「ตาบ้านั่น เพราะยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือต่างกับพวกเรา… ก็เลยไปเดินเล่นในป่าสินะ」
「ต้องรีบพากลับมาก่อนจะเกิดเรื่องค่ะ」
「เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?」
เพราะว่าพวกเราทำเสียงดังที่หน้าประตู องค์ชายจึงออกมานอกห้อง
(อิย้า ทำไมปัญหามันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมล่ะ)
「อ่า ฝ่าบาท คือ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง… ก็แค่ซาฮะออกมาเดินเล่นตามลำพังเท่านั้นเองค่ะ」
「ไม่ควรออกมาข้างนอกอย่างนั้นหรือครับ?」
「ไม่ค่ะ ถ้าในหมู่บ้านก็ไม่เป็นไร คือ ใช่แล้ว มากิลูก้า ฉันขอไปเรียกคุณซาฮะกลับเข้าบ้านนะ」
ฉันปล่อยให้มากิลูก้ารับหน้าองค์ชาย แล้วมุ่งหน้าไปที่ป่าตามลำพัง แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงได้ตามมาด้วย
「ชะ ช่วยหยุดก่อนค่ะ คุณจะเข้าป่าไปตามลำพังแบบนั้นมันอันตรายนะคะ」
「มากิลูก้า… เข้าใจแล้วค่ะ งั้นเราไปด้วยกันนะ」
พูดเช่นนั้นแล้ว พวกเราทั้ง 4 คนก็วิ่งเข้าป่าไป
(หือ? 4 คน?)
จากที่ฉันเหลือบไปมองทางด้านหลัง ก็เปลี่ยนมาเป็นหันหน้าไปมองหน้าผู้ที่ตามมาว่าเป็นใครบ้าง
(มีมากิลูก้า ทุตเต้ แล้วก็องค์ชาย… องค์ชายเหรออออ!)
ฉันรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ร้ายแรง จึงหันหลังกลับไปด้วยความตื่นตกใจ
「ท่านเรย์ฟอร์ซ! ทำไมถึงอยู่ที่นี่」
「ก็ ถึงจะไม่เข้าใจเรื่องราวซักเท่าไหร่ แต่ปล่อยให้สาวๆเข้าป่าไปตามลำพังมันอันตรายนะครับ หรือว่าผมไม่ควรตามมา?」
(ม่ายม่ายม่าย เพราะคุณอยู่มันถึงแย่ยังไงเล่า! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ไม่ตลกแน่ๆ!)
「ฝะ ฝ่าบาท… เหล่าผู้ติดตามล่ะคะ?」
「อ้อ เพราะคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ก็เลยสั่งให้รออยู่ที่ห้องน่ะ」
(แย่แล้ว… ไม่ระวังตัวเลยซักนิด ช่วยไม่ได้นี่นะ เพราะองค์ชายไม่ได้รู้เรื่องที่มีมอนสเตอร์มาปรากฏตัวนี่นา…)
ฉันสำนึกผิดที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ทันทีที่รู้ แต่มาสำนึกผิดเอาตอนนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือพาองค์ชายกลับหมู่บ้าน
「อ่า? ซาฮะอาจจะไปดูที่นั่น? คงอยากเห็นดอกพริมโรสก่อนใครกระมัง?」
อาจจะเพราะมองเห็นอะไรเบื้องหน้า องค์ชายจึงเดินหน้าเข้าป่าลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนมาถึง ช่องว่างระหว่างแนวไม้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางเดินที่ถูกทำไว้ ดูจากตำแหน่งและทิศทางแล้ว เส้นทางนี้น่าจะตรงไปจนถึงจุดมีดอกพริมโรสบานรวมกันอยู่
「เอ่อ ฝะ ฝ่าบาท กรุณารอด้วยค่ะ」
ขณะที่องค์ชายเดินนำหน้า มากิลูก้าก็เดินตามไปติดๆ
(ยังไงก็รีบหาซาฮะให้เจอแล้วรีบกลับให้เร็วที่สุด อะไรอย่างพวกที่จับต้องไม่ได้กับมอนสเตอร์ก็คงไม่ออกมาหรอกนะ อื้ออื้อ ก็ตรงนี้เป็นถนนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนเอาไว้ใช้สัญจรนี่นะ)
ฉันกับทุตเต้เดินตามหลังทั้ง 2 คนไม่ห่าง
เพราะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว บริเวณโดยรอบจึงค่อนข้างมืด ทำให้เกิดบรรยากาศวิเวกวังเวงโดยไม่ทราบสาเหตุ ถึงแม้ภายในป่าที่เงียบสงบแห่งนี้จะไม่มีอะไรเลยก็ตาม
อาจจะเป็นเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในป่า ประกอบกับความตึงเครียดและความกลัวว่าอาจจะมีมอนสเตอร์ ทำให้ฉันรู้สึกกระสับกระส่าย
(อา อยากออกจากที่นี่ไวๆ… ทำไมไม่มีหลอดไฟบ้างนะ ถ้ามีใครประดิษฐ์หลอดไฟขึ้นมาซักหน่อยก็คงจะดี…)
และอื่นๆ ขณะที่คิดอะไรแบบนั้น พวกเราก็เดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ ถึงจะเดินเข้ามาลึกพอสมควรแล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซาฮะ องค์ชายเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆโดยมีเป้าหมายคือจุดที่มีดอกพริมโรสขึ้นอยู่
เพราะว่ามีทางเดินที่ถูกทำเอาไว้เรียบร้อย ตามเท่าที่เดินไปตามทางก็ไม่มีวันหลง และไม่น่ามีอันตรายอะไร ความตึงเครียดและความกลัวในตอนเข้าป่า หลังจากที่ผ่านมาราว 10 นาที โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็ค่อยๆคลายความวิตกกังวล
(ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย… อะไรกัน คิดมากไปเองเหรอเนี่ย สงสัยเรื่องที่ได้ยินมาจะเป็นเพราะมองผิดไปสินะ…)
ฉันผ่อนลมหายใจเพื่อคลายความตึงเครียด ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อตามองค์ชายกับมากิลูก้าที่อยู่ข้างหน้าให้ทัน จังหวะนั้นก็เกิดเสียง*แซ่กแซ่ก*ที่พุ่มไม้หนาทึบ และมีบางสิ่งกระโดดออกมา
「กรี๊ดดดด!」
ด้วยความตกใจ ฉันกระโดดเข้าไปกอดทุตเต้ที่อยู่ข้างๆ เอาแขนโอบรอบคอของเธอไว้แน่น อยู่ในท่าที่เรียกว่าแบร์ฮัค
「คะ…คุ…คุณหนู…คะ…หาย…ใจ…」
เสียงของทุตเต้ที่กำลังจะตายทำให้ฉันกลับมาได้สติอีกครั้ง เมื่อหันหน้าไปมองทางสิ่งที่กระโดดออกมานั้น 「อะไรเนี่ย」 สิ่งที่กำลังทำจมูกฟุตฟิตอยู่ตรงหน้าฉันก็คือกระต่ายป่าตัวนึง
กระต่ายป่าตัวนั้นหันมองพวกเราอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกระโดดเข้าพุ่มไม้อีกฝั่งหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งฉันซึ่งเกือบจะร้องไห้ในขณะที่กอดทุตเต้ไว้แน่น และทุตเต้ที่หน้ากลายเป็นสีฟ้ากำลังจะหมดสติด้วยฝีมือฉันเอาไว้
จากนั้น พอฉันเงยหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สิ่งที่เห็นเบื้องหน้านั้นก็คือ ใบหน้ายิ้มแย้มที่จ้องมองตาไม่กระพริบของคนทั้งคู่
「อ่า ไม่ใช่นะ นี่มัน… คือว่า…」
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวด้วยความอาย ดวงตาสอดส่ายไปมาพยายามหาคำแก้ตัว พร้อมกับเพิ่มแรงแขนในสิ่งที่กำลังกอดมากยิ่งขึ้น
「ถึงจะเข้าใจว่ากำลังอายอยู่ก็เถอะ แต่สิ่งที่ทำอยู่น่ะหยุดเถอะนะคะ สีหน้าของทุตเต้ในตอนนี้คงถึงที่สุดแล้วล่ะค่ะ」
คำพูดของมากิลูก้าทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่กอดอยู่นั้นคือทุตเต้นั่นเอง พอผ่อนแรงลง คอของทุตเต้ก็พับอย่างไร้ซึ่งเรียวแรง
「อ้าาาา ขอโทษนะทุตเต้! แข็งใจเอาไว้น้าาาา」
ฉันจับไหล่ของทุตเต้ที่ตอนนี้เหมือนหุ่นเชิดด้ายขาดเขย่าไปมา ศีรษะของทุตเต้ก็ขยับ*หงึกหงึก*ไปมาตามแรง
「มะ ไม่เป็นไร…เจ้าค่ะ ถะ…ไง ปะ…โปรด… หยุด เถอะ เจ้าค่ะ」
ทุตเต้ที่มีสภาพราวกับมนุษย์ฟักทองส่งเสียงขอร้องให้ปล่อย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนที่จะปล่อยเธอ
「เฮ้อ ตกใจหมด…」
「อ๊าคคคค!」
ในจังหวะที่รู้สึกผ่อนคลาย จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง พุ่มไม้สั่นไหวอย่างแรง ตามด้วยบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่พุ่งออกมา
「กะ…กรี๊ดดดด」
ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอของฉันทำให้หลุดเสียงกรีดร้องแบบสาวน้อยออกไป แต่ก็หยุดเอาไว้ด้วยศักดิ์ศรีของบุตรีตระกูลดยุค และมองกลับไปยังร่างที่พุ่งออกจากพุ่มไม้ด้วยความเร็วสูงราวกับหนีอะไรบางอย่างมา
ได้ยินเสียงมาจากทางด้านหลัง「เดี๋ยวเถอะ ซาฮะ! มาทำอะไรตรงนี้คะ!」 แต่มันกลับไม่เข้าหัวของฉัน
เฮือก!
มีบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัวของฉัน ทำให้ไม่อาจก้าวขา สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกอันน่าขนลุกของบางสิ่ง ที่ก่อตัวขึ้น
ได้ยินเสียงของทุกคนกำลังวิ่งอยู่ข้างหลัง แต่ฉันก็ยังคงยืนนิ่งโดยไม่รู้เลยว่าแต่ละคนนั้นมีสีหน้ายังไง
และ สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของฉันก็คือสิ่งที่ดูคล้ายท่อนซุงขนาดใหญ่ *แซ่กแซ่ก*
…ขยับสิ
「ท่านแมรี่! หลบไป!」
ในตอนนั้น ซาฮะที่อยู่ข้างหลังพุ่งเข้ามาหาฉัน จากนั้น
ก็ลอยออกไปอย่างสวยงามกลางอากาศ
「เอ๋?」
ไม่ใช่ สิ่งที่ฉันเห็นคือสิ่งที่ดูคล้ายกับท่อนซุงขนาดใหญ่ และซาฮะที่พุ่งเข้ามาหาฉันก็ถูกมันซัดกระเด็นไป
ซาฮะที่ถูกซัดลอยไปหลังกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ กระอักออกมา ส่วนปลายของสิ่งที่ดูเหมือนท่อนซุงเลื้อย*แซ่กแซ่ก*มาอยู่ตรงหน้าของฉัน แล้วยกตัวสูงขึ้น
มันคือ หัวของงูนั่นเอง
แต่ทว่า ขนาดของมันใหญ่เกินกว่างูที่ฉันเคยรู้จักไปไกล
ใช่แล้ว สิ่งฉันกำลังเผชิญหน้าอยู่ก็คือสิ่งที่โลกใบนี้เรียกว่ามอนสเตอร์