Divine Card Creator ตอนที่ 41 การ์ดเกมใหม่!
ไหงรอบๆ ตัวฉันมีแต่พวกเทพเซียนทั้งนั้นฟะ!?
เพราะฉะนั้นลู่หมิงไม่กล้าพอที่จะไปยั่วยุอัจฉริยะปีศาจเหล่านี้แน่ๆ!
ลู่หมิงเหลือบมองไปรอบ ๆ ก่อนพบว่าคนเดียวที่เค้าจะไปโม้ได้ก็คงเป็นจางเสี่ยวปังคนเดียวเท่านั้น ซึ่งทําให้เขารู้สึกเสียใจมากกว่าเดิม เพราะถ้าต้องเล่าให้หมอนั้นฟัง ไม่เล่ายังจะดีซะกว่า!
“ลืมมันไปซะ ฉันอยู่แบบถ่อมตนดีกว่า”
ลู่หมิงถอนหายใจ
หลังจากที่เขาเชี่ยวชาญเทคนิคการเคลือบชั้นพลังงานแล้ว การเข้ารหัสทับซ้อน 2 ครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เพราะอย่าลืมว่าที่จริงแล้วการเข้ารหัส 2 ครั้ง
ก็คือการวาดลายเส้นเข้ารหัสที่เหมือนกันทุกประการโดยมีบันไดเชื่อมระหว่างกันทั้ง 2 ชั้น ฉะนั้นตราบใดที่ลู่หมิงเชี่ยวชาญการเคลือบ เทคนิคการเข้ารหัสนี่ก็ไม่ต่างจากเรื่องกล้วยๆ!
Ez!
EZ ยิ่งนัก!
TL: EZ คือ Easy ในภาษาเกมเมอร์นะค้าบ ใช้เวลาประชดหรือดูถูกคู่แข่งที่เล่นห่วยมากๆ อะไรทํานองนั้น
แต่แน่นอน
ในอนาคตลู่หมิงก็ยังจะซื้อเทคนิคการเข้ารหัส C อยู่ดีเพราะต่อให้ป้องกันด้วยเทคนิคการเข้ารหัส 2 ครั้ง แต่ทั้ง 2 ชั้นดันเป็นลายเส้นเดียวกันมันก็ง่ายต่อการ Crack อยู่ดี!
เพราะอย่างไรก็ตามเทคนิคการเข้ารหัสที่ลู่หมิงมีนั้นเกิดจากการผสมโดยใช้การ์ดชนิดเดียวกัน และแม้ว่าเขาจะ สามารถผสานได้ อีกในอนาคตแต่ลายเส้นของมันก็คงไม่ต่างการเทคนิคเข้ารหัส D อยู่ดี
“การเคลือบสําเร็จแล้ว…”
ลู่หมิงลากเส้นอย่างตื่นเต้น
เขาฝึกฝนและทําความคุ้นเคยกับทักษะเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นลู่หมิงก็พบกับเรื่องน่าสนใจบางอย่าง บันไดพลังงานที่เขาวาดมัน สามารถทนพลังงานได้อย่างจํากัด! และถ้ามันเกินไป
ละก็….
เป้ง!
การ์ดจะถูกทําลายลงทันที
ตัวอย่างเช่น การ์ดกระทิงคลั่ง
ก่อนหน้านี้ลู่หมิงลองวาดการ์ดกระทิงคลั่งซ้อนทับลงบนชั้นที่2แต่ก่อนที่เขาจะวาดมันเสร็จ การ์ดใบนั้นก็พังทลายลง!
มันล้มเหลว!
อย่างไรก็ตาม…
หากเขาวาดการ์ดกระทิงคลั่งลงในชั้นแรก ขณะที่วาดการ์ดพลังงานทับในชั้นที่ 2 มันกลับไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น
เห็นได้ชัดว่า …
บันไดพลังงานที่ลู่หมิงวาดขึ้นไม่ สามารถรองรับระดับพลังงาน300 แต้มของการ์ดกระทิงคลั่งได้
นี่ล้วนเกิดจากทักษะการควบคุมพลังงานของเขาต่ําเกินไป!
การบ่มเพาะของเขาอ่อนแอเกินไป!
อย่างที่จะพูดไปแล้วว่า
หากในแต่ละชั้นที่เขาสร้างขึ้นไปจะไม่พังเมื่อเขาใช้พลังงานน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าอย่างนั้น…?
“ฉันจะ สามารถสร้างได้มากที่สุดกี่ชั้นล่ะเนี่ย?”
ความสนใจของลู่หมิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชูววว !
ชูววว !
เขาลงมือทดลองอย่างต่อเนื่อง
คราวนี้ลู่หมิงเลือกใช้การ์ดพลังงานที่เสถียรที่สุดเท่าที่ตนมีหลังจากนั้นเขาก็ประหลาดใจอย่างมากเมื่อพบว่าตนเองวาดบันไดชั้นที่ 2 ได้สําเร็จ!
ชั้นที่ 31
เขาวาดชั้นที่ 3 ได้สําเร็จ
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ลู่หมิงวาดเส้นการ์ดพลังงานบนชั้นที่3มาได้ครึ่งทาง
การ์ดก็ถูกทําลายลง!
“ล้มเหลวอีกแล้วแหะ”
ลู่หมิงจมอยู่ในความคิดของตน
หรือตอนนี้ความสามารถของเขายังไม่พอที่จะวาดชั้นที่ 3 ออกมากันนะ?
ไม่ใช่อย่างนั้นแน่ๆ!
ยิ่งต้องวาดโครงสร้างการ์ดสูงขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งยากและกดดันมากขึ้นเท่านั้น!
และยิ่งมีจํานวนชั้นการ์ดที่เพิ่มขึ้น อัตราการใช้พลังงานในการวาดก็สูงขึ้นอย่างทวีคูณ
และหากลู่หมิงยังควบคุมความเสถียรของพลังงานไม่ได้ มันก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วสาเหตุก็คือลู่หมิงยังขาดความชํานาญในการควบคุม!
แล้วถ้าเป็นการ์ด Fruit Ninja …
ลู่หมิงทดลองใช้ทักษะนี้ลงบนการ์ด Fruit Ninja ที่ใช้พลังงานในการสร้างน้อยที่สุด
มันสําเร็จ!
เขาวาดชั้นที่ 3 สําเร็จแล้ว!
โดยที่คราวนี้ลู่หมิงใช้สูตร การ์ดพลังงานชั้นแรก + การ์ดพลังงานชั้นที่ 2 + การ์ด Fruit Ninja ในชั้นสุดท้าย!
ตอนนี้ลู่หมิงเชี่ยวชาญทักษะการซ้อนทับการ์ดชนิดแรกแล้ว แม้ว่ามันจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก
เขาทดลองเปิดใช้งานมันดูทันที
และขณะที่กําลังเปิด ลู่หมิงก็พบว่ามันช่วยประหยัดพลังงานของผู้ใช้ได้แล้ว เนื่องจากสาเหตุที่มันมีพลังงานภายในอยู่แล้วจํานวนหนึ่ง ทําให้เขาไม่เสียพลังงานเพิ่มเติมในการเปิดใช้งานการ์ด Fruit Ninjaแต่นอกจากเรื่องนั้น การ์ดใบนี้ก็ยังนับว่าห่วยเหมือนเดิมอยู่ดี
“อีกครั้ง!”
ลู่หมิงพยายามอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้สิ่งที่ลู่หมิงทําได้ก็มีแค่ทดลองทักษะใหม่นี้ไปเรื่อยๆ
และในท้ายที่สุด
ลู่หมิงก็พบว่าเขายังไม่สามารถใช้มันกับการ์ดวงล้อมกระทิงคลั่ง
ส่วนการ์ด Fruit Ninja นั้นเขาสามารถซ้อนทับมันได้ 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม…
แม้ว่าลู่หมิงจะใช้การ์ดอย่าง Fruit Ninja ที่กินพลังงานน้อยมาก มาเป็นฐานแต่เขาก็ไม่สามารถสร้างบันไดต่อไปยังชั้นที่ 4 ได้!
ตอนนี้ชั้นที่ 3 นับเป็นขีดจํากัดของเขาแล้ว!
แต่ก็แน่นอนว่ายังไงซะ การซ้อนชั้นพลังงานให้กับการ์ ดเหล่านี้ล้วนไร้ประโยชน์
เพราะการซ้อนทับการ์ด Fruit Ninja 3 ชั้นนั้นช่วยแค่เพิ่มจํานวนรอบและเวลาที่เล่นได้เท่านั้น ส่วนการซ้อนทับการ์ดพลังงานก็ทําได้แค่เพิ่มจํานวนพลังงาน!
แล้วถ้าเขาทดลอง..
การ์ดกระทิงคลั่งและการ์ดพลังงานล่ะ?
ลู่หมิงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากทดลองแล้ว เขากลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามันใช้งานได้จริง!
ต้องรู้ก่อนว่า
แม้ว่าการ์ดดั้งเดิมรูปสายฟ้าจะสามารถผสานการ์ดเข้าด้วยกันได้แต่ข้อเสียของมันคือมันสามารถผสานได้แค่การ์ดที่มีลายเส้นคล้ายกันเท่านั้น
ในทางกลับกันเทคนิคการเคลือบชั้นพลังงานสามารถใช้งาน ได้กับการ์ดทั้งหมด!
สําหรับผลลัพธ์ของมัน…
ตอนนี้ลู่หมิงสามารถสร้างการ์ดวงล้อมกระทิงคลั่งโดยใช้ระดับพลังงานเพียง 200 แต้มจากเดิม 300 ได้แล้ว!
มันเป็นเพราะข้างในการ์ดใบนี้มีพลังงานซ่อนอยู่ 100 แต้ม!
“เยี่ยม!”
ลู่หมิงดีใจ
มันย้ําเตือนลู่หมิงว่าทักษะการเคลือบชั้นพลังงานที่เป็นเทคนิคการสร้างการ์ดระดับสูงอย่างแน่นอน!
ด้วยเทคนิคนี้ความสามารถของนักสร้างการ์ดจะไม่ถูกจํากัดอยู่แค่การผนึกอีกต่อไป มันอาจจะสามารถผสานสกิลที่แข็งแกร่งหลายๆ อันเข้าเป็นสกิลระดับเทพเลยก็เป็นได้
นี่มันอหังการรามเกียรติ์มาก!
ถ้าเขาเอาสกิล พิษปรสิต + ดาบสายลม =? มันจะเกิดเป็นสกิลโรคระบาดรึเปล่า?
แล้วถ้าเป็นสกิล บอลน้ํา + เพลิงโลกันตร์ =? มันจะออกมาเป็นยังไง?
แล้วสกิล กําแพงดิน + ลมหวนละ =? มันจะออกมาเป็นพายุทะเลทรายไหม?
เชี่ย…นี่มันสุดยอดไปเลยนะเนี่ย!
ลู่หมิงประหลาดใจอย่างมาก
เพราะก่อนหน้านี้ก็มีผู้อาวุโสนักสร้างการ์ดท่านหนึ่งได้เข้าไปในอันดับแรกๆ ของผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกจนเป็นข่าวครึกโครมเกิดเป็นข้อสรุปว่านักสร้างการ์ดเป็น 1 ใน 10 อาชีพที่ดีที่สุดใน โลก!
ซึ่งตอนแรกลู่หมิงก็ไม่เข้าใจมันนักว่าทําไมถึงเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่านักสร้างการ์ดจะเป็นอาชีพที่พิเศษกว่าที่เขาจินตนาการไว้
เพราะความเจ๋งของมันคือมันไม่ได้เจาะจงฝึกฝนในเทคนิคสายใดสายหนึ่งจนเชี่ยวชาญ แต่กลับสามารถรวบรวมสกิลของอาชีพเทพๆ อันอื่นมาผนึกหรือสร้างเป็นเทคนิคที่สุดยอดยิ่งกว่าออกมา
บางที…
นี่ต่างหากที่เป็นความหมายของคําว่า “นักสร้างการ์ดที่แท้จริง!”
มันทําให้ลู่หมิงฝันหวานจนน้ําลายจะไหล
แน่นอน
ตอนนี้ลู่หมิงไม่ควรไปคิดถึงเรื่องในอนาคตเช่นนั้น
เพราะหลังจากที่เขาเรียนรู้วิธีการเข้ารหัส 2 ครั้งแล้ว ลู่หมิงก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์อีกต่อไป!
การเข้ารหัส D 1 ชั้นนั้นสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าเขาใช้การเข้ารหัส 2 ชั้นมันก็ควรจะอยู่ได้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง?
ในเวลา 2 วันก็เพียงพอให้เขาทําอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว!
ณ ตอนนี้
อาจถึงเวลาที่เขาจะสร้างการ์ดใบที่ 2 ออกมาให้โลกได้สัมผัสแล้ว!
และในครานี้ลู่หมิงก็คิดจะสร้างตัวให้ยิ่งใหญ่จากธุรกิจหนึ่งซึ่งยังไม่ได้รับความนิยมในโลกนี้ – การ์ดเกม
ทําไมถึงต้องเป็นการ์ดเกมน่ะหรือ?
อะฮ่า อย่าลืมสิว่าการสร้างการ์ดเกมพวกนี้ออกมาจนติดตลาดมักจะกําไรดีเสมอ หลังจากนั้นเขาก็จะนําเงินที่ได้มาไปใช้บ่มเพาะ เพื่อพัฒนาตนเอง
ถ้าอย่างนั้นเขาจะขายการ์ดเกมอะไรดี?
“อืมม ถ้าฉันจะขายอะไรสักอย่าง มันต้องเป็นอะไรที่ดึงดูดลูกค้าได้จํานวนมาก”
ลู่หมิงยังคงยึดมั่นในความคิดนี้
เพราะตอนที่เขาสร้างการ์ด Fruit Ninja ออกมา และทดลองวางขาย เขาก็พบว่าตลาดก็มีความต้องการสูงมากเนื่องจากมันเป็นของที่ทั้งแปลกใหม่และสร้างสรรค์ ซึ่งหลังจากที่ทุกคนคุ้นเคยกับมันแล้วมันก็จะไม่มีคุณค่าอีกต่อไป
เกมใหม่รอบนี้เป็นอะไรดีน้า…
” ขอคิดสักแป๊ปนึง…”
ลู่หมิงตัดสินใจท่องโลกอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าตั้งแต่เขา Open Source การ์ด Fruit Ninja ให้ทุกคนสามารถร่วมกันพัฒนาได้ก็มี Version ปรับปรุงและ Mod ถูกสร้าง ออกมามากมายราวกับมีระบบนิเวศ Developer อันสมบูรณ์แบบเกิดขึ้น!
แถมตอนเขาเสิร์ชข้อมูล เขายังได้พบกับการ์ดบ่มเพาะแปลก ๆ มากมายหลายประเภทอีกด้วย!
ตัวอย่างเช่น
Fruit Ninja – เวอร์ชั่นฉันรักสับปะรด!
โดยตอนเริ่มเกมทุกคนจะได้รับตะกร้าขนาดใหญ่ใบหนึ่งและคนๆนั้นจะต้องเก็บแค่เฉพาะสัปปะรดที่ร่วงลงมาห้ามเก็บผลไม้อื่นมิฉะนั้นจะถือว่าแพ้
หรือกระทั่ง Fruit Ninja – ฝนผลไม้!
ซึ่งเป็นเกมประเภทยิ่งที่คุณจะได้รับธนู และหลังจากฝนผลไม้นสุดลงมันจะรวบรวมจํานวนแต้มผลไม้ที่คุณทําลายได้ทําให้เหมาะอย่างยิ่งสําหรับการฝึกฝนความเร็วในการตอบส นองและสายตาของผู้ใช้
อ่า นอกจากนี้ ..
เฮ้ย! มันมีเกมสําหรับฝึกความแข็งแรงของเอว ความแข็งแรงของข้อมือ กล้ามเนื้อสะโพก และส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยเรอะ?
ดูเหมือนตอนนี้การ์ด Fruit Ninja จะกลายเป็นอุปกรณ์สําหรับฝึกฝนร่างกายในโลกนี้ไปซะแล้ว!
มันกลายเป็นดั่งเกมที่ตอบสนองได้ทุกความปรารถนาไปแล้ว!
“เชีย คนพวกนี้มันอัจฉริยะชัดๆ”
ลู่หมิงถอนหายใจลึก ๆ
ดูเหมือนว่าการสร้างเกมธรรมดาๆ เหมือนใน App Store จะทําไม่ได้อีกซะแล้ว
เว้นแต่ว่า….
จู่ๆ ลู่หมิงก็เริ่มนึกถึงเกมๆ หนึ่งในชาติที่แล้วของเขา และหันไปมองสกิลของสายอาชีพในหน้าจอคอมของเขา
Fish Leap – เทคนิคระดับ 1 สําหรับนักเวทย์พลังธาตุ
โดยพื้นฐานแล้วมันคือสกิลที่จะเสกปลาออกมาโจมตีใส่ศัตรูซึ่งมีความคล้ายคลึงกับสกิลกระทิงคลังของลู่หมิงเป็นอย่างมาก
โดยที่ความเสียหายที่ทําได้ของสกิลนี้มันต่ํามาก แต่มันมีจุดพิเศษคือมันเติบโตได้
สกิลเติบโตหมายความว่าอะไร?
สกิลที่เติบโตได้คือสกิลที่ความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับพลังงานที่ใช้ในการปลดปล่อย กล่าวคือยิ่งใส่พลังงานลงไปในสกิลมาก มันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามไป
นี่แหละคือความหมายของสกิลเติบโต!
การ์ดเช่นกระทิงคลั่งและ Fireball มีอัตราการใช้งานพลังงานคงที่ ทําให้โดยปกติแล้วความรุนแรงของมันจะเสมอต้นเสมอปลายเป็นอย่างมาก
ทําให้เมื่อบ่มเพาะไปถึงระดับที่ 2 ระดับที่ 3 แล้ว
ทักษะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กลายเป็นทักษะระดับต่ําที่ไม่ควรค่าแก่การใช้ศึกษาใช้งาน
แล้ว Fish Leap ล่ะ?
ตามทฤษฎีแล้วเทคนิคนี้จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตราบจนคนๆ
ตาย!
แน่นอน
นั่นเป็นเพียงในทางทฤษฎี
สุดท้ายแล้วอัตราความเสียหายที่เทคนิคนี้ทําได้นั้นต่ําเกินไปเมื่อเทียบกับการ์ดที่ใช้พลังงานในระดับเดียวกัน ดังนั้นในมุม มองของลู่หมิงมันแรงกว่าการโจมตีธรรมดาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังมี ประโยชน์อย่างมากสําหรับผู้บ่มเพาะระดับ 1 หรือ 2
ส่วนสําหรับระดับ 3 ขึ้นไป?
เทคนิคนี่ก็ไร้ประโยชน์แล้ว!
ดังนั้นคนที่เลือกฝึกสกิลนี้มักเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 1 หรือ 2 ที่มีทุนทรัพย์ค่อนข้างน้อยและขาดความทะเยอทะยาน
ซึ่งบังเอิญนักศึกษาในวิทยาลัยของลู่หมิงล้วนจัดอยู่ในประเภทนี้
“บางที่ฉันควรจ้างนักศึกษาบางคนเพื่อทําสถิติออกมาก่อน”
ลู่หมิงเกิดแนวคิดในใจของเขา
ถ้าเป็นเกมนี้
เยี่ยม มันอาจจะได้ผล
ไอเดียบรรเจิดกําลังเกิดขึ้นในหัวของลู่หมิง
ชาร์จ ปล่อยภาพลวงตา …
ลู่หมิงทบทวนความคิดของเขาอีก 1 ครั้ง และไม่พบปัญหาใดๆ ดังนั้นแม้ว่าความรุนแรงของสกิล Fish Leap นั้นจะต่ําไป เล็กน้อยแต่หากสามารถเสก .
มันจะเยี่ยมมากถ้าเขาสามารถเสกสิ่งมีชีวิตจําพวกปลาออกมาได้ทุกประเภท!
ลู่หมิงจมอยู่ในความคิดของตนอีกครั้ง
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเสกจาง
ถ้าเขาจะเสกใครสักคนออกมา เสี่ยวปังออกมาทํางานแล้ว
หลังจากคิดแล้วเขาก็โทรเรียกจางเสี่ยวปัง ขณะเดียวกันจางเสี่ยวบังก็รับสายทันทีทั้งๆ ที่เขาพึ่งกดโทรไปไม่ถึงวิด้วยซ้ํา
“ไอหมอนี่มันอ้จัดๆ เลยนี่หว่าไหนว่ากําลังฝึกอยู่ไง” ลู่หมิงคิด
ในใจ
“เฮ้ เสี่ยวปัง”
ลู่หมิงถามว่า “นายรู้จักใครที่สนใจปลาบ้างไหม”
“ต๊ะ สนใจปลาเนี่ยนะ?”
จางเสี่ยวปังถามอย่างงุนงง
คําถามพิลึกๆ นี่มันอะไรวะ?
“ใช่”
ลู่หมิงตอบด้วยความมั่นใจ
” ขอคิดก่อนนะ…”
“คนที่ทําตัวเป็นปลาไหลอย่างนาย ก็ให้นับเป็นสนใจด้วยนะ”
จางเสี่ยวปังพิมพ์ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ผมเหมือนปลาไหลตรงไหน ผมผอมกว่าตั้งเยอะ โอ๊ะ แต่เอาจริงๆ ผมรู้จักผู้ประกาศข่าวสาวคนหนึ่งที่สนใจพวกปลาไหลด้วยล่ะ”
ลู่หมิง: “…”