Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 12 พลาดแล้วค่ะ รีเทิร์น

  ขณะที่นำผู้ติดตามมาด้วย ฉันก็ออกมาถึงด้านนอก และรถม้าหรูหราก็มาจอดอยู่บริเวณหน้าประตูคฤหาสน์ ภายในนั้นมีสาวน้อยที่ไม่ใช่ผู้ติดตาม ได้ออกมาก่อน พอได้เห็นเธอฉันก็ถูกดึงดูดสายตาไป

(ผ ผมม้วน! ผมทองม้วนล่ะะะะะ!)

  ใช่แล้ว สาวน้อยที่ออกมานั้นลักษณ์การแต่งตัวนั้นมีสีซีดเป็นพื้นฐานลูกไม้ประดับสีดำเข้ากับชุดเดรสที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่ และที่เด้งดึ๋งๆขนาบใบหน้าก็คือผมทองม้วนสองข้างที่ราวกับไหมสีทองกำลังพริ้วไสวตามลม

ทุตเต้ : […อะแฮ่ม…]

  ขณะที่ตัวฉันกำลังแข็งทื่ออยู่เพราะมัวแต่กำลังเพ้อที่ได้เจอของจริง ทุตเต้ที่อยู่ข้างหลังก็กระแอมไอเบาๆครั้งนึง
เพราะแบบนั้นฉันจึงได้สติกลับคืนมา พอลงจากรถม้ามาก็มองมาทางนี้และคุณหนูผมทองม้วนก็ยกกระโปรงขึ้น เพื่อทักทายตามมารยาทเล็กน้อย

ซาฮะ : [นั่นแหละ มากิลูก้า]

  ซาฮะเข้ามากระซิบใกล้ๆเพื่อเป็นการบอกเอาไว้ก่อน

(ว่าไงนะ บุตรีขุนนางที่ลือกันคือเด็กผมทองม้วนคนนี้หรอ!)

  ต่อมา ภายในรถม้าที่กำลังเสยผมสีทองอย่างงดงามอยู่ และหนุ่มน้อยก็ปรากฏตัวออกมา หรือก็คือคนที่ทำให้ฉันกำลังปวดหัวอยู่ตอนนี้ องค์ชายลำดับที่หนึ่ง แห่งอาณาจักรอัลเดีย ฝ่าบาทเรย์ฟอสนั่นเอง ฉัน แสดงความเคารพเป็นคนแรกก่อน ต่อมาคนที่อยู่ข้างหลังก็ทำความเคารพตาม

(ฉันเองก็เติบโตขึ้นมากเหมือนกันนะ! ไม่ประหม่าหรอกน่า และต้องพูดต้อนรับในฐานะของบุตรีดยุคแห่งตระกูลเรกาเลีย)

แมรี่ : [ย ยินดีต้อนรับสู่ ตระกูลเรกาเลียค่ะ ฝ่าบาท ไม่เห็นจำเป็นต้องกรุณามาเยือนด้วยตัวเองเลยค่ะ ขอแค่ท่านเชิญมา…ด ดิฉันก็จะไปหาเจ้าค่ะ]

(ไม่ไหวอ่าาาาาาาา! ก็ยังประหม่าจน พูดตะกุกตะกักอยู่ดี! ฉันเนี่ยเป็นประเภทที่เจอของจริงก็เหลวไม่เป็นท่าสินะ)

  ฉันที่เริ่มอายจึงก้มหน้าลง และคนที่มองดูฉันราวกับเห็นสิ่งน่ารักก็คือองค์ชายที่หรี่ตาลง พร้อมกับสร้างรอยยิ้มขึ้นมา

เรย์ฟอส : [ไม่หรอก เพราะนี่เป็นการพูดเอาแต่ใจของผมเองครับ ไม่ทราบว่าเป็นการรบกวนหรือป่าว]
แมรี่ : [ไม่ได้…..เป็นการรบกวนอะไรเลยเจ้าค่ะ เพียงแต่ เพราะว่าเป็นเรืองกระทันหันเกินไปหน่อยทำให้รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเตรียมการต้อนรับที่ดีกว่านี้ได้เจ้าค่ะ ถ้าเกิดว่าทำการติดต่อมาเร็วกว่านี้อีกหน่อยล่ะก็จะดีมากเลยเจ้าค่ะ]
เรย์ฟอส : [ไม่ใช่เรืองที่ต้องใส่ใจขนาดนั้นก็ได้ครับ]

  คนอุตส่าห์พูดเป็นการตอกย้ำแบบเนียนๆ แต่กลับทำเป็นยิ้มหน้าบานและเมินไปซะงั้น

(หรือว่าองค์ชายเป็นประเภท KY* งั้นหรอ! องค์ชาย KY* งั้นหรอ!)

แมรี่ : [จะยืนคุยกันก็กะไรอยู่ ขอเชิญ ทางนี้ดีกว่าค่ะ]

  ฉันที่ทนกับบรรยากาศตึงเครียดไม่ไหว ก็เลยฝากให้เหล่าเมดที่ยืนรออยู่ข้างหลัง นำทางองค์ชายแทน องค์ชายถูกพามาที่ห้องรับแขกที่หรูหราที่สุดภายในคฤหาสน์ ฉันรอจังหวะที่เขานั่งลงบนโซฟา และฉันคอยนั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม
จะว่าไปแล้ว ซาฮะนั้นคอยยืนอยู่ข้างหลังโซฟาทั้งอย่างนั้น

(เอ๊ะ? มีฉันคนเดียวเองหรอ! ลงมานั่งด้วยกันสิ!)

  อย่างกับว่าความรู้สึกของฉันโดนหักหลังเลยฉันที่คิดแบบนั้นจึงหันไปมองข้างหลัง และดูเหมือนว่าจะรู้สึกได้องค์ชายก็เลยมองซาฮะเช่นกัน

เรย์ฟอส : [จะว่าไป ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยู่ที่คฤหาสน์นี้ด้วยตกใจหมดเลย ซาฮะ]
ซาฮะ : [ขออภัยด้วยขอรับ ฝ่าบาท เพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้น และคิดว่าอยากจะทักทาย ก็เลยขอเข้าร่วมด้วยขอรับ]

  ซาฮะที่ตอบแบบสุภาพจนอดคิดไม่ได้ว่านี่มันไม่ใช่ตัวหมอนี่ตามปกติ ฉันที่กำลังตกใจ ก็มองไปทางองค์ชาย

แมรี่ : [ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหรือเจ้าคะ?]
เรย์ฟอส์ : [อา ผมเองก็ได้ท่านเคลาส์มาสอนวิชาดาบให้ แล้วก็ ในอนาคตเขาอาจจะได้เป็นหัวหน้าอัศวินแห่งราชวังที่คอยรับใช้ผม ก็เลยต้องรีบทำอะไรร่วมกันด้วย….พักนี้ ก็คิดอยู่หรอกว่าไม่เห็นหน้าเลยแต่กลับมาอยู่ที่นี่นี่เอง]
ซาฮะ : [ต้องขอประทานอภัยด้วยขอรับ ด้วยคำสั่งของท่านพ่อ ที่ให้มาเป็นคู่ฝึกซ้อมกับท่านแมรี่ที่นี่ขอรับ]
เรย์ฟอส : [เห~~ คู่ซ้อมให้เธอ…]

  พอได้ฟังการพูดคุยกันของทั้งสองคนแล้ว ทำไมฉันต้องกระวนกระวายด้วยล่ะ และก็เผลอมององค์ชายกับซาฮะสลับกัน

แมรี่ : [อ เอ่อ..คือว่า…จะว่าไป ฝ่าบาทมีธุระอะไรกับที่นี่หรอเจ้าคะ? เพราะว่าไม่ได้มีการส่งจดหมายแจ้งรายละเอียดล่วงหน้ามาก่อนน่ะเจ้าค่ะ…]

  ฉันรีบเปรียนหัวข้อสนทนา และถึงถามธุระขององค์ชาย

เรย์ฟอส : [นั่นสินะ ฮึฮึ ก็ไม่ใช่ว่ามีธุระอะไรหรอกนะ ผมอยากจะพบกับเธอ…มีเพียงแค่นั้นเอง]
แมรี่ : [ดิฉัน…หรือเจ้าคะ…]
เรย์ฟอส : [อา เห็นท่านเรกาเลียอวดภูมิใจในความน่ารักของลูกสาวทุกวันๆ ก็เลยรู้สึกสนใจมาตั้งนานแล้วน่ะ]
แมรี่ : [อุ๊บบ!]

  องค์ชายเสยผมด้านหน้าที่ราวกับไหมสีทอง และส่งยิ้มสบายๆมาให้ฉัน ทำให้ฉันเกือบจะพ่นหัวเราะออกมา จึงรีบก้มหน้าหลบ

(ไม่ไหววววว! ไอการพูดและการกระทำที่ขี้เก๊กขององค์ชายนั่นดูเหมือนมันจะไปจี้จุดหัวเราะเข้า…)

เรย์ฟอส : [แล้วก็ ได้ยินเรืองที่เกิดขึ้นที่ปราสาทด้วยน่ะ เพราะกลัวว่าเจ้าหญิงผู้แสนน่ารักจะเปียกปอนจากความโศกเศร้าจนทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ และผมจะเป็นคนที่คอยเช็ดความโศกเศร้านั้นทุกหยาดหยดเอง…]

  พอพูดเสร็จ เขาก็ปัดผมด้านข้างที่ตกลงมาด้านหน้าของฉันที่กำลังก้มหน้าอยู่
ราวกับเป็นการเช็ดอะไรอยู่

แมรี่ : [ก…เกรงพระทัย…เจ้าค่ะ]

  ฉันที่กำลังก้มหน้าอยู่ และพูดขณะที่กำลังกลั้นหัวเราะทั้งอย่างนั้น ก็แหม่ เดี๋ยวได้เผลอหัวเราะน่ะสิ….และ เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนฉันจึงหยิบถ้วยชาที่เตรียมเอาไว้ขึ้นมา ขณะที่กำลังดื่มเข้าไปอึกนึง ก็รู้สึกได้ว่าชานี้มันร้อนแปลกๆ

แมรี่ : [ร้อน]

(แย่แล้ว ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นอะไรแท้ๆ ไม่เข้าเงือนไขการสะท้อนงั้นหรอ)

  สำหรับฉันนั้นการโจมตีทางกายภาพจะไม่สามารถทำอะไรได้ ยกตัวอย่างต่อให้เอามือจุ่มลงไปในแม็กม่าก็ยังอยู่ในระดับแค่ร้อนจังเลยน๊า~ แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำความเสียหายกับมือได้เลย เพราะงั้น สำหรับชานี่แล้วไม่น่าจะอยู่ในระดับที่ร้อนจนรู้สึกเหมือนโดนลวกได้เลย ทั้งๆที่ควรจะเป็นอย่างนั้น ตัวฉันที่ผ่านมานั้นสำหรับสามัญสำนึกที่คอยเกะกะ ก็ค่อยๆกระเด็นหายไปเรือยๆ
  ฉันที่เกิดสะดุ้งจนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆตกใจและเคลือนไหวกันด้วยความเป็นห่วง และฉันก็เห็นเข้าจนได้ ที่ข้างหลังขององค์ชาย มีคนที่ยกมือขึ้นมาทางถ้วยของฉันและก็รีบซ่อนมือนั่นไว้ข้างหลัง และฉันก็ได้เห็นเวทมนต์ตกข้างออกมาจากมือนั้น…

(มากิลูก้า ฟูทรูริก้า….คนร้ายเป็นเธอจริงๆด้วยสินะ)

  พอรู้สึกตัวอีกที ชาก็หายร้อนแล้ว

(ทำให้ร้อนขึ้นแค่แว๊บเดียวสินะ เชี่ยวชาญดีจังเลยนะ)

  ทุตเต้รับถ้วยชาจากฉันไป และขณะที่กำลังตรวจดูว่ามือของฉันไม่เป็นอะไร ฉันมองไปยังสาวน้อยผมทองม้วนที่ทำหน้าตาเหมือนไม่รู้เรื่องอยู่ข้างหลังองค์ชาย สำหรับเธอแล้วคงอยากจะให้ฉันทำถ้วยตกแล้วเลอะชุดเดรสจนต้องอับอายสินะ

แมรี่ : [ต้องขอประทานโทษนะเจ้าคะ ดิฉันขอตัวออกไปข้างนอกสักครู่นึง คุณซาฮะ ระหว่างนี้ ช่วยอยู่กับฝ่าบาทหน่อยนะคะ]

  พูดจบ ฉันก็พาทุตเต้ออกไปข้างนอก มากิลูก้าดูเหมือนว่าจะกระซิบอะไรบางอย่างกับองค์ชาย และฉันก็ออกมาข้างนอกห้อง คนส่วนใหญ่ ก็คงจะเป็นห่วงเหมือนกับองค์ชายและคิดว่าฉันคงจะออกไปตรวจว่าได้รับบาดเจ็บอะไรหรือป่าว แต่ว่าสำหรับเธอคนนั้น คงจะมองเห็นถึงความหมายที่แท้จริง ฉันออกมาจากห้องนั้นและก็เข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆ เป็นไปตามที่คิด เธอคนนั้นตามมา

แมรี่ : [คุณมากิลูก้า…ไม่คิดว่านั้นเป็นการล้อเล่นที่แรงไปหน่อยหรอคะ? การใช้เวทประจำวันมาอุ่นชาแบบนี้เนี่ย]

  มากิลูก้าที่เข้ามาภายในห้องแล้ว ทุตเต้ก็ปิดประตูห้อง ฉันก็เริ่มถามกับเธอแบบตรงๆทันที 

มากิลูก้า : [จริงๆด้วย ดูออกสินะคะ…ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ท่านแมรี่เนี่ย]
แมรี่ : [เรืองก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือคุณสินะ…] 
มากิลูก้า : [อืม ใช่แล้วค่ะ และนี่ก็เป็นความคิดของฝ่าบาทค่ะ]
แมรี่ : […แต่ถึงกับต้องเล่นแรงขนาดนี้เลย?]
มากิลูก้า : [ช ช่วยไม่ได้นี่! ก็เพราะอยากให้ออกห่างไม่อยากให้พวกบุตรีขุนนางทั้งหลายได้มาเห็นการกระทำที่แสนน่าอายของฝ่าบาทนี่อุตส่าห์เล่นแรงแล้วนะ… แต่ของอย่างคุณนี่…]

(หือ? ความคิดขององค์ชายอยากให้ฉันห่างจากเขา…หรือว่าสถานการณ์แบบนี้มัน?)
 
  ฉันสาบานว่าถ้านี่ต้องเป็นเรืองเขินอายอันแสนหวานแน่นอนฉันที่เดาว่าแบบนั้นจึงเริ่มพูดต่อ

แมรี่ : [อยากให้ฉันออกห่างจากองค์ชายก็เลยแกล้ง หรือว่าคุณจะ คิดกับองค์ชาย อุฮุ♪]

  ฉันยกมือขึ้นมาปิดที่ปาก และหัวเราะอุฮุฮุพร้อมกับทำหน้าตาสงสัยมองไปทางเธอ พอเธอคนนั้นรู้สึกตัวก็

หา? แต่ก็ไม่ถึงกับแสดงใบหน้าเอือมระอาแต่อย่างใด

มากิลูก้า : [อะไรล่ะคะนั่น หรือกำลังคิดว่าดิฉันหลงรักฝ่าบาทอยู่อย่างนั้นหรือคะ?]
แมรี่ : [เอ้าแหม่ ไม่ใช่หรอ?]
มากิลูก้า : [หาาา~…ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ก็อยากจะให้ช่วยทำดีๆหน่อยแหละค่ะ]

(อื๋อ? ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ?)

  มากิลูก้าถอนหายใจออกมายาวๆพร้อมกับมองไปที่ไกลแสนไกล จึงทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าพวกเรามีความรู้สึกเหมือนกัน

มากิลูก้า : [อยากจะให้เลิกทำแบบนั้นจริงๆค่ะ นั่นน่ะ…ดิฉันต้องอดทนกลั้นขำอย่างลำบากขนาดไหนรู้บ้างไหมล่ะคะ…]
แมรี่ : [เพือนร่วมอุดมการณณณณณ์!]

  ฉันที่ตาส่องแสงสว่างเป็นประกาย ก็พุ่งเข้าไปหาเธอด้วยความเร็วแบบฉับพลัน และโอบมือทั้งสองข้างของเธอด้วยมือทั้งสองมือของฉันมาไว้บริเวณอก

มากิลูก้า : [เอ๊ะ อาเร๊ะ? เมื่อกี้ คุณ อยู่ทางนู่นไม่ใช่หรอคะ อาเร๊ะ?]
แมรี่ : [เรืองนั้นน่ะจะยังไงก็ช่างมันเถอะ! การที่ยังมีคนที่มีความคิดเหมือนกับฉันอยู่มันช่วยฉันได้มากจริงๆ! ไม่ใช่ว่ามีแค่ฉันที่แปลกอยู่คนเดียวสินะ]
มากิลูก้า : [ช่วยอย่าเอาคนอื่นไปร่วมว่าเป็นคนแปลกด้วยจะได้ไหมคะ! แล้ว ปล่อยได้แล้วค่ะ ใกล้ ใกล้เกินไปแล้วค่ะ!]

  พอฉันประชิดตัวเข้าไปใกล้ ไม่รู้ทำไมถึงหน้าแดงขึ้นมา และมากิลูก้าก็เริ่มพูดจาร้อนรนขึ้น ถึงจะน่าเสียดาย ฉันปล่อยมือของเธอ และถอยห่างออกมา

มากิลูก้า : [เฮ้อ~…เป็นความน่ารักที่แหกกฎอะไรแบบนี้…ขนาดดิฉันเองยังเกือบถูกเล่นงานด้วยเลยค่ะ]

  ไม่รู้ทำไม มากิลูก้าถึงได้บ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว เพราะว่าไม่ได้ยินก็ช่างละกัน

(ก็แหม่ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกอารมณ์ดีสุดๆเลยนี่นา~! ขณะเดียวกันทุตเต้ก็เดินไปที่ประตูฉันก็ยังไม่สนใจเลย ก็แหม่ ก็เพราะอารมณ์ดีอยู่นี่นา!)

แมรี่ : [ก็ทุกคนที่อยู่รอบๆน่ะดันเคลิบเคลิ้มกับกิริยาวาจาขององค์ชายกันนี่นา ฉันก็เลยรู้สึกกังวลว่าตัวเองเป็นพวกแปลกแยกหรือป่าว พอได้มีพวกแล้วมันรู้สึกดีใจอะ! ด้วยอายุเพียงแค่นั้นแต่กิริยาวาจานี่น่าอายสุดๆเลยเนอะ]
มากิลูก้า : [ใช่ๆ ตามนั้นเลยค่ะ! ถ้าไม่ทำให้สมกับอายุสักหน่อยล่ะก็ นั่นน่ะไม่เข้ากันสุดๆเลย มีแต่จะทำให้ระเบิดหัวเราะออกมาเท่านั้นแหละค่ะ]

  คำพูดที่พูดกลับตัวเองได้คนเดียวเดียวที่สะสมไว้ของฉันนั้นตอนนี้ก็ได้ปลดปล่อยออกมา กลายเป็นการพามากิลูก้าพูดแบบเปิดอกไปด้วย 
และ ที่ตรงนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังก๊อกๆมาจากข้างใน ทำให้พวกเราได้สติกันขึ้นมาทันที และพวกเราก็หันหน้าไปทางนั้นแบบช้าๆราวกับว่ามีเสียงดังกึกกึกกึก

ซาฮะ : [อา~ ก็อยากขอโทษ ที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่ว่าต่อหน้าเจ้าตัวแบบนั้นมันก็นะ…]

  ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะซะเลยและที่อยู่ตรงนั้นคือทุตเต้ที่ทำหน้าซีดและซาฮาที่ยื่นหน้าโผล่เข้ามาจากหน้าประตู และที่อยู่ข้างหลังคือองค์ชายที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่

  ฉัน….อีกครั้งแล้วสินะ พลาดแล้วค่า!

 

***********************************************************************************
KY ย่อมาจาก 空気読めない [Kuukiyomenai] = พวกไม่รู้จักกาลเทศะ 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset