หลังจากที่ได้มาเกิดใหม่ต่างโลกก็ผ่านมาได้ 8 ปีแล้ว ยินดีด้วยค่า แมรี่ เรกาเลีย อายุ 8 ปีแล้วค่า แล้วฉันก็มีคนที่สามารถเรียกว่าเพือนได้เพิ่มขึ้นมาแล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เป็นเพือนกับองค์ชายด้วย แต่ก็นะ [มา~เล่น~กัน~เถอะ~♪] จะพูดแบบนี้ตอนที่ได้พบกับองค์ชายก็ไม่ได้ซะด้วย แต่พูดได้กับเพียงเพือนอีกสองคนที่เหลือเท่านั้น
และวันนี้หนึ่งในเพือนคนนั้น ฉันกำลังจะเป็นเล่นที่บ้านของเพือนที่เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกันกับฉัน
แมรี่ : [มา~กิ~จาง! มา~เล่น~กัน~เถอะ~♪]
เมื่อรถม้าหยุดที่หน้าคฤหาสน์ของเธอ ทันทีที่ฉันออกไปก็รีบเข้าไปหาเธอและพูดแบบนั้นออกมา มากิลูก้าเลยทำหน้าบอกบุญไม่รับอย่างแรง
มากิลูก้า : [อะไรล่ะคะนั่น คำทักทายแบบนั้น ดูติงต๊องยังไงไม่รู้ช่วยเลิกสักทีได้ไหมคะ]
แมรี่ : [อืม แค่อยากจะลองพูดสักครั้งแค่นั้นเอง….จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วล่ะ]
เพราะเริ่มรู้สึกอายในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ฉันก็เลยเห็นด้วยว่าเลิกดีกว่า
เธอนำทางฉันมา จนมาถึงสถานที่ๆนึง และเรืองที่ฉันได้ขอร้องเธอเป็นประจำจนในวันนี้ ก็เห็นผลแล้ว
มากิลูก้า : [ที่นี่้คือห้องสมุดค่ะ กรุณาอย่าทำรกด้วยนะคะ]
แมรี่ : [แน่นอนอยู่แล้ว มิตรภาพคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เนอะ♪]
สิ่งที่แผ่กว้างอยู่ตรงหน้าของฉันคือ หนังสือ・หนังสือ ・ กองภูเขาหนังสือที่ทำให้ตาลุกวาว ถ้าให้พูดความจริงคือฉันบ้าการอ่านมาก ก็นะ สาเหตุก็คงเพราะการใช้ชีวิตในโรงพยาบาลก็เลยได้แต่อ่านหนังสือ พอได้เกิดใหม่มาเป็นบุตรีของตระกูลเรกาเลีย แต่ที่บ้านกลับไม่ค่อยจะมีหนังสือให้อ่านก็เลยช็อคหน่อยๆเหมือนกัน
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็เพราะว่าไม่ได้มัวเอาแต่อ่านหนังสืออยู่ทุกวันก็เลยทำให้ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แล้วก็พักนี้พอมีเวลาว่างทีไร เมื่อรู้สึกว่าอยากจะอ่านหนังสือก็มักจะไปหาอ่านที่ห้องทำงานของคุณพ่ออยู่หรอก แต่ก็มีแต่พวกสอนวิชาการฟันดาบ การเมือง กฎหมาย นิเวศวิทยาของพวกมอนสเตอร์ เป็นต้น มีแต่หนังสือที่ห่างไกลจากความโรมานซ์จนใจเต้นเต็มไปหมดจนทำให้รู้สึกสิ้นหวังเลย
ถ้าเป็นหนังสือแบบนั้นล่ะก็ที่บ้านฉันมีเต็มไปหมดเลยค่ะมากิลูก้าบอกแบบนั้นมา
ก็เลยขอมาเล่นที่นี่หน่อย เรืองก็เป็นแบบนั้นแหละ
แมรี่ : [เฮ~…ตำนานผู้กล้าเอยสืบสวนสอบสวนด้วย ชีวประวัติ นิยาย…มีหลายแนวเลยเนอะ]
มากิลูก้า : [สำหรับตระกูลฟูทรูริก้าที่เป็นนักเวทประจำปราสาทแล้วก็รับใช้เชื้อพระวงศ์นั้น ตำนานของโลกใบนี้・เรืองเล่าขานสืบต่อกันมา เหตุการณ์ลึกลับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสมัยก่อนล้วนเคยตรวจสอบมาแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น พวกหนังสือที่ยังหาสาเหตุที่แน่นอนไม่ได้ก็ทยอยได้รับมาเรือยๆด้วย เพราะว่ากำลังวิจัยกันอยู่พวกหนังสือที่ไม่ต้องการแล้วก็เลยถูกนำมาไว้ที่นี่ค่ะ]
แมรี่ : [ฮื~ม ลำบากน่าดูเนอะ~]
ฉันที่ตอบกลับไปแบบลอยๆ ก็ไปหยิบหนังสือที่ความหนาพอดีมือขึ้นมา ในขณะที่อีกฝ่ายพล่ามความลับออกมาเรือยๆ
(เรืองราวของโลกใบนี้….จะเป็นแบบไหนกันนะรู้สึกตื่นเต้นจัง)
และแล้ว ฉันก็หมกมุ่นอยู่กลับหนังสือ
**********************************************************************************
หลายชั่วโมงต่อมา
มากิลูก้า : [นี่…ช่วยหยุด อ่านหนังสือสักทีจะได้ไหมคะ?คุณน่ะ มาเยี่ยมบ้านเพือนทั้งทีกลับเอาแต่หมกมุ่นอ่านหนังสือตลอด มันค่อนข้างจะเสียมารยาทนะคะ]
แมรี่ : [อืม นั่นสินะ…อ๊ะ มากิลูก้า หนังสือที่ต่อจากเล่มนี้อยู่ไหนหรอ]
ฉันปิดหนังสือลง และเอาหนังสือเล่มนั้นไปวางคืนไว้บนชั้นที่มีหนังสือเต็มไปหมด และเริ่มหาเล่มต่อไป
มากิลูก้า : [เอ…ถ้าเล่มนั้น…น่าจะอยู่ที่ชั้นนี้ เดี๋ยวสิได้ฟังที่ฉันพูดหรือป่าวคะ!]
(ชิส์ ตบมุกได้จังหวะจริงๆนะ งั้นวันนี้จะยอมแค่นี้ก่อนก็ได้)
แมรี่ : [ไม่เอาน่า แค่ล้อเล่นเอง♪]
พูดละเอามือป้องปาก แล้วฉันก็ทำท่าราวกับหัวเราะโฮะโฮะโฮะ จี่~~แล้วก็ถูกมากิลูก้าจ้องเอา
มากิลูก้า : [จะใช่แน่หรอ…….เอาเถอะ ก็ได้ค่ะ ออกไปดื่มชาที่สวนกันเถอะค่ะ]
พอถอนหายใจออกมายาวๆ มากิลูก้าก็เริ่มเดิน ฉันจึงตามไปด้วย ที่นั่งนั้นถูกเตรียมไว้ในที่ๆสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของสวนกุหลาบที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม เหล่าสาวใช้ต่างนำขนมและชามาเสริฟและฉันก็ได้ทุตเต้คอยจัดการให้ ทานละนะ
แมรี่ : [แหม่ อร่อยจริงๆนะ ชานี่ ให้ความรู้สึกนุ่มลึกดีจัง]
มากิลูก้า : [งั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ]
หลังจากที่ดื่มชาเข้าไปอึกนึง และแสดงความรู้สึกออกมา คราวนี้เป็นทีของมากิลูก้าที่ขานรับแบบลอยๆบ้าง พอดูดีๆแล้ว ไม่ใช่ว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่หรอ
แมรี่ : [เดี๋ยวเถอะ ต่อหน้าเพือนที่กำลังสนุกกับน้ำชาอยู่แต่กลับมาอ่านหนังสือแบบนั้นมันเสียมารยาทไม่ใช่หรอไง]
มากิลูก้า : [แหม่ นี่คือการ ย้อนแทงใจดำยังไงละคะไม่รู้หรอ?]
แมรี่ : […..ผิดไปแล้วค่ะ ต่อจากนี้ไป จะระวังค่ะ]
การทำแบบนี้ก็เพื่อให้ฉันได้สำนึกผิดว่าสิ่งที่ฉันได้ทำไปก่อนหน้านี้นั้นมันเสียมารยาทแค่ไหน
(ก็แหม่ เรืองราวของโลกใบนี้ พูดได้ว่านี่มันยิ่งกว่าเรืองเพ้อฝันอีกเพราะหลายๆอย่างมันคือเรืองจริงที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมันก็เลยยิ่งน่าสนใจน่ะสิ! มันคือเรืองราวแฟนตาซีของจริงเลยนะ!)
พอเอานิ้วมือทั้งสองข้างผสานกันแล้วก้มหัวให้อย่างหงอๆแล้ว มากิลูก้าปิดหนังสือลงแล้วยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมาะกับสาวน้อยอัจฉริยะแสนสวยอย่างเธอเลยแต่เป็นร้อยยิ้มแบบเด็กขี้แกล้งมากกว่า
แมรี่ : [จะว่าไปแล้ว นั่นหนังสืออะไรหรอ? รู้สึกว่ามันต่างไปจากหนังสือที่อยู่ในห้องสมุด?]
หนังสือที่มากิลูก้าถืออยู่นั้นหน้าปกดูสวยงามกว่าพวกหนังสือเก่าๆที่อยู่ในห้องสมุด ที่ดูโทรมและหน้าแต่ละหน้าแทบจะขาดตอนไหนก็ได้
มากิลูก้า : [อ่อ นี่คือตำราเวทมนต์ค่ะ]
แมรี่ : [ตำ ตำราเวทมนต์! หรือว่า นั่นคือ หนังสือที่สอนใช้เวทมนต์!]
ฉันที่กำลังตกใจจนทำให้พูดไม่เป็นภาษา และก็เผลอพุ่งตัวไปหาเธอ จนทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการถูกกดดันมากิลูก้าจึงตัวสั่นหน่อยๆ
มากิลูก้า : [อ อือ ใช่แล้วค่ะ]
แมรี่ : [แต่ว่านั้นถ้าไม่ได้ไปที่โรงเรียนก็ไม่สามารถหาอ่านได้ไม่ใช่หรอ?]
มากิลูก้า : [ฮึ~ฮึ้ม ตระกูลฟูทรูริก้าของพวกเราเป็นตระกูลจอมเวทยังไงล่ะคะ ก็เลยเป็นกรณีพิเศษยังไงล่ะคะ กร・ณี・พิ・เศษ♪]
มากิลูก้าที่มีความภูมิใจอย่างเต็มอกก็เลยทำเป็นยืดอกให้ดู แต่ว่านั่นแหละฉันกลับเดาะลิ้นกับสิ่งนั้นมากกว่า
(ชิส์…ช่างเติบโตมาได้เสียเปล่าจริงๆ)
แมรี่ : [นี่ๆ ขอดูบ้างสิ]
มากิลูก้า : [หา? ถึงจะดูไปก็คงไม่เข้าใจอะไรหรอกนะคะ]
แมรี่ : [ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร! แค่นิดเดียวนะ]
บอกตามตรงเลย สิ่งทีเรียกว่าเวทมนต์น่ะฉันสนใจมากๆมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาศที่จะได้เรียนจนยอมแพ้ไปแล้ว
ทั้งอย่างนั้น แต่กลับได้พบกับสิ่งที่อาจจะสามารถสอนเวทมนต์ได้ที่นี่ซะอย่างนั้นมันก็เลยรู้สึกดีใจจนฉุดไม่อยู่
มากิลูก้า : [งั้นก็ช่วยไม่ได้นะคะ]
พูดแบบนั้น แล้วมากิลูก้าก็ส่งตำราเวทมนต์ให้ฉันอย่างไม่เต็มใจนัก
มากิลูก้า : [ตำรานั่นน่ะสอนการโจมตีของเวทมนต์ระดับ 2 เวทมนต์ขั้นต้นเองก็มีเขียนเอาไว้หลายอย่างเช่นกันค่ะ แต่ว่า เป็นแค่การสอนทฤษฏี ถ้าไม่สามารถจินตนาการออกมาได้ก็ไม่สามารถใช้ได้ค่ะ ขนาดฉันที่มีอาจาร์ยคอยสอนก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยค่ะ แต่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองเนี่ย]
ก็ไม่รู้หรอกว่ามากิลูก้าบอกอะไร แต่ด้วยความตื่นเต้นที่ฉันอาจจะใช้เวทมนต์ได้ก็ได้เลยไม่ได้ฟัง
ก็จริงที่มีเรืองค่อนข้างยากเขียนอยู่เต็มไปหมด และเรืองที่ไม่เข้าใจอยู่เยอะ แต่ว่า สายตาของฉันก็ได้ไปสะดุดกับเวทบทนึง [เวทมนต์ที่รวบรวมพลังเวทเป็นลูกศรแล้วปล่อยออกไป] เข้าใจเพียงแค่นั้นแล้วก็ปิดหนังสือลง
(หรือก็คือเวทนี้น่ะ เหมือนกับที่เห็นบ่อยๆในเกม RPG หรือ อนิเมะ ที่จะยิงออกมาคล้ายๆธนูสินะ)
แมรี่ : [อืม เหมือนจะเข้าใจอยู่บ้างแหะ]
มากิลูก้า : [เอ๋~~~! มะ ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เร็วขนาดนั้นหรอก]
ฉันยกมือขึ้นมา แล้วก็ค่อยๆจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับที่ดูในอนิเมะและร่ายประโยคของเวทนั้นออกมา
แมรี่ : [แมจิค แอร์โรว์]
ซูมมมมม!
ช่วงเวลาที่ร่ายเสร็จ ก็มีศรโปร่งใสพุ่งออกมาจากมือของฉัน เฉี่ยวผ่านมากิลูก้าไป
แมรี่ : [หวาาา ขอโทษ! เป็นอะไรไหม?]
มากิลูก้า : [กะ โกหกใช่ไหม….สิ่งที่ฉันพึ่งจะได้รับการสอนมา…กลับทำได้ง่ายดายขนาดนี้]
ทุตเต้ : [ส สุดยอดไปเลยค่ะคุณหนู แค่แปปเดียวก็ใช้เวทมนต์ได้เลย!]
ทุตเต้ที่คอยยืนอยู่เงียบอยู่ข้างๆมาตลอดจู่ๆกลับเปรียนเป็นความรู้สึกตื่นเต้นแล้วเข้ามาพูดกับฉัน ส่วนมากิลูก้านั้นน่าถอดสีไปเลย
(มันก็น๊าา แหม่ จู่ๆก็มีลูกศรเวทมนต์พุ่งผ่านตัวเองไปก็คงจะรู้สึกตกใจอยู่แล้วล่ะ แต่ก็น๊า ไม่ได้คิดเลยว่าจะสามารถทำได้จริงๆ)
มากิลูก้า : [ดะ เดี๋ยวสิ! เมื่อกี้ ทำยังไงถึงทำได้คะ!]
จู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้และคราวนี้เป็นฝ่ายมากิลูก้าที่รุกใส่ฉันบ้าง
แมรี่ : [แหม่ ก็พูดขอโทษไปแล้วไม่ใช่หรอ อย่าโกรธกันขนาดนั้นสิ]
มากิลูก้า : [ไม่ใช่ ไม่ใช่เรืองนั้น ทำยังไงถึงปล่อยลูกศรเวทออกไปได้คะ! ตามปกติ สิ่งที่เรียกว่าพลังเวทนั้นมันเป็นสิ่งที่คลุมเครือจึงไม่สามารถจินตนาการให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้หรอกค่ะ!]
แมรี่ : [เอ๊ะ? แมจิค แอร์โรว์ เนี่ยก็คือการปล่อยพลังเวทออกไปไม่ใช่หรอ? มันก็แน่อยู่แล้วนี่]
ฉันตอบกลับไปพร้อมกับทำหน้าแบบ แมจิค แอร์โรว์ ที่เห็นในอนิเมะแนวแฟนตาซีก็เป็นแมจิค แอร์โรว์แบบนี้ไม่ใช่หรอ?
มากิลูก้า : [ช่างเป็นวิธีการคิดที่มั่วซั่วอะไรขนาดนี้…แต่ว่า แต่ก็ไม่มีคำพูดไหนจะดีไปกว่านี้แล้วล่ะ]
หลังจากมองดูมากิลูก้าที่ช็อคไปฉันก็ถอยออกมาจากตรงนั้นก้าวนึง และดื่มชา
(เอ๊ะ? ฉัน นี่ฉันได้ทำอะไรพลาดไปอีกแล้วหรือป่าวเนี่ย? ถ้าให้พูดถึงจุดที่น่าสงสัยล่ะก็ อาจจะเป็นจุดนึงของสวนกุหลาบด้านหลังที่โดนเวทมนต์ทำให้แหว่งไป สงสัยจะต้อง…จ่ายค่าเสียหายให้ด้วยล่ะมั้ง?)
โชคดี ที่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกถึงเรืองนั้นทำเป็นเงียบไว้ละกัน
(ถึงจะจำเวทมนต์ได้หนึ่งอย่างแล้วก็เถอะ พอเห็นมากิลูก้าแล้วดูท่าว่าจะใช้อีกก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะงั้นอย่าใช้ต่อหน้าคนอื่นจะดีกว่า ก่อนอื่น นี่มันรู้สึกว่าจะต่างจากกำลังที่ควบคุมไม่ค่อยได้ซะด้วย ดีล่ะ พอกลับไปแล้วลองเล่นสนุกคนเดียวแบบอนิเมะแฟนตาซีดีกว่า!)
ถึงจะนอกเรืองไปหน่อย แต่เพราะความทรงจำจากชาติก่อนของฉัน ทำให้หลักการเกี่ยวกับเวทมนต์ของฉันต่างจากของคนบนโลกนี้ ผลลัพท์ เลยทำให้เข้าใจรูปร่างของสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นยังไงโดยที่ไม่มีความลังเลเลย แต่กว่าฉันจะได้รู้เรืองนั้นก็เป็นเรืองราวหลังจากนี้นิดหน่อย