นิยาย Divine Card Creator ตอนที่ 59 รอยยิ้มของเธอช่างไม่เหมือนใคร
“12 คน
“ระดับหนึ่ง 5 คน ระดับสอง 6 คนระดับสาม 1 คน!”
ลู่หมิงพิจารณาหลังจากซุ่มสังเกตอยู่สักพัก
หลังจากกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสองแล้วความสามารถในการรับรู้ของลู่หมิงก็พัฒนาขึ้นอย่างมากดังนั้นแล้วเขาจึงสามารถตรวจสอบระดับพลังของคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
“อ่า ระดับสาม…คงวุ่นวายน่าดู”ลู่หมิงขมวดคิ้ว
บุกเข้าไปอย่างนี้คงลําบากแน่ๆ ..
หลังจากเผชิญหน้ากับฟูหงหมิงไปลู่หมิงก็ได้สัมผัสกับความน่ากลัวของผู้บ่มเพาะระดับ 3 ที่โตมาจากเส้นทางสีเทาด้วยตนเองแล้ว
ด้วยความสามารถแบบนั้นลู่หมิงจึงต้องระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเดิม
“ถอยก่อนดีกว่า”
ลู่หมิงจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อออกมาจากอาคารร้าง ลู่หมิงก็ค่อยๆหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคันพบ
แต่เหมือนว่าเขาจะหวาดระแวงเกินไปเอง…
“ๆ ทั้งสองกลุ่มกําลังจะสู้กันอีกแล้ว”
“แก๊งฉลามกับนิกายตัวตลก?”
“ใช่ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะมีปัญหาภายในกัน”
“เดือนที่แล้วทั้ง 2 กลุ่มต่างเอาหมามาขี้ใส่กําแพงกันทําเอาเหม็นไปทั้งถนนเลยใครจะไปคิดว่ามันจะถูกทําลายไปซะแล้วฮ่า ๆ”
“จุ๊ๆ ฉันได้ยินมาว่าทั้งหมดเป็นเพราะสาวน้อยในการ์ดใบนั้น…ฮ่าฮ่าบอกเลยว่าทุกครั้งที่ฉันดูรูปนั้นทีไรมันทําให้หงีขึ้นมาได้จริงๆ”
ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างพากันซุบซิบอย่างสนุกสนาน
คิดว่าเมืองเก่าคล้ายสลัมเช่นนี้จะเป็นสถานที่ธรรมดาๆงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
นอกจากลูกค้าที่ติดใจบริการของสถานที่อโคจรเช่นนี้แล้วที่เหลือส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่อายุปาไปเกือบร้อยทั้งนั้นเหอะๆ
หลังจากฟังจิ้งจอกเฒ่าเหล่านั้นพูดคุยกันอย่างสนุกปากแล้วลู่หมิงก็ได้แต่ระงับความอยากก่อเหตุฆาตกรรมไว้ในใจ
รวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้น!
ขั้นตอนแรกของการสอบสวนเป็นไปอย่างราบรื่น
เยี่ยม…
ต่อไปคือวิธีจัดการกับเรื่องนี้
โทรแจ้งตํารวจ?
ไร้ประโยชน์!
สถานที่แบบนี้มักจะเต็มไปด้วยเส้นสายที่ผัวผันกันจนวุ่นวายทําให้แม้แต่ตํารวจก็ไม่กล้ามาที่นี่บ่อยๆ
อืม…คงเทียบได้กับคริสตัลผับสินะ
นอกจากที่นี่จะเต็มไปด้วยอาชญากรรายใหญ่แล้วก็ยังมีอดีตนักโทษคดีร้ายแรงกลุ่มใหญ่อีกต่างหาก
ฉะนั้นถ้าหวังจะสอบสวนด้วยวิธีปกติต่อให้รอไปทั้งชาติก็ไม่ได้คําตอบหรอก
สุดท้ายแล้วการขอให้ตํารวจมาสอบสวนที่นี่จึงเป็นเรื่องที่ยากสุดๆ!
ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองชิงหมิงอยู่เสมอ…
ว่ามันคือเมืองเก่าแห่งการฆาตกรรมและการลอบวางเพลิง!
ที่นี่มีคดีเกิดขึ้นทุกวันจนแทบจะสรุปได้ว่าไม่มีวันหยุด
วันไหนสงบนยิ่งนับว่าน่ากลัวกว่าเดิมราวกับพายุกําลังก่อตัวด้วยซ้ํา!
นอกจากนี้ …
สาเหตุหลักที่ลู่หมิงอยากขอให้ตํารวจสอบสวนคือคดีรูปนัดหลุดซึ่ง … อ่าคงเข้าใจกันแหล่ะ
“กลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า”
ลู่หมิงตัดสินใจ
เมื่อกลับมาที่ร้าน ลู่หมิงก็ตรวจสอบหน้าตาของผู้ต้องสงสัย ซึ่งมักจะเป็นคนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ทั้งนั้น
ฟานเอ๋อหยาน เคยเป็นพนักงานของบริษัทเงินกู้แอปเปิ้ล บริษัทเงินกู้กล้วยบริษัทเงินกู้แตงกวาและบริษัทเงินกู้ทุเรียน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมเช่นการฉ้อโกงการลักพาตัวและการทําร้ายร่างกายโดยเจตนาจนทําให้มีผู้เสียชีวิต
“หืมม..ฆ่าคนตาย?”
ลู่หมิงหลับตาลง
คนที่ใช้รูปนัดเป็นหลักประกันแบบนั้นโหดร้ายกันขนาดนี้แล้ว?
ลู่หมิงค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตต่อก่อนจะพบพนักงานอีก 2-3 คน จากบริษัทเงินกู้ที่ถูกจับได้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะถูกปล่อยตัวหลังจากถูกจําคุกเป็นเวลาหนึ่งเดือน
น่าจะเป็นคนนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายคนนี้อยากจะหนี!
ลู่หมิงเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
หมอนี่เป็นคนประเภทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัทเงินกู้
ทั้งหลอกลวง และลักพาตัว …
โดยส่วนมากมักจะเล็งไปยังเหยื่อที่เป็นลูกค้าของบริษัทเงินกู้ก่อน
ผลกําไรของบริษัทเงินกู้ส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างสูงแต่สุดท้ายแล้วพนักงานก็ไม่ ได้ส่วนแบ่งอะไรมากนักฉะนั้นเลยมีกรณีที่พนักงานแอบลักเล็กขโมยน้อยหรือฉ้อโก่งบริษัทอยู่บ่อยครั้ง
และหลังจากหลบหนีตํารวจอยู่สักพักชายคนนั้นก็ขอทํางานแลกกับการคุ้มครองของกลุ่มทั้ง 2 ก่อนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่โตที่ลู่หมิงตามล้างตามเช็ดในปัจจุบัน
คราวนี้ลู่หมิงถูกดึงเข้ามายุ่มย่ามกับอาชญากรรมที่ยุ่งเหยิงแบบนี้ซะแล้ว!
ทําฉันวุ่นวายเพราะรูปโง่ๆ นั่นใบเดียวแท้ๆ!
ถ้าเจอหน้าพ่อจะอัดให้เละเลย!
แต่ว่า…
ลู่หมิงตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
วัตถุประสงค์หลักของเขาตอนนี้คือการตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพ และ เมื่อสรุปได้ว่าภาพนี้ถูกแอบถ่ายโดยฟานเอ่อหยานแถมยังมีแค่ภาพถ่ายมัวๆเพียงใบเดียวลู่หมิงเลยตัดสินใจที่จะช่างหัวมัน
เพราะแม้แต่จางเสี่ยวปังยังจําเขาไม่ได้เลยแล้วคนอื่นจะจําเขาได้ยังไง?
ดีมาก…แผนนี้ถือว่าได้อยู่แหล่ะ
อ่า…เสียวไปนับเป็นข้อยกเว้นไปละกัน
แต่ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของลู่หมิงก็ดังขึ้นเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักโทรมาอีกครั้งลู่หมิงจึงลองรับสายดู
“สวัสดีคุณคือลู่หมินรึเปล่า?”
ลู่หมิงเอ๋อไปชั่วขณะณะลู่หมิน?
ชื่อนี้..
ผู้หญิง?
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะหมายเลขติดต่อที่ลู่หมิงน้อยให้กับบริษัทเงินกู้ในเวลานั้น?แล้วฟ่านเอ่อหยานยังคงมีข้อมูลติดต่อและชื่อปลอมของเขาในเวลานั้นเลยติดต่อมา?
ลู่หมิงหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ
“ผมชื่อฟานเอ่อหยาน ผมมาจากบริษัทเงินกู้ทุเรียน”
ฟานเอ่อหยานยิ้ม “มีลูกชายของเศรษฐีคนนึงสนใจคุณมาก เขายินดีจ่ายเงินมหาศาลเพื่อมาพบคุณคุณคิดว่าไง?”
ลู่หมิงชะงักเล็กน้อย นี่คือกลยุทธ์แบบไหนกัน?
“คุณชายคนนี้ชอบคุณมาก”
ฟานเอ่อหยานยิ้มและพูดต่อว่า “บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้คือหลังจากที่เขาได้ทดลองใช้สินค้าพิเศษที่มาจากคุณแล้วเขาก็ติดใจมากถ้าคุณตกลงแล้วทําให้เขาประทับใจได้คุณก็น่าจะรวยเละเลย”
“ผมไม่ได้พูดเล่นนะ”
ฟานเอ่อหยานกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดดังนั้นเขาจึงอดทนและซื้อต่ออย่างไม่เลิกราราวกับเซลล์ขายของ“พวกเราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตคุณและคุณชายท่านนี้ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองชิงหมิงดูสิคุณไม่อยากจะออกจากเมืองชิงหมิงหรอ? เราบ่มเพาะมาตั้งนานไม่เห็นมีประ โยชน์อะไรเลย สู้ไปทําธุรกิจแบบนั้นที่เติบโตแบบ 100% 200% หรือ 300% ยังดีซะกว่าอีก!”
“คุณมั่นใจได้เลยว่าครั้งแรกเป็นเพียงการพบปะสังสรรค์และเอนเตอร์เทนไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นอน”
“คุณคิดว่าไง?” ฟานเอ๋อหยานถามปีงง
ลู่หมิงวางสายโทรศัพท์อย่างรุนแรง
ไม่ถึง 3 วิ ต่อมา
ข้อความก็เด้งขึ้นในกล่องจดหมายของเขา- ฟานเอ่อหยาน “เธอกล้าวางสายกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?”
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าไม่ยุ่ง คงไม่ได้แล้ว…” ลู่หมิงถอนหายใจ
หลังจากคิดสักพัก ลู่หมิงก็เมลกลับไปว่า“พอดีฉันอยู่ในบ้านเลยไม่สะดวกคุยเท่าไหร่แถมยังมีเรียนทําให้จะว่างอีกที่ประมาณวันเสาร์
“อ่า วันเสาร์ก็ได้ นี่คือที่อยู่นะหวังว่าจะไม่เล่นตลกอะไรละกัน ฮ่าๆ’ ฟานเอ่อ หยานตอบกลับด้วยความพึงพอใจ
แต่ด้วยความที่ย่านเมืองเก่าเป็นสวรรค์ของอาชญากรจํานวนมากต่อให้ลู่หมิงแจ้งความจริงๆยังไงก็รอดไปแบบหมูๆ อยู่แล้ว
“ชักจะน่าสนใจแล้วสิ”
ลู่หมิงมองไปที่วันที่
วันนี้คือวันจันทร์ ยังมีเวลาอีก 5 วันกว่าจะถึงวันเสาร์เวลาประมาณนี้ถือว่า เหมาะสมกับการเตรียมตัวและไม่น่าสงสัยจนเกินไปแต่ถ้าเขาจะเลื่อนออกไปอีกฟานเอ่อหยานคงต้องสงสัยเขาแน่ ๆ
“5 วันก็น่าจะเกินพอแล้ว”
สายตาของลู่หมิงเย็นยะเยือก
ดูเหมือนจะมีคนอยากตายอยู่เต็มไปหมดเลยแฮะหึๆ
ในขณะเดียวกันนี้…
ในย่านเมืองเก่า
ข้างในวิลล่าที่กําแพงพังยับเยิน ฟานเอ่อหยานและผู้นําของพี่หลามกําลังให้ความบันเทิงกับชายหนุ่มที่ค่อนข้างหน้าตาดี
“พี่หวัง”
“สรุปแล้วเธอจะมาวันเสาร์หลังเลิกเรียนนะคับ
“เป็นอย่างนั้นหรือ?” ชายคนนั้นถาม
ฟ้านเอ๋อหยานพยักหน้าและโค้งคํานับ
หวังซวนพอใจมาก กระนั้นเขาก็กังวลเล็กน้อย“ผู้หญิงคนนั้น…”
“ไม่ต้องกังวลไปคับ”
ฟานเอ๋อหยานกล่าวด้วยเสียงต่ํา “ผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่เราแค่ยืมหน้าเธอมาทําธุรกิจส่วนที่เหลือถูกประดิษฐ์ขึ้นจากภาพลวงตาของเราคับพี่”
“พวกนายไม่ได้แตะต้องเธอใช่ไหม?”
หวังซวนเหลือบมองเขา
“ผมจะทําได้ยังไง”
ฟ่านเอ่อหยานรู้สึกขบขัน “เธอเป็นผู้หญิงของพี่ใครจะกล้าคุกคามเธอกัน”
“ดีมาก” หวังซวนพึงพอใจ
บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนโดดเด่นขนาดนี้มาก่อน
มันคือเรื่องจริง แม้เขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ธรรมดาและมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนรายล้อมเขา
แต่เมื่อมองเธอไปแวบเดียวแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่รูปถ่ายแต่รอยยิ้มของเธอก็สามารถทําให้หัวใจของเขาปั่นป่วนได้เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน …
สงสาร?
เห็นอกเห็นใจ?
รักแรกพบ?
เขาไม่รู้เลย
ดังนั้นทางเดียวคือลองพบผู้หญิงคนนั้นดูสักครั้ง
ด้วยความบังเอิญคราวนี้ เขาประสบปัญหาใหญ่บางอย่างและต้องหลบภัยมาเขาจึงตัดสินใจจะมาที่นี่โดยตรงเพื่อพบเธอ
“โอ้ แล้วการ์ดภาพลวงตาพวกนั้นก็…”
หวังซวนสั่ง “เรียกคืนมาให้หมด ฉันไม่อยากให้ใครเห็นเธอในสภาพนั้นอีก”
“มั่นใจได้เลยคับพี่”
ฟานเอ๋อหยานยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้เราหยุดการขายไปแล้วตอนนี้แก๊งฉลามทั้งหมดของเราให้บริการพี่หวังคนเดียวเท่านั้นเรารับรองว่าพี่จะต้องพึ่งพอใจแน่”
“ไม่เลว ไม่เลว”
หวังซวนรู้สึกสบายตัวสบายใจ “ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยพวกนายทุกคนจะมีชีวิตที่ดีแน่นอน”
“บริการขนาดนี้แล้วถ้าชีวิตไม่ดีขึ้นพวกตรูจะทําไปทําไม?” ฟ่านเอ่อหยานแอบด่าในใจ
อย่างไรก็ตาม…เด็กนี่คือลูกชายของท่านผู้นั้น
หลังจากพวกเขาจากไป หวังซวนก็หยิบการ์ดใบเล็กที่เขาใช้จนน้ําแห้งออกมาอีกครั้ง
ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และเย้ายวนหลังจากมองดูแล้ว หวังซวนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัวเขามั่นใจ …
เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้จากผู้หญิงคนอื่นๆมาก่อนเลย
มันไม่เหมือนใครจริงๆ
บางที…
ความงามอาจจะขึ้นอยู่กับคนที่มอง?
หวังซวนนั่งยิ้มคนเดียวราวกับคนบ้า
หรือบางที…
นี่คือรสชาติของความรัก?