「จะ… Giant Snake…」
เมื่อได้เห็นร่างของมอนสเตอร์ มากิลูก้าก็เสียงสั่นพึมพำออกมา
‘Giant Snake’
งูขนาดยักษ์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานถึงเรื่องขนาดตัวที่เป็นปัญหา อย่างเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ ร่างกายขนาดใหญ่โตของมันมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางร่วม 20 เมตรได้ ยิ่งไปกว่านั้นลำตัวยังมีขนาดพอๆกับท่อนซุงขนาดใหญ่ ในปากเองก็มีเขี้ยวที่หนาและยาว 2 อันโผล่อออกมาให้เห็น
ลักษณะเฉพาะของงูที่ส่งเสียง*ฟ่อฟ่อฟ่อ*ออกมานั้น ทำให้ฉันขนลุกซู่เมื่อได้ยิน
「อูย…」
ซาฮะที่ถูกพาดไปชนกันต้นไม้ส่งเสียงครางออกมาขณะที่พยายามลุกขึ้นยืน แม้จะเห็นแบบนั้นแต่ฉันก็ยังไม่สามารถตั้งสติได้ มากิลูก้าเคลื่อนไหวตอบสนองอย่างว่องไวเข้าไปหาซาฮะ
เจ้ามอนสเตอร์มองทางนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาทางฉันกับทุตเต้อีกครั้ง
ดวงตาที่กำลังพิจารณาว่าทางไหนจะอร่อยกว่ากันนั้น มีรูม่านตาเป็นขีดในแนวตั้งอันเป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์เลื้อยคลาน
ฉันที่ถูกจ้องอยู่นั้นไม่สามารถขยับได้แม้แต่ก้าวเดียว เหตุผลก็ง่ายๆเลย
「กลัว」
นั่นก็เรื่องนึง
แตกต่างจากอาการช็อคจาก‘ความกลัว’จนเข้าไปกอดทุตเต้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฉันกำลัง‘กลัว’มอนสเตอร์ตรงหน้า
มันก็แน่อยู่แล้ว
ฉันเกิดในดินแดนอันสงบสุขอย่างญี่ปุ่น ตั้งแต่เกิดจนตายไม่เคยต้องเผชิญกับภยันตรายใดๆ พอมาที่โลกนี้ก็มีทั้งครอบครัวและคนรับใช้คอยปกป้อง เติบโตมาโดยไม่เคยพบกับปัญหา สำหรับฉันนั้น อันตรายถึงชีวิต อย่างเช่นการถูกอะไรบางอย่างจู่โจมจึงเป็นเรื่องที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
และในตอนนี้ อยู่ๆก็มีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน
เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับคำว่า ‘ความกลัว’ ฉันได้แต่ยืนขาแข็ง มือไม้สั่น มีเหงื่อไหลออกจากทั่วร่าง
(ร่างกายของฉันไร้เทียมทาน ดังนั้นไม่มีทางที่จะถูกงูนี่ฆ่าหรอก…)
ฉันรู้ แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น สติกลับไม่ยอมรับฟัง ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นเพราะฉันถูกแรงกดดันจากความกลัวเข้าครอบงำนั่นเอง
ตอนนั้นเอง มีคนเข้ามาแทรกระหว่างฉันกับมอนสเตอร์
「ท่านเรย์ฟอร์ซ…」
ฉันเปิดปากที่สั่นเครือ พูดชื่อของบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เขาเองก็คงจะกลัว แต่กลับเผชิญหน้าโดยไม่ถอยหนี มิหนาซ้ำ ยังมาอยู่ยืนตรงหน้าพยายามปกป้องฉันอีกด้วย
「ฝ่าบาท! รีบหนีเถอะค่ะ!」
ผู้ที่เข้าไปช่วยซาฮะซาฮะ บุคคลที่ยังคงความเยือกเย็นอยู่ มากิลูก้าตะโกนเพื่อบังคับให้องค์ชายหนีไป และในจังหวะนั้นเอง เจ้างูก็ขยับส่วนหัวพุ่งเข้ามาทางพวกเรา
(ไม่ได้เรื่อง ต้องให้องค์ชายมาปกป้องเนี่ยนะ!)
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่มีความกล้าที่จะขยับร่างกาย ราวกับมีกำแพงขวางกั้นอยู่ ทำให้คำสั่งใดๆไม่อาจส่งไปถึงร่างกายของฉันได้เลย ไม่ได้เรื่องเลย
หยาดน้ำไหลออกจากตา…
ทำไมจิตใจของฉันมันช่างอ่อนแอ ไม่ได้ความเลย…
ย่าฮ์!
ในจังหวะที่ปากกว้างๆนั่นกำลังจะกลืนกินพวกเรา ก็มีแรงกระแทกพุ่งเข้ามาจากด้วนข้าง ทำให้ลำตัวของงูกระเด็นออกไป
「ฟู่~… เกือบไม่ทันซะแล้ว」
ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเรา คือร่างของอัศวินวัยกลางคนที่มีรอยบากบนใบหน้าสวมชุดเกราะพร้อมรบ
「ท่านเคล้าส์」
「ชี่…ชี่ชี่…」
มากิลูก้ากับซาฮะเข้ามาสมทบกับพวกเรา ท่านเคล้าส์ที่ยืนอยู่ระหว่างงูเพื่อปกป้องพวกเราทั้ง 5 คน ชักดาบออกมาตั้งท่าเตรียมพร้อม
「ได้ฟังจากพวกเมดมาแล้ว จะทำอะไรก็หัดคิดซะบ้าง… เจ้าลูกชายบ้านี่ เรื่องอบรมเข้าไว้ทีหลัง เตรียมตัวรับโทษไว้ล่ะ」
「ขะ… ขอโทษครับ…」
เพราะยังบาดเจ็บที่หลังอยู่ ซาฮะจึงมีสีหน้าเจ็บปวดในขณะที่กล่าวขอโทษท่านเคล้าส์
「ท่านเคล้าส์… ซาฮะยังไม่ทันรู้เรื่องค่ะ… ดังนั้น」
(เป็นความผิดของฉันเอง เพราะฉันไม่รีบบอกให้รู้ตั้งแต่แรก… ที่ทุกคนต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นเพราะฉันคนเดียว)
การมาของท่านเคล้าส์ทำให้รู้สึกปลอดภัย ฉันกระแอมเพื่อเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือ ความรู้สึกผิดที่เอาแต่กลัวจนขาดสติ
ราวกับมีแรงดันพุ่งเข้ามาบดขยี้หัวใจ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกขยี้หัวใจจริงๆ เป็นเพียงภาพในจินตนาการเท่านั้น แต่ความรู้สึกผิดทำให้ฉันเอามือกุมหน้าอกไว้โดยไม่รู้ตัว
「ซาฮะ! พาองค์ชายกับพวกคุณหนูออกไปจากที่นี่! คุณหนูมากิลูก้าช่วยเรียกไปพวกอัศวินในหมู่บ้านมาที่นี่ด้วยครับ」
「ครับ」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
นี่คือความแตกต่างของประสบการณ์สินะ หรือว่าการเตรียมใจ ซาฮะกับมากิลูก้าผู้ที่ควรจะเหมือนฉันฟังคำแนะนำของท่านเคล้าส์ และรับรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่จะต้องทำอะไร
เพราะฉันตกอยู่ในความหวาดกลัว ท่านเคล้าส์ถึงได้ไม่ออกคำสั่งอะไร
ทั้งที่เป็นผู้มีพลังมากที่สุดในที่นี้ แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียใจ ราวกับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เข้าพวก
「ที่นี่กระผมรับมือเอง ขอฝากองค์ชายด้วย ไป!」
ท่านเคล้าส์ตะโกนออกมา ก่อนฟันดาบเข้าใส่เจ้างูยักษ์ที่พุ่งลงมาหามากิลูก้าที่ช่วยพยุงซาฮะวิ่งออกจากป่า
ตามมาด้วยองค์ชาย ฉันและทุตเต้ตามลำดับ
(ทีนี้ ก็หนีจากความกลัวได้แล้ว)
ขณะที่คิดแบบนั้น อยู่ๆร่างกายของฉันก็ขนลุกซู่ สติของฉันร้องเตือนบางสิ่งบางอย่าง
ฉันหยุดเท้าในทันที ก่อนที่จะจับมือขององค์ชายที่วิ่งอยู่ด้านหน้า ให้หยุดตาม
ตูมมม!
มีท่อนซุงล้มลงมาระหว่าง ซาฮะและมากิลูก้าที่นำหน้า กับ องค์ชายและฉันที่ตามหลัง
ไม่ นั่นไม่ใช่ท่อนซุง แต่มันเป็นหาง หางขนาดใหญ่ถูกฟาดลงมาตรงหน้าขององค์ชายที่กำลังวิ่ง
*ซึบซึบ*สิ่งที่เลื้อยออกมาจากแนวไม้ คืองูยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าตัวแรก แต่ก็ยังมีขนาดถึง 15 เมตร หรือก็คือ มอนสเตอร์นั้นไม่ได้มีแค่ตัวเดียว
「ฝ่าบาท!」
「ไปซะ ทั้งสองคน! ทำตามที่ท่านเคล้าส์บอก ไปตามพวกอัศวินมา! ไปเร็ว!」
มากิลูก้าหยุดฝีเท้าพยายามจะวิ่งกลับมา แต่ถูกองค์ชายหยุดเอาไว้ด้วยการออกคำสั่ง ส่วนพวกเราที่ถูกงูยักษ์ตัวใหม่ไล่ตามก็ค่อยๆถอยหลังกลับเข้าป่า
เป้าหมายดูเหมือนว่าจะเป็นพวกเรา ทั้งสองที่รับรู้เรื่องนั้นจึงวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือในหมู่บ้านด้วยใบหน้าที่ขมขื่น…
ท่านเคล้าส์ที่รับรู้ถึงศัตรูรายใหม่รีบวิ่งมาทางพวกเรา สถานการณ์เลวร้ายลงเพราะต้องรับมือกับมอนสเตอร์ถึง 2 ตัว
แม้ว่าจะเป็นท่านเคล้าส์ การต้องปกป้องเด็ก 3 คนในขณะรับมือกับมอนสเตอร์ 2 ตัวย่อมเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่สิ ไม่ใช่สถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เป็นแพ้อย่างแน่นอน
โดยส่วนใหญ่แล้ว มอนสเตอร์มีพื้นฐานร่างกายที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเรา จึงต้องสร้างเกราะขึ้นมาเพื่อเสริมตรงจุดนั้น รวมถึงทักษะ และเวทย์มนต์ ถึงอย่างนั้นก็ชนะได้แค่ตัวต่อตัว หรือต้องใช้จำนวนเข้าสู้ถึงจะไหว ซึ่งในกรณีนี้ จำนวนของพวกเราไม่ถูกนับรวมเขาไปด้วย
*ซึบซึบ*ท่านเคล้าส์เริ่มถูกกดดัน พวกเราถอยจนติดกับต้นไม้ ไม่มีทางให้ถอยได้อีก
สิ่งที่เรียกว่าความกลัวกลับเข้ามาครอบงำอีกครั้ง จิตใจของฉันถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์ ความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง
(เกลียด… กลัว… น่าขยะแขยง…)
ด้วยความกลัวที่มากเกินไปจนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด
สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาของฉันตอนนั้น คือภาพขององค์ชายกำลังยืนปกป้องตัวฉันซึ่งอยู่ในอาการหวาดกลัวกลับทุตเต้เอาไว้
องค์ชายมองมาที่ฉันซึ่งหวาดกลัวจนดวงตารื้นไปด้วยน้ำตา จากนั้นเขาก็ส่งรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนที่ไม่เข้ากับสถานการณ์
「ไม่ต้องห่วง… ผมจะปกป้องพวกคุณเอง」
พอได้ยินคำพูดแบบนั้น แทนที่จะรู้สึกโล่งอก ฉันกลับรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างกระแทกเข้าที่หัวใจ
(ไม่ได้เรื่อง… ไม่ได้ความ… น่าสมเพช… )
ทั้งๆที่น่าจะจัดการกับมอนสเตอร์นี่ได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแท้ๆ แต่ตัวฉันในตอนนี้กลับต้องให้คนอื่นมาปกป้องเนี่ยนะ
จะมีพลังไปทำไม จะฝึกไปเพื่ออะไร สิ่งที่ฉันทำมาจนถึงตอนนี้มันเป็นแค่การละเล่นแบบเด็กๆอย่างงั้นเหรอ
สิ่งที่ร่างกายนี้ควรจะมีนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากคำว่า‘ทักษะ’ ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่ต้องการมากที่สุดนั้นคืออะไร
(…ความกล้า…)
ในตอนนั้น ฉันนึกถึงคำพูดของท่านเคล้าส์ที่ได้ยินระหว่างการฝึกซ้อม
――――――――――――
「พออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้ ทั้งๆที่มีทักษะและประสบการณ์ ควรจะทำยังไงดีคะ?」
ฉันตั้งคำถามในสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองกับท่านเคล้าส์ตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม
「คุณหนูยอดเยี่ยมมากเลยครับ รู้จักคิดเรื่องยากๆแบบนี้ด้วย อยากให้ซาฮะได้ซักเศษเสี้ยวของคุณหนูจริงๆ」
*ฮะฮะฮะ*แล้วท่านเคล้าส์ก็ยิ้มขมๆออกมา
「อืม แต่กระผมคิดว่าในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น มีบางสิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่า ‘ทักษะ’ กับ ‘ประสบการณ์’ ครับ」
「แล้ว มันคือ」
「ถึงแม้ว่าคนทั่วไปอาจจะบอกว่านั่นคือความแตกต่างระหว่างคำว่า ‘ทำได้’ กับ ‘ทำไม่ได้’ แต่กระผมคิดว่ามันคือความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าครับ」
「ความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า…」
「ครับ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พฤติกรรมของคนสามารถแบ่งแบบง่ายๆได้ 3 แบบ ผู้ที่เผชิญปัญหาด้วยความกล้า ผู้ที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้ว่าควรทำอะไร และผู้ที่ไม่มีความกล้าได้แต่วิ่งหนี ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือประสบการณ์ สิ่งสำคัญคือความกล้า หากขาดสิ่งนั้นแล้วทุกอย่างย่อมไร้ค่าครับ」
「…ความกล้า… แต่ว่า หากมีทักษะกับประสบการณ์แล้ว ก็จะมีความกล้ากับความมั่นใจจะตามมารึเปล่าคะ?」
「นั่นคือสิ่งที่จะตามมาครับ หากไม่ลงมือทำก็จะไม่มีทั้งทักษะและประสบการณ์ตามมา กระผมคิดเช่นนั้นครับ」
――――――――――――
「ความกล้า…ที่จะก้าวไปข้างหน้า…」
「คุณหนู?」
ท่านเคล้าส์มีปฏิกิริยากับเสียงพึมพำของฉัน
「ท่านเคล้าส์… ถ้าหากมีมอนสเตอร์แค่ตัวเดียว… จะจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้… ได้ไหมคะ?」
อาจจะเป็นเพราะรับรู้ความตั้งใจที่แผงมากับคำถามของฉัน ท่านเคล้าส์จึงเหลือบกลับมามองทางนี้ไปชั่วขณะ
「ครับ ถ้าแค่ตัวเดียวก็สามารถรับมือ ระหว่างที่รอคนอื่นมาสมทบได้…」
ได้ยินคำตอบเช่นนั้น ฉันก็เตรียมใจกับสิ่งที่จะทำ
(พระเจ้า… กรุณามอบความกล้าให้ฉันด้วยค่ะ…)
「…ท่านเรย์ฟอร์ซ มีเรื่องอยากจะขอค่ะ」
ท่านเคล้าส์และองค์ชายหันกลับมาทางนี้ ฉันบอกเรื่องที่จะแยกตัวออกจากทั้ง 2 คน แล้ววิ่งเข้าไปในป่า
「「นะ!」」
เสียงแสดงความตกใจของทั้งคู่ซ้อนทับกัน มอนสเตอร์ตัวหนึ่งมุ่งหน้ามาทางฉัน ทั้ง 2 คนจึงเข้ามาขวางเอาไว้
「แมรี่ ทุตเต้! ว่าไงนะ!」
องค์ชายตะโกนเสียงไม่เข้ากับใบหน้าอันอ่อนโยน ทว่า ดูเหมือนท่านเคล้าส์จะรับรู้ความคิดของฉัน จึงแสดงสีหน้าขมขื่นออกมาให้เห็น ฉันพูดกับองค์ชายที่กำลังตกใจจนลืมเติมคำนำหน้าชื่อ แล้วก็เจอกับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าเรื่องชื่อของคนอื่น เพราะเมื่อมองไปทางด้านหลังของตัวเอง มีคุณเมดที่สั่นกลัวแต่ก็แข็งใจตามหลังฉันมาติดๆ
「ทุตเต้! ทำไม」
「คุณหนู… ดิฉันไม่ปล่อยให้ไปตามลำพังหรอกนะคะ…」
ถึงใบหน้าจะยังเป็นสีฟ้าแต่เธอกลับยิ้มออกมาอย่างกล้าหาญ สิ่งนั้นพุ่งเข้ามากระแทกหน้าอกของฉัน รู้สึกได้ถึงความกล้าเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ
「ไปล่ะนะคะ!」
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ฉันก็ตะโกนออกมา
(แต่ แบบนี้ ถ้าให้องค์ชายไปตามทางที่ใช้เข้าป่ามาก็จะออกไปได้สินะ งั้นก็ต้องล่อตัวนึงไปอีกทาง…)
「ขอโทษด้วย…!」
เพราะคิดอย่างเดียวกัน ท่านเคล้าส์ที่ตัดสินใจปกป้ององค์ชายจึงเคลื่อนไหวไปอีกทาง
「ไม่ได้ ไม่ได้นะ! จะให้ผมปลอดภัยอยู่คนเดียวได้ยังไง!」
「องค์ชายทรงแตกต่างจากพวกเราครับ โปรดเข้าใจด้วย!」
องค์ชายพยายามที่จะสะบัดให้หลุดจากแขนของท่านเคล้าส์ แต่ไม่สามารถที่จะเอาชนะแรง จึงสะบัดแขนไปมาอย่าไม่พอใจ
「เหมือนกันสิ! ทั้งผมทั้งเธอต่างก็เป็นประชาชนของอาณาจักรอารูเดีย! ไม่แตกต่างกัน!」
ได้ยินคำพูดเช่นนั้นทำให้ฉันรู้คำตอบในสิ่งที่เคยสงสัย
(อย่างนี้นี่เอง… ที่องค์ชายให้พวกเราทำตัวตามปกติ ทั้งคำพูดคำจาที่เป็นกันเองไม่มีการถือตัวแม้แต่น้อย เพราะแบบนี้เองสินะ…)
ถึงใครจะมองว่าเป็นเพียงองค์ชายผู้อ่อนโยน แต่ทั้งคำพูดและการกระทำที่แสดงออกมา เป็นพื้นฐานของเด็กผู้ชายใจดีที่ไม่เลือกปฏิบัติ ดังนั้น ต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้ เพื่อให้องค์ชายผู้อ่อนโยนได้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป…
ในเวลานั้น ตัวฉันไม่ได้รับรู้เลยว่าถูกความรู้สึกของคำว่าภารกิจเข้าครอบงำ คงเพราะ ฉันเป็นบุตรีตระกูลดยุค ที่ถูกสั่งสอนให้มีหน้าที่คอยรับใช้ราชวงศ์ล่ะมั้ง…
และ ฉันก็พูดกับเขาไปว่า
「ไม่เหมือนหรอกเพคะ ฝ่าบาท… ท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่ประชาชนเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ชี้นำประชาชนด้วยค่ะ โปรดตระหนักถึงสิ่งนั้นด้วย…」
(นี่ก็ด้วย หนีให้ห่างจากองค์ชาย… หน้าที่ตัวล่อคือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้…)
ฉันพยายามยิ้มออกมาให้สมกับที่เป็นบุตรีของดยุค แต่การแสดงออกกลับถูกความกลัวเข้าครอบงำ รับรู้ได้เลยว่ารอยยิ้มจะต้องออกมาดูเศร้าแน่ๆ ไม่รู้ว่าองค์ชายที่เห็นรู้สึกยังไง ถึงหยุดดิ้นไปมาเหมือนคนบ้า
ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงตรงลึกเข้าไปในป่า ทิ้งห่างจากทั้ง 2 คน