาะพื้นฐานเท่านั้น แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?” เจียงเฟิงคำราม
“แล้วไม่ใช่ฉันที่เป็นคนสอนแกหรอกเหรอ”
เฒ่าเจียงหัวร้อน “ตอนนี้แกเป็นยังไง ฉันสอนแล้วแกอดตายไม่มีอนาคตไหม?”
เจียงเฟิงพูดไม่ออก
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเฒ่าเจียงเก่งกว่าเขาในเรื่องการเถียงเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นเอง …
ผู้ช่วยของอาจารย์ใหญ่ก็เดินเข้ามาข้างใน เขาไอเมื่อได้เห็นฉากพ่อลูกตีกันเพื่อแย่งศิษย์ “เอ่อ…ใบรับรองของลู่หมิงถูกส่งขึ้นมาแล้ว”
“โอ้?!”
ดวงตาของทั้งพ่อและลูกชายสว่างขึ้น
“เขาเลือกฉันหรือตาเฒ่านี่?”
เจียงเฟิงถาม
“เอ่อ…”
ผู้ช่วยลังเลก่อนจะตอบ “มะ-ไม่ใช่พวกคุณทั้งคู่”
“เขาเลือกนักสร้างการ์ดหรือ?”
เจียงเฟิงรู้สึกสับสน
“หรือเป็นไปได้ไหมว่าเขาเลือกไปแบบสุ่มๆ”
เฒ่าเจียงเต็มไปด้วยความสงสัย
เพราะอย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนเป็นคนที่เก่งที่สุดในด้านการสร้างการ์ดในวิทยาลัยอาชีวะ คนหนึ่งเชี่ยวชาญทักษะการสร้างการ์ดที่หลากหลายมากที่สุด ในขณะที่อีกคนหนึ่งเก่งที่สุดในเรื่องลายเส้นพื้นฐาน
“อ่า….ไม่เชิงครับ”
ผู้ช่วยชะงักก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “เขาขายใบรับรองทิ้งไป”
เจียงเฟิงรู้สึกราวกับเป้นไอโง่ “ขะ-เขาขายมันทิ้งปะ-ไปหรอ?”
“ใช่ครับ”
ผู้ช่วยก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน “เขาเรียกรวบพลนักศึกษาทั้งหมดที่คณะการสร้างการ์ดและเปิดประมูลใบรับรองที่มีลายเซ็นของคุณ”
เจียงเฟิงงงงวย
วิทยาลัยนี้มีประวัติหลังก่อตั้งมาอย่างยาวนาน แต่เขาไม่เคยได้ยินว่ามีใครประมูลใบรับรองซึ่งเป็นดั่งเกียรติยศ
เฮ้ย ไอนั่นมันแลกกับการชี้แนะจากปรมาจารย์ได้สักคนเลยนะเว้ย ขายทิ้งหรอ?!
นี่…
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!?