แม้ว่าเทคนิคการเข้ารหัส D จะระดับต่ำกว่า แต่ราคาของมันเป็นมิตรอย่างมาก!
มันต้องใช้เงินเพียง 6 หมื่นหยวนเท่านั้น!
นอกจากนี้หลายคนที่เรียนรู้เทคนิคการเข้ารหัสระดับสูงก็มักจะซื้อเทคนิคการเข้ารหัส D ก่อน เพราะมันเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่สุดที่ทําให้ฝึกฝนทักษะระดับสูงได้ง่ายขึ้น
หรือบางที…
เขาควรจะกัดฟันยอมซื้อเทคนิคการเข้ารหัส C ไปเลยดี?
อันที่จริงเขามีงบเพียงแค่ 1 แสนหยวนเท่านั้น ที่เหลือคงต้องกู้ไม่ก็หาวิธีอื่นเอา …
ใจเย็นก่อนไอหนุ่ม! ใจเย็น!
ลู่หมิงพยายามกําจัดความโลภออกไปจากใจ
แน่นอนเขาคงไม่ยอมให้การกู้เงินจํานวนเล็กน้อยแบบนี้มาปั่นป่วนชีวิตตนเอง! ลู่หมิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกันแล้วการซื้อเทคนิคระดับต่ำไปก่อนคุ้มกว่ามาก เพราะมันจะลดภาระด้านการเงินให้เขามหาศาล
เอิ่ม…
มันก็เหมือนกับการซื้อรถ
กล่าวคือก่อนที่จะตัดสินใจเลือก คุณต้องจัดสรรเงินอย่างเหมาะสมก่อน
“งั้นฉันเลือกแกละกัน!”
ลู่หมิงจ้องไปที่เทคนิคการเข้ารหัส D และเตรียมจะซื้อมัน
จังหวะนั้นเองก็มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งเข้ามาพอดี ร่างอ้วนๆ กลมๆ เดินเข้ามาหาเขาด้วยความตุ้ยนุ้ยเหมือนมนุษย์ลูกชิ้นกําลังกลิ้ง
“พี่ลู่พี่ลู่ ผมมาซื้อการ์ดพลังงาน”
จางเสี่ยวปังรู้สึกตื่นเต้นมาก ” ผมขอซื้อเยอะๆ เลย แต่ขอส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ได้ไหม”
“นายต้องการกี่ใบ?”
ลู่หมิงเดินไปคุยที่หน้าประตูทางเข้าเพื่อบล็อคไม่ให้จางเสี่ยวปังเข้ามาในร้าน
“10 ใบ!”
จางเสี่ยวปังพูดด้วยเสียงเบา และทําหน้าเคร่มขรึมราวกับสายลับกําลังแลกเปลี่ยนข้อมูล
ลู่หมิงมองบน
เหอะๆ นี่หรอที่เรียกว่า เยอะ?
“ไม่ใช่ตอนนี้นายควรบ่มเพาะอยู่หรือ?”
ลู่หมิงสงสัย
“ใช่”
จางเสี่ยวปังยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ตอนแรกผมไม่นึกว่าการบ่มเพาะจะต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้ ผมอุส่าเตรียมการ์ดพลังงานไว้ตั้ง 3 ใบ แต่ผมกลับใช้มันจนหมดเลย”
นับตั้งแต่ที่ลู่หมิงสามารถผสมการ์ดระดับสูงออกมาได้ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็เร็วติดจรวด ถ้าเขาบ่มเพาะด้วยความเร็วแบบเต็มอัตราจริงๆ เพื่อพลังงาน 100 แต้มต่อวัน เงินของเขาอาจจะหมดไปหลายแสนภายในเวลาไม่กี่วัน!
เขาลืมปัญหาพวกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
สถานการณ์ที่จางเสี่ยวปังพบเป็นเรื่องปกติสําหรับนักศึกษาทั่วๆ ไป!
เขาชะล่าใจเกินไป ชะล่าใจมากเกินไปจริงๆ
ลู่หมิงปรับวิธีคิดของตนให้เหมือนคนทั่วๆ ไปอีกครั้ง
“โอเค
นี่ส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์สําหรับนาย”
ลู่หมิงเตรียมการ์ดพลังงานสิบใบให้เขา
“ขอขอบพระคุณอย่างสูง
จางเสี่ยวปังกราบลู่หมิงงามๆ ไปทีนึง
แน่นอนว่าจางเสี่ยวปังรู้ดีว่าปกติแล้ว มันแทบจะไม่สามารถทํากําไรจากการขายการ์ดพลังงานในราคาลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ได้เลย นี่นับว่าพี่ลู่ยังคงดูแลเขาค่อนข้างดีอยู่ ฮ่าๆ
“พี่ลู่ ผมจะบอกความลับกับพี่อย่างนึง คือช่วงหลังมานี้มาตรฐานการสร้างภาพลวงตาของผมพัฒนาขึ้นอย่างมาก” จางเสียวปังพูดด้วยความหลงตัวเอง
“พัฒนาในแง่ไหน” ลู่หมิงยิ้มเยาะ “นายทําให้ภาพลวงตาเปลี่ยนสีตามอารมณ์ของผู้ใช้ได้แล้ว?”
“ใช่ ผมทําได้แล้ว!”
จางเสี่ยวปังตอบอย่างไม่ลังเล “แม้ว่าผมจะยังไม่เคยทําอย่างนั้น แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคหลักที่เอาไว้ใช้แล้ว”
ลู่หมิงตกใจ “นายฝึกสําเร็จแล้วจริงๆ เหรอ?”
“แน่นอน”
“ถ้าพี่ไม่เชื่อเดี๋ยวผมทําให้ดู” จางเสี่ยวปังโชว์อย่างพึงพอใจ
ฟู่ววว !
พลังงานส่องแสงและเกิดแสงวาบขึ้น
จางเสี่ยวปังนําลู่หมิงเข้ามาสู่โลกภาพลวงตาของเขา
นี่คือแก่นภาพลวงตามันมีหน้าที่คล้ายกับการ์ดดั้งเดิมของลู่หมิง และมันกําลังแสดงภาพลวงตาที่จางเสี่ยวปังมักใช้ในการบ่มเพาะ
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มันค่อนข้างว่างเปล่า
ในจุดที่ห่างไกล…
มีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง
ไอหมอนี่กําลังจะทําอะไรฟะ?
ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“รอแป๊ป!”
จางเสี่ยวปังหายใจเข้าลึกๆ “ขอผมปลุกอารมณ์ในตัวก่อน”
หลังจากนั้นสักพักเขาก็เริ่มมีอารมณ์
ดูเหมือนหมอนี่จะจินตนาการถึงอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งทําให้อารมณ์ของเขาไม่คงที่นัก เห็นได้จากการหายใจอย่างหนักหน่วง
“เรียบร้อย” จางเสี่ยวปังตะโกนเสียงดัง
หลังจากนั้นไม่นานสุนัขที่อยู่ห่างออกไปก็ขยับอย่างกะทันหัน มันวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่บริเวณใกล้ๆ ต้นไม้จากนั้นมันก็เกาะต้นไม้ และเอาตัวกระแทกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง
ลู่หมิงรู้สึกสับสน
“ไหนว่าเสร็จแล้วไง นายกําลังทําบ้าอะไร?”
“อ้าว พี่ก็ดูมันสิ เร็วเข้า ดูนี่!”
จางเสี่ยวปังทั้งตื่นเต้นทั้งพึงพอใจ “มันเปลี่ยนไปแล้ว!”
ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เมื่อเขาเข้าไปดูใกล้ ๆ สุนัขตัวนั้นก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นว่าสีจะเปลี่ยนไปเลย
“มันเปลี่ยนไปจริงๆ!”
จางเสี่ยวปังดีอกดีใจ “นี่ไงพี่ลู่ ตอนนี้มันกําลังตกมันจากความหงี่ของผม ดูสิว่าตอนนี้มันดุร้ายรุนแรงขนาดไหน”
ลู่หมิงเหนื่อยหน่ายใจยิ่งนัก
ทันใดนั้นลู่หมิงรู้สึกว่า iq ของเขากําลังลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อมีเพื่อนเป็นตัวปัญญาอ่อนแบบนี้
ไอหมอนี่มันไหวปะเนี่ย ถามจริง!
“พี่ชาย คุณดูสิ”
จางเสี่ยวปังรู้สึกตื่นเต้น “เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พอผมมีอารมณ์ ระดับความต้องการทางเพศของสุนัขตัวนี้ก็แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“เหอะๆ”
ลู่หมิงไม่อยากจะสนทนากับหมอนี่อีกต่อไป
ปัญญาอ่อน!
ปัญญาอ่อนชัดๆ!
“เฮ้ เฮ้”
เมื่อเห็นว่าลู่หมิงไม่สนใจเขาอีกต่อไป จางเสี่ยวปังก็รู้สึกตัวขึ้นพร้อมพูดอย่างเขินอาย “ผมรู้ว่ามันยังค่อนข้างห่างไกลจากเป้าหมาย แต่พวกเขาก็ใช้แก่นภาพลวงตาเหมือนกัน! ผมวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากนี้ระดับความตื่นจะเปลี่ยนไปตามอา รมณ์ของผู้ใช้:
มันจะเป็นสีแห่งความสุขเมื่อพวกเขามีความสุข
มันจะเป็นสีแห่งความเหงาเมื่อพวกเขาเสียใจ
มันจะเป็นแห่งความหิวกระหายเมื่อพวกเขาเกิดอารมณ์
มันจะเป็นสีจางๆ เมื่อพวกเขาเบื่อ” จางเสี่ยวปังกล่าวอย่างตื่นเต้น
ลู่หมิงหมดคําพูด
ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่า บางทีการล้อเล่นกับจางเสี่ยงปังตอนนั้นอาจเป็นเรื่องผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของตน? ถ้าหมอนี่มันทําอย่างที่พูดจริงๆ ไม่อยากจะคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นยังไง!
ไอหมอนี่มัน…
“อืมม พี่ลู่”
“พี่ควรคิดว่ามันเป็นเวอร์ชั่นเบต้าละกันนะ”
จางเสี่ยวปังถูมือของตน “โปรดมั่นใจว่าในเมื่อตอนนี้ผมเข้าใจเทคนิคการตรวจจับอารมณ์ของผู้ใช้แล้ว เทคนิคการเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ของผู้ใช้ก็คงเป็นเรื่องกล้วยๆ ดังนั้นเมื่อผมเชี่ยวชาญเทคนิคการเปลี่ยนสีท้องฟ้าแล้ว โปรเจคนี้ก็คงจะเสร็จสมบูรณ์ได้ในเร็ววัน!”
อืมก็น่าจะอย่างนั้นล่ะมั้ง
ลู่หมิงพอจะเข้าใจวิธีคิดของหมอนี่บางส่วนขึ้นมาบ้างแล้ว
เอาจริงๆ แล้ว ศาสตร์ลวงตาก็คล้ายคลึงกับการสร้างการ์ด ถ้ามองอย่างผิวเผินแล้วสิ่งที่ไอปัญญาอ่อนนี่ทํามันก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับคําขอของลู่หมิง!
เขาทํามันสําเร็จแล้วสองในสามเทคนิคจากที่ลู่หมิงต้องการ ต่อให้ไม่อยากก็ต้องนับว่าเข้าใกล้ผลลัพธ์แล้วจริงๆ!
“งั้นก็สู้ๆ ละกัน”
ลู่หมิงตบไหล่ของเขา “ในเมื่อนายได้การ์ดพลังงานไปแล้วก็รีบๆ ไปเรียนรู้ละกัน”
“รับทราบ ท่านประธาน!”
ตอนนี้จางเสี่ยวปังเต็มไปด้วยความมั่นใจ
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากําลังจะจากไป จางเสี่ยวปังรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ นั่นเป็นเพราะจนถึงเวลานี้ลู่หมิงยังไม่ยอมให้เขาเข้าไปในร้านเลย!
“พี่ลู่ ทําไมวันนี้คุณไม่ยอมให้ผมเข้าไปในร้านเลย?”
จางเสี่ยวปังพูดด้วยความน้อยใจ
ลู่หมิงมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันอุตส่าห์ออกมาดูแลนายอย่างเพื่อนสนิท แต่นายกลับอยากเข้าบ้านฉันงั้นหรอ?”
“ฮะ?”
จางเสี่ยวปังมองอย่างงงงวย
“เอาล่ะ ช่างมัน นายรีบไปเถอะ”
ลู่หมิงไล่เขาออกไป เขากลับเข้าไปในร้านหลังจากยืนยันได้ว่าไออ้วนจางออกไปแล้วจริงๆ
เอ่อ…
การเข้ารหัส..
ลู่หมิงนึกขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม…
ในขณะเดียวกันนี้ ก็มีร่างหนึ่งเดินมาจากระยะไกล
“สวัสดีลูกค้า ให้ฉัน… “
หลังจากนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่เป็นเพราะแขกของเขาตัวค่อนข้างใหญ่ผิดปกติ
ความผิดปกตินี่มัน…
“จางเสี่ยวปัง!”
ลู่หมิงสูดหายใจเข้าอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม…
ในขณะนี้จางเสี่ยวปังไม่สนใจลู่หมิงแม้แต่น้อย เขากําลังจ้องมองไปที่สาวน้อยที่กําลังศึกษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวที่มุมนึงของร้าน เขาเบิกตากว้างและแลบลิ้นออกมา ไม่น่าแปลกใจที่ลู่หมิงจะปฏิเสธให้เขาเข้าไป!
มากเกินไปแล้ว!
สาเหตุที่แท้จริงคือลู่หมิงมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ด้วย!
ไม่น่าแปลกใจเลย…
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ลู่อุดอู้อยู่บ้านมาหลายวันแล้ว เขาไม่ได้ออกไปเรียนด้วยซ้ำ
ปรากฏว่า …
“ผม…ผมอยากเปิดร้านเหมือนพี่!
ผมอยากจ้างพนักงานหญิงสักคนบ้าง!”
จางเสี่ยวปังอารมณ์พลุ่งพล่าน พี่ลู่เป็นทหารผ่านศึกที่มากประสบการณ์อย่างแท้จริง!
“ทหารผ่านศึกกับผีน่ะสิ!” ลู่หมิงตอบอย่างดุร้าย
เขารู้ว่าจางเสี่ยวปังกําลังคิดนอกลู่นอกทางอยู่แน่ ๆ เขาไม่รู้ว่าสมองของไออ้วนคนนี้เติบโตขึ้นได้ยังไง ดูเหมือนว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หมอนี่ก็จะเชื่อมโยงทุกอย่างเข้ากับเรื่องอย่างว่าโดยอัตโนมัติ
“เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน” ลู่หมิงรู้สึกว่าคําอธิบายนี้ดีกว่า
“ศิษย์?” จางเสี่ยวปังคิดสักพัก และพูดกับลู่หมิงด้วยความตื่นกระหายกว่าเดิม “ผม.ผมเองก็อยากรับศิษย์หญิงด้วย!”
เขาจะพูดอะไรได้อีก?
“มานี่หน่อย เสี่ยวไป๋”
ลู่หมิงถอนหายใจ “ทักทายลุงโรคจิตนี่หน่อย เขาจะได้รีบไปไกลๆ ซะที”
“สวัสดีคุณลุง”
คุณเสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นและทักทายด้วยท่าทางจริงจัง
“สวัสดี สวัสดี”
จางเสี่ยวปังเผยรอยยิ้มใจดี
อย่างไรก็ตามขณะที่เสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งตัว เขาตะโกนด้วยความตกใจ ”เจียงเยว่ไป๋!”
เมื่อพูดจบ…
จางเสี่ยวปังก็หันหลังและพยายามหนีอย่างสุดกําลัง
“ฮะ?”
ตอนนั้นเองเสี่ยวไลู่ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการสร้างการ์ดก็มองไปที่ลุงประหลาดตรงหน้าเธออีกครั้ง “เอ๊ะ นั่นมันเสี่ยวปังนี่หน่า!”
“พวกเธอรู้จักกันหรอ?”
ลู่หมิงคว้าตัวจางเสี่ยวปังที่ต้องการหลบหนีอย่างรวดเร็ว
“แฮ่ๆ ใช่แล้ว…” จางเสี่ยวปังพูดด้วยท่าทางลําบากใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ลู่หมิงเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้น
“เดี๋ยวฉันเล่าเอง”
เสี่ยวไลู่กัดปากกาสร้างการ์ด ขณะที่ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะปล้นบ้านของฉัน และถูกพ่อฉันจับได้ เขาจึงถูกตีอย่างรุนแรง”
“ขโมยของ?”
ลู่หมิงประหลาดใจ
เขามองไปที่หมวกในมือของจางเสี่ยวปัง สรุปนายสร้างหมวกนี้เพื่อขโมยของหรอกเหรอ?
“ฉันไม่ได้จะขโมยของ!”
จางเสี่ยวปังรู้สึกผิด ” พี่ก็รู้ตอนนั้นผมตกวิชาอะไรบ้าง ตอนแรกผมอยากจะขี้โกงเปลี่ยนเกรดของตัวเอง แต่อาจารย์ใหญ่ปฏิเสธมัน ดังนั้นผมเลยต้องแอบเข้าไปในบ้านของเขาและทําการเปลี่ยนเกรดในคอมพิวเตอร์ของเขา แต่เขากลับเจอผมโดยไม่คาดคิด…”
ลู่หมิงพูดไม่ออก
หน้าด้าน!
ไม่มีคําบรรยายไหนชัดเจนกว่านี้แล้วสําหรับไอหมอนี่?
ไอหมอนี่แอบเข้าไปในบ้านอาจารย์ใหญ่เพื่อเปลี่ยนเกรดตัวเอง!? วอนหาที่ตายชัดๆ!
ลู่หมิงยิ้มอย่างเอือมระอาเล็กน้อย
แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
อาจารย์ใหญ่
เสี่ยวไป๋…
บ้านของเธอ…
เดี๋ยวก่อนนะ….บางอย่างดูไม่ถูกต้องนัก?
ลู่หมิงลูบหัวและพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าไอบ้าเจียงที่ตนสาปแช่งไปก็คืออาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยนี่หว่า !!!