Divine Card Creator ตอนที่ 53 เข้าสู่ระดับ 2
“ดูเหมือนว่าพี่แมวจะไม่ชอบสไตล์นี้แฮะ”
ลู่หมิงทําได้เพียงยอมแพ้ไปก่อนเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้
เอิ่ม..ลืมมันไปซะ ปล่อยให้โชคชะตาจัดการไปละกัน
เขามองไปยังเสี่ยวไปที่กําลังสร้างการ์ดด้วยความทุ่มเทจากระยะไกล
เธอทําให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟลนกัน
เสี่ยวไปก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก จากทรงแล้วไม่นานเธอจะต้องพัฒนาไปเหนือกว่าความสามารถของเขาแน่ๆ และถ้าลู่หมิงยังนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ ไม่นานก็คงโดนสาวน้อยคนนี้แซงไปจริงๆ
สงสัยคงได้เวลาบ่มเพาะแล้ว!
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลู่หมิงก็ต้องเคร่งเครียดอีกครั้ง
เพราะสิ่งที่เขาควรจะทําในตอนนี้คืออัพระดับตัวเองให้เป็นผู้บ่มเพาะระดับ 21
จริงอยู่ว่าหากเทียบกับจางเสี่ยวป้งและผองเพื่อน ลู่หมิงแทบจะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนภายนอกล่ะ!?
เอาง่ายๆ ก็เทียบกับนักศึกษาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ หรือกระทั่งวิทยาลัยเอกะ!
ที่นั่นมีแต่เทพเซียนกลับชาติมาเกิดชัดๆ!
ฉะนั้นเขาจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น
แต่ประเด็นคือ..แล้วจะทํายังไงดี?
อืมม…ถ้าพิจารณาดูแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีตอนนี้ก็คือเงิน!
“ระดับพลังงานปัจจุบันของฉันอยู่ที่ 340 แต้ม”
ลู่หมิงตรวจสอบความสามารถในปัจจุบันของตน
จากทรัพยากรที่มีอยู่เวลาที่ลู่หมิงต้องใช้ในการพัฒนาเป็นระดับ 2 อย่างน้อยก็ 7 วัน
จากนั้นลู่หมิงก็ตรวจสอบเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของเขาอีกครั้ง
“อืม น่าจะพออยู่นะ”
และเนื่องจากลู่หมิงมีความเร็วในการบ่มเพาะเยี่ยงเต่า ฉะนั้นหนทางเดียวในเส้นทางการบ่มเพาะของเขาเลยเหลือแต่การผันเปลี่ยนมาเป็นผู้บ่มเพาะสายวาฬในชีวิตจริง
“เอาล่ะ เริ่มเลยละกัน”
ลู่หมิงลงมือทันที
ภายในวันเดียวกันนี้เอง ทรัพยากรจํานวนมากก็มาส่งถึงหน้าบ้านของเขา
ลู่หมิงกลับเข้าสู่โหมดระห่ำ ทันใดนั้นระดับพลังงานของเขาก็เริ่มทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
400 แต้ม!
500 แต้ม!
600 แต้ม!
นับเป็นความเร็วอันน่าทึ่ง!
ระดับพลังงานของลู่หมิงเพิ่มขึ้นเป็น 990 แต้มภายในเวลาแค่ 7 วัน แต่หลังจากมาถึงจุดนี้ จู่ๆ ระดับพลังงานก็เพิ่มขึ้นไม่ได้อีกราวกับจะล้นทะลักออกมาทุกเมื่อ
แสดงว่าเขามาถึงคอขวดแล้ว!
วิธีที่จะบุกทะลวงผ่าคอขวดนั้นง่ายมาก – บุกทะลวงด้วยกําลัง!
ความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะระดับ 1 และ 2 นั้นมีเพียงแค่ขีดจํากัดสูงสุดของระดับพลังงาน ส่วนในแง่คุณภาพของพลังงานนั้นก็เหมือนๆกัน
ฉะนั้นอย่างน้อยตอนนี้ลู่หมิงก็ยังไม่ต้องมาควบรวมพลังงานให้บริสุทธิ์เหมือนพระเอกในนิยายจีนเรื่องอื่นๆ เพื่อบรรลุระดับ!
จากเหตุดังกล่าวการทะลุฝาคอขวดรอบนี้จึงง่ายมากๆ
มันเปรียบเป็นดั่งชั้นของฟิล์มบางๆ ที่พร้อมจะหลุดไปเมื่อถูกสะกิด
ปังง!
ลู่หมิงประสบความสําเร็จหลังจากพยายามไปเพียง 3 ครั้ง
ระดับพลังงาน 1000 แต้ม!
“สําเร็จ!”
ลู่หมิงตื่นเต้นมาก
หลังจากตัดผ่านมาได้ เขารู้สึกราวกับว่าความจุพลังงานในร่างกายของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นมาก พลังงานที่ล้นออกมาเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกินพื้นที่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักสร้างการ์ดระดับ 2 แล้ว!”
ลู่หมิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
การเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 2 นั้นนับว่ามีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นมากมาย
ตัวอย่างคือ ในวิทยาลัยของลู่หมิง หากมีใครไปถึงระดับ 2 แล้ว ก็สามารถจบการศึกษาแล้วออกไปใช้ชีวิตที่เหลือตามใจได้ทันที
แน่นอนว่าสําหรับลู่หมิง การบ่มเพาะระดับ 2 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
โดยทั่วไปผู้บ่มเพาะระดับ 1 ในสายตาของผู้บ่มเพาะก็แทบไม่ต่างจากตัวประกอบ หรือกีกี้ในไอมดแดง
ส่วนระดับ 2 จึงเริ่มเป็นผู้บ่มเพาะตัวจริงขึ้นมาหน่อย เพราะเริ่มมีการวางรากฐานกักเก็บพลังงานอย่างจริงๆ จังๆ
ในขณะที่ระดับ 3 นับว่าเป็นการเข้าสู่ความแข็งแกร่งของเส้นทางการบ่มเพาะอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้บ่มเพาะในระดับนี้สามารถแปรรูปพลังงานออกมาเป็นความสามารถได้หลากหลายรูปแบบ
“ระดับ 3.”
ลู่หมิงครุ่นคิด
“เหอะๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพูดว่าระดับ 2 คือระดับที่พัฒนารากฐานด้านพลังงาน เพราะหากจะพัฒนาไปเป็นระดับ 3 มันต้องใช้ระดับพลังงานถึง 1 หมื่นแต้ม
นับเป็น 10 เท่าจากระดับพลังงานของลู่หมิงในตอนนี้
ลู่หมิงเริ่มอยากจะรู้แล้วว่าจะไปถึงขั้นนั้นเขาต้องทรัพยากรมากมายขนาดไหนกัน?
ลู่หมิงเริ่มทําการคาดการณ์มันออกมาเป็นมูลค่าทั้งหมดที่เขาต้องวาฬ
เขาใช้เงินไป 1 แสนหยวนในการบ่มเพาะแต่ละวัน ได้พลังงานเพิ่ม 100 แต้มต่อวัน ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเขาจะต้องใช้เงิน 1 พันหยวนเพื่อเพิ่มระดับพลังงาน 1 จุด
แปลว่าถ้าเขาอยากเพิ่มพลังงานให้ถึงหมื่นแต้ม …
ลู่หมิงคํานวณออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ตัวเลขมันถึงกับทําให้เขาหน้าชา 10 ล้าน! ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ มันต้องใช้เงินทั้งหมดถึง 10 ล้านเพื่อบ่มเพาะให้ถึงระดับ 3!
มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากสําหรับเด็กในวัยเท่านี้
จะให้ไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้ยังไง ขายตูดเรอะ?
แต่หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะผลตอบแทนจากการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นก็ย่อมคุ้มค่า
เพราะโดยทั่วไปแล้ว แม้แต่อาจารย์ก็มีเกณฑ์ขั้นต่ําอยู่ที่ระดับ 3
แต่เมื่อเทียบกับวิทยาลัยดังๆแล้ว ระดับ 3 เป็นแค่เกณฑ์ขั้นต่ําในการจบการศึกษาของนักศึกษาปีศาจเหล่านั้น!
หากจะพูดกันตรงๆ ก็แทบจะนับได้ว่า ผู้บ่มเพาะระดับ 3 เป็นกระดูกสันหลังของโลกใบนี้ พวกเขาต่างก็กระจายตัวกันไปในแต่ละสายอาชีพเพื่อรับผิดชอบหน้าที่แตกต่างกันออกไป
บางคนถึงกระทั่งตั้งเป้าหมายว่าในชีวิตนี้ขอแค่ไปถึงการบ่มเพาะระดับ 3 ได้ ตรูก็ตายตาหลับแล้ว อะไรทํานองนั้น
ส่วนถ้าลู่หมิงอยากจะบรรลุถึงระดับนั้น?
เขาย่อมต้องจ่ายเงินเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง!
แน่นอนว่านอกเหนือจากการจ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพยากรแล้วยังมีทางลัดอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น
ออกไปผจญภัยหรือเข้าร่วมการต่อสู้
สํารวจซากปรักหักพัง!
ออกสํารวจอาณาเขตเร้นลับ!
เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสายบู๊มักจะทํากัน
แต่ลู่หมิงปฏิเสธความคิดนั้นทันที เนื่องจากมันอันตรายเกินไปสําหรับเขาที่เป็นนักสร้างการ์ด! คงไม่มีนักสร้างการ์ดระดับ 2 คนไหนออกไปสู้ทุกวันอย่างกับแรมโบ้หรอก!
“ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปละกัน”
ลู่หมิงตัดสินใจที่จะพัฒนาไปอย่างสบายๆ
ระดับ 3 เป็นเรื่องของอนาคต ดังนั้นกังวลไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“จริงสิ บางทีมันน่าจะยังมีช่องว่างให้ทําเงินจาก Leviathan เหลืออยู่อีกนิดหน่อย
ถ้าเป็นนักสร้างการ์ดคนอื่นๆที่ต้องเสียเงินซื้อแปลนการออกแบบ ย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่าลู่หมิงที่ลงมือทําด้วยตนเอง
ลู่หมิงคํานวณในใจสักพัก
จากนั้นจึงสรุปว่าตอนนี้ “Leviathan” น่าจะยังพอทํากําไรได้ระดับนึง ดังนั้นเขาจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการ์ดเพื่อหาเงินไปก่อน
ด้วยวิธีนี้ลู่หมิงทั้งได้เงิน ทั้งไม่เสียเวลาบ่มเพาะไปเปล่าๆ นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวชัดๆ
และอย่าลืมว่าความต่างของนักสร้างการ์ดระดับ 1 กับ 2 นั้นมีมากมาย
ทั้งมีพลังงานมากขึ้น
ฟื้นตัวเร็วขึ้น
แถมยังมีการ์ดที่ใช้งานได้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก!
ก่อนหน้านี้เนื่องจากระดับพลังงานอันจํากัดของลู่หมิง เขาจึงสามารถใช้ได้แค่เฉพาะการ์ดระดับต่ําเท่านั้น
แต่ตอนนี้ระดับพลังงานของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 แล้วฉะนั้นมันน่าจะจะมีอะไรดีๆ ให้เขาได้ใช้เพิ่มขึ้น
แถมนี่ยังเป็นประเด็นสําคัญอีกด้วย
เพราะมันหมายความว่าเขาจะมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคสร้างการ์ดใหม่ๆได้มากขึ้นไปอีก
“ถ้าฉันมีเทคนิคที่ดีกว่านี้ ”
ไม่แน่ว่าฉันอาจจะสร้างการ์ดดีๆได้มากกว่านี้?
ใช่
ตอนนี้เขาไม่มีการ์ดที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะของตนอีกต่อไปแล้ว ทั้งวงล้อมกระทิงคลั่ง การ์ดทําลายล้าง และอื่นๆ ต่างก็ให้พลังงานไม่คุ้มเวลาที่เสียไป
แถมก่อนหน้านี้ เจ็ดวันที่ผ่านมาลู่หมิงก็สร้างแต่การ์ดทําลายล้าง ตอนนี้เขาจึงมีมันอยู่มากมายจนล้นห้อง!
หากเขาเอาไปขาย แต่ละใบนั้นมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3500 หยวน!
ราคาสูงกว่าการ์ด “Leviathan” อยู่หลายเท่า!
แต่ประเด็นคือ ..
ใครจะยอมซื้อมันไปวะ!?
การ์ดประเภทนี้จะขายให้ใครได้บ้าง?
คนงานเหมือง? หรือบริษัทรับเหมาก่อสร้างเรอะ?!
แม้ว่าเอฟเฟกต์ของมันจะยอดเยี่ยม แต่ราคา 3500 หยวนนี่ก็แพงไม่ใช่เล่น ดังนั้นคงยากที่จะมีคนซื้อมันเอาไปทําอะไรเทือกๆนั้น
ใช้เงินไปจ้างรถแบคโฮ หรือเครื่องจักรขุดเจาะอะไรสักอย่าง ยังน่าจะคุ้มกว่าอีก
ดังนั้นเป้าหมายหลักของลู่หมิงคือต่อไปเขาจะบ่มเพาะด้วยการ์ดที่ขายได้ราคาเท่านั้น
ถ้าต่อไปเขาทั้งบ่มเพาะและขายการ์ดที่บ่มเพาะออกไปได้ นี่แทบจะเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และลู่หมิงคงจะไม่ต้องติดปัญหาขาดเงินอีกต่อไป
หลังจากคิดไปสักพัก ลู่หมิงก็หันไปมองที่การ์ดทําลายล้าง
เอามันไปทําอะไรดี?
บางที
เอามาผสมอีกครั้งดีมะ?
ลู่หมิงเลิกคิ้ว
ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าทดสอบเพราะกลัวว่ามันจะใช้พลังงานสูงเกินไป!
ก่อนหน้านี้ลู่หมิงไม่ได้ลองมันเนื่องจากเขาเสียดายทรัพยากร เพราะแค่การ์ดทําลายล้างยังไม่มีใครอยากได้เลย เอามันมาผสมกันแล้วจะมีอะไรดีอีกหรอ แต่จากของเหลือตอนนี้ บางที…..
“ลองดูดีกว่า…”
ลู่หมิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
เขาไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยังไงเขาก็มีการ์ดทําลายล้างอยู่ในห้องนี้ตั้ง 200 กว่าใบ!
“เอาละนะ”
ลู่หมิงเริ่มผสมมันเข้าด้วยกัน
การ์ดใบแรกเรียบร้อย!
การ์ดใบที่ 2
เยี่ยม
ลายเส้นเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นแล้ว
ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบที่ 5
ลู่หมิงเฝ้ามองลายเส้นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นจากประสบการณ์ของเขาแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดก็ต่อเมื่อใส่การ์ดใบที่ 7 ลงไปเท่านั้น!
ใบที่ 6 และใบที่ 7
รูซซ –
แสงไฟพลุ่งพล่าน
ลายเส้นกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การ์ดใหม่กําลังจะปรากฏขึ้น
“มาแล้ว!”
ลู่หมิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขารวมการ์ดทําลายล้างเจ็ดใบเข้าด้วยกันนะ?
จากประสบการณ์คราวที่แล้ว สิ่งแรกที่ลู่หมิงทําคือพลิกหน้าการ์ดมาดูภาพหน้าการ์ดก่อน
ทันทีที่เห็นมัน ลู่หมิงก็เหมือนกินหญ้าอีกครา
นี่มันบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!