Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 21 ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว เทศกาลดอกพริมโรส

มันแตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้ ดูคล้ายกับเป็นตลาดสดกลางแจ้งมากกว่า

 

「มีร้านค้าหลากหลายประเภทเลยเนอะ」

 

ฉันรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อยกับจำนวนของผู้คน แต่ก็รู้สึกสนใจสินค้าหลากหลายที่ร้านค้าต่างๆได้จัดเรียงไว้เช่นกัน

 

โครก~ …

 

มีคนส่งสายตาเป็นประกายมาทางฉันหลังจากที่เห็นร้านค้าพร้อมกับเสียงน้ำย่อยในท้องดังมาให้ได้ยิน

 

「ซาฮะ… คนอย่างนายนี่มัน…」

 

「โทษที โทษที พอดีได้กลิ่นหอมที่น่าอร่อยลอยมาเตะจมูกน่ะ…」

 

ขณะที่ฟังซาฮะกับมากิลูก้าคุยกัน ถึงจะเป็นคุณหนูแต่ก็รู้สึกสนใจสิ่งนั้นอยู่เหมือนกัน ฉันจึงทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่น ไม่ผิดแน่ มันเป็นกลิ่นของอะไรบางอย่างที่หอมอร่อย

 

(…กลิ่นหอมของเนื้อย่าง แย่ล่ะ รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ)

 

「ใช่แน่เลย… เนื้อย่างสินะ?」

 

ฉันหันซ้ายหันขวาหาแหล่งที่มาของกลิ่น

 

「ดูเหมือนจะเป็นทางนั้นนะครับ」

 

องค์ชายมองพร้อมทั้งชี้นิ้วไปยังร้านค้าที่เป็นเป้าหมาย ดูเหมือนจะเป็นร้านเนื้อย่างเสียบไม้ซึ่งมีขนาดเนื้อหนากว่าปกติหลายเท่าย่างด้วยไฟจนสุกได้ที่ ฉันถูกกลิ่นหอมน่าอร่อยนั้นดึงดูดจนขยับขาเดินไปทางนั้นเองโดยไม่รู้ตัว

 

「ยินดีต้อนรับ จะสั่งอะไรดีครับ?」

 

เป็นเพราะความร้อนจากเปลวไปรึเปล่านะ คุณลุงเจ้าของร้านถึงส่งเสียงต้อนรับพร้อมรอยยิ้มแข็งๆด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

 

「เพื่อเป็นการขอบคุณเรื่องเมื่อวันก่อน ฉันขอจ่ายแทนทุกคนเอง ทานได้ตามสะดวกเลยนะ」

 

「จริงดิ! งั้น คุณลุง! เอามา 3 ไม้」

 

ฉันเดินเข้าไปอยู่ข้างๆจากนั้นก็เหยียบเท้าของซาฮะที่สั่งเยอะเกินไป พลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้สั่งออกไปใหม่

 

「คุณคนขาย ขอ 5 ไม้ค่ะ」

 

「ได้เล้ย」

 

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้นคุณลงคนขายก็หลุดยิ้มแห้งๆออกมา และเตรียมเนื้อย่าง 5 ไม้ พอรับมันมาแล้ว ฉันก็แจกจ่ายให้กับทุกคน

 

「ท่านเรย์ฟอร์ซ อาหารข้างทางแบบนี้… จะทานได้หรือเปล่าคะ?」

 

ตอนที่ยื่นให้องค์ชาย ฉันก็นึกขึ้นมาได้จึงตั้งคำถามออกไป

 

「อ้อ ไม่มีปัญหาครับ กลิ่นหอมน่าทานขนาดนี้ ผมเองก็อยากลิ้มรสชาติเช่นกัน」

 

เขายิ้มเป็นกันเองแล้วรับเนื้อย่างไป ระหว่างนั้นฉันยื่นไม้หนึ่ง ให้กับทุตเต้ที่กำลังจ่ายเงินอยู่ เธอถึงกับปั้นหน้าไม่ถูกเลยเมื่อเห็นเนื้อย่างที่ฉันยื่นให้

 

「เอ๋? ส่วนของดิฉันหรือคะ?」

 

「ใช่แล้ว มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?」

 

ทำไมถึงต้องตกใจขนาดนั้น ฉันเอียงศีรษะในขณะที่ยื่นเนื้อย่างเสียบไม้ค้างอยู่

 

「โอ๊ะโหย? ทุตเต้ไม่ทานอย่างงั้นเหรอ? งั้นส่งมาให้ผม」

 

「นายน่ะช่วยเงียบไปเลย」

 

สายตาราวกับไฮยีน่าออกล่าเหยื่อที่เข้ามาใกล้นั้น ถูกมากิลูก้าทำให้สงบไป

 

「แต่ว่า ดิฉัน… เป็นแค่คนรับใช้…」

 

ท่าทีกระสับกระส่ายรวมกับคำพูดของทุตเต้ทำให้ฉันระลึกถึงสถานะของเธอขึ้นมาได้ แต่แค่นั้น ไม่ได้ทำให้ฉันล้มเลิกความตั้งใจหรอกนะ

 

「ถึงจะเป็นคนรับใช้ แต่เธอก็เป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญของฉันไม่ใช่เหรอ?」

 

「คุณหนู」

 

ฉันใช้รอยยิ้มอันงดงามน่าหลงใหลสะกดทุตเต้ที่เงยหน้าขึ้นมา ให้ยอมรับเนื้อย่างเสียบไม้ไป ถึงจะเห็นแบบนั้นแต่คนอื่นๆก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะว่าในช่วงปีที่ผ่านมา พวกเรา 5 คนไปไหมมาไหนด้วยกันอยู่ตลอด

 

「ว่าแต่ จะทานเจ้าสิ่งนี้ยังไงหรือครับ?」

 

「ไม่มีมีดกับส้อมด้วยสิ คงต้องกลับไปที่พักกันก่อนค่ะ」

 

อะไรประมาณนั้น พอเห็นองค์ชายกับมากิลูก้าถือเนื้อย่างเสียบไม้เอาไว้ด้วยสีหน้าแปลกๆ จึงพูดออกไปว่า

 

「เรื่องนั้น ก็ทานแบบนี้ยังไงล่ะ」

 

พูดเช่นนั้นแล้ว ฉันก็จัดการทานมันแบบเดียวกับที่ทานไก่ย่างในชาติก่อน กัดลงไปที่มุมส่งเนื้อย่างเข้าปากไปเล็กน้อยอย่างไม่ลังเล

 

「ทะ ท่านแมรี่!」

 

ซึ่งการกระทำนั้น ทำให้มากิลูก้าขึ้นเสียงด้วยความตกใจออกมา

 

(ก็แน่ล่ะนะ ในฐานะบุตรี นี่ถือเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสม…)

 

「อ้า อร่อยจัง…」

 

เป็นเนื้อที่นุ่มมากๆ ทันทีที่กัดลงไป *งั่มงั่ม*มันก็แทบจะละลายในปากจนกลืนได้เลย พอเห็นฉันทำแบบนั้น ซาฮะที่ดูอยู่ก็กัดเนื้อย่างที่อยู่ในมือตาม

 

「โอ้ จริงด้วย รสชาติเยี่ยมไปเลย」

 

「ซะ ซาฮะก็ด้วย」

 

พอเห็นซาฮะทำแบบนั้น มากิลูก้าก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อส่งเสียงร้องออกมา องค์ชาย*ฮะฮะฮะ*ยิ้มแบบช่วยไม่ได้ออกมา และโดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็กัดมันไปคำนึง

 

「เดี๋ยว ฝ่าบาท!」

 

「…อื้ม… ถึงวิธีการทานจะไม่ถูกต้อง แต่อร่อยจริงๆนะครับ เจ้านี่」

 

เมื่อเห็นองค์ชายรับประทานอย่างมีความสุข ในที่สุดมากิลูก้าก็ตัดสินใจยกมือขึ้นมาป้องปาก *อ้ำ*ลองทานมัน

 

「อร่า จริงด้วย… อร่อยจริงๆด้วยค่ะ นี่มันเนื้ออะไรคะเนี่ย?」

 

ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงหันไปทางทุตเต้ เพราะคิดว่าเธอที่เป็นคนธรรมดาอาจจะรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร ซึ่งทุตเต้ยังคงเอาแต่จ้องเนื้อย่างเสียบไม้ในมือโดยไม่มีท่าทีว่าจะทานมัน

 

「ทุตเต้ รู้ไหมว่านี่มันเนื้ออะไร?」

 

ฉันถามออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร เมื่อมองไปยังป้าย รอยยิ้มของเธอก็ซีดลงเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกมา

 

「คือว่า… เนื้อ Giant Snake ค่ะ」

 

ในตอนนั้นเอง เวลาของทั้ง 4 คนก็ได้หยุดลง

 

―――――――――――

 

หลังจากนั้นพวกเราก็ปรับอารมณ์ด้วยการเดินเยี่ยมชมร้านค้าที่เหลือ

 

ซื้ออะไรต่างๆไปมากมาย รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า บริเวณโดยรอบค่อยๆมืดลง

 

「รู้ตัวอีกทีก็มีคนเต็มไปหมดเลยนะ… มารวมตัวกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?」

 

ในตอนที่ฉันเดินกลับมาที่จัตุรัสกลางหมู่บ้านอีกครั้ง ก็ต้องตกใจกับจำนวนของผู้คน จำนวนนั้นเกินกว่าสองเท่าจากเมื่อกลางวัน และดูเหมือนจะมีพวกคู่รักอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้คนเหล่านี้กำลังรอคอยเวลากันอยู่

 

「ฝ่าบาท อยู่ที่นี่เองหรือครับ」

 

ขณะที่พวกเรากำลังมองดูผู้คนโดยรอบ ท่านเคล้าส์ก็เดินเข้ามาทักจากทางด้านหลัง แม้จะดูเหมือนเพิ่งเจอ แต่ในเมื่อเดินอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งมีเหล่าอัศวินคอยเดินตรวจตราอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเราทำอะไรอยู่ตรงไหนนั้นก็คงจะรู้อยู่แล้ว

 

เรื่องที่มีอัศวินมาเดินตรวจตราในหมู่บ้านนั้น ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ที่มีมอนสเตอร์ปรากฏตัว ต่างพากันคิดไปว่า「อ้อ มาคอยคุ้มกันพวกเราสินะ」 ส่วนเรื่องที่องค์ชายเดินทางมาพร้อมกับพวกเรา มีเพียงผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเท่านั้นที่รู้

 

「ท่านเคล้าส์ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือครับ?」

 

「ไม่ครับ ไม่ได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น เพียงแค่ หัวหน้าหมู่บ้านอยากจะให้ฝ่าบาทได้ชมดอกพริมโรสที่บานเป็นคนแรก คิดว่าอย่างไรครับ?」

 

「แค่ผมหรือครับ?」

 

เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นจากท่านเคล้าส์ เขาก็ส่งรอยยิ้มแข็งๆถามกลับไป

 

「แน่นอนว่า กับทุกท่านครับ」

 

「งั้น…ไปด้วยกันนะครับ」

 

องค์ชายกล่าวเช่นนั้น พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าฉันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังชวนฉันในงานเต้นรำของชนชั้นสูงยังไงยังงั้น…

 

「เอ่อ… คือว่า…」

 

ด้วยความที่มันดูเป็นธรรมชาติจนเกินไปจนทำให้ฉันสับสน ควรจะวางมือลงไปหรือควรจะปฏิเสธดี ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ สุดท้ายฉันก็วางมือลงไปบนฝ่ามือขององค์ชาย เขาจับมือของฉันไว้อย่างนุ่มนวล

 

จากนั้น ฉันที่อยู่ในสภาพราวกับมีองค์ชายคอยปกป้องก็เดินไปยังจุดที่มีดอกพริมโรสบานอยู่

 

――――――――――――

 

ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง นำทางพวกเราที่เดินอยู่ในป่า

 

ถึงแม้จะพูดเอง แต่มันไม่ใช้เวลาที่ฉันจะใส่ใจเรื่องนั้น เพราะรู้สึกว่ากำลังใจเต้น*ตุ๊บตุ๊บ* ใบหน้าแดงแจ๋จนต้องก้มหน้าเดิน

 

ผู้ร่วมทาง มีทั้งพวกชาวบ้าน เหล่าอัศวิน พวกคนรับใช้ปะปนกัน ซึ่งทุกคนนั้น มองมาทางฉันด้วยสีหน้าราวกับเห็นสิ่งที่สุดแสนวิเศษ แต่ทว่า จิตใจของฉันทนรับกับเรื่องนั้นไม่ได้

 

(หัวใจจ๋า เต้นเบาๆหน่อยสิ… เต้นเบาๆหน่อย…)

 

ไม่กี่นาทีต่อมา แม้แต่ตัวฉันที่กำลังก้มหน้าอยู่ ก็รับรู้ได้ว่ามีแสงสว่างอยู่ พอรู้ว่ามีบางสิ่งกำลังส่องสว่างอยู่เบื้องหน้า ฉันจึงเงยหน้าขึ้น

 

และ ก็ถึงกับลืมหายใจ

 

บริเวณลานโล่งกลางป่านั้น เป็นสีขาวบริสุทธิ์ สิ่งที่ดูเหมือนดอกไม้สีขาวกำลังผลิบานอวดเกสรพร้อมกับปล่อยแสงสีขาวนวล

 

「…สวยจัง…」

 

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา หรืออาจจะเป็นพวกเราพูดขึ้นมาพร้อมๆกันในทันทีที่ได้เห็น

 

องค์ชายคลายมือที่จับอยู่ ฉันจึงเดินตรงไปยังสวนดอกไม้สีขาวนั้น

 

「สวนดอกไม้สีขาวบริสุทธ์ที่ส่องประกาย ช่างเหมาะกับตัวเธอผู้มีสีขาวบริสุทธิ์… ราวกับภูติตัวน้อยกลางสวนดอกไม้เลยครับ」

 

ประโยคนั้นขององค์ชายทำให้ฉันหันหลังไปมอง เพราะนึกว่ามันไปกระตุ้นสิ่งนั้นขึ้นมา แต่กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น ไม่ใช่คำพูดที่เกิดจากการเลียนแบบองค์ราชา มันเป็นคำพูดจากตัวเขาเอง หรือเป็นเพราะ บรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากตอนพบกันครั้งแรกทำให้มันแตกต่างอย่างงั้นเหรอ

 

「ซาฮะ มิกิลูก้า」

 

「ครับ」「ค่ะ」

 

ด้านหลังของฉันมีทั้งสองคนที่กำลังแสดงความเคารพโดยการขยับเพียงแค่ศีรษะ ทั้งคู่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง

 

「คุณหนูแมรี่」

 

「ขะ ค่ะ…」

 

เมื่อหันศีรษะกลับมา ก็พบว่าองค์ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้มีบรรยากาศที่อ่อนโยนอย่างเคย รู้สึกถึงบรรยากาศน่าเลื่อมใส

 

「ผมขอสัญญากับพวกคุณ ว่าจักเป็นกษัตริย์ผู้ทำให้ประชาชนในอาณาจักรอารูเดียแห่งนี้มีแต่รอยยิ้ม」

 

คำพูดที่จู่ๆก็ประกาศออกมานั้นทำให้ฉันได้แต่ยืนอึ้ง ไม่นะ ภาพตรงหน้านี่มันอะไรกัน

 

ทำไมองค์ชายถึงได้ดูเท่ห์ขนาดนี้

 

「ด้วยเหตุนี้ อยากจะขอยืมพลังของพวกคุณ ช่วยอยู่เคียงข้างและคอยสนับสนุนผมต่อจากนี้ไป」

 

ซาฮะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ส่วนมากิลูกก้าจับชายกระโปรงขึ้นโค้งคำนับ

 

「รับทราบเพคะ ฝ่าบาท」

 

「โอ้ แน่นอนอยู่แล้ว」

 

เราทั้ง 3 คนอยู่ในสถานะเดียวกัน ซึ่งในตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันที่ยังยืนงงไม่พูดอะไร

 

(ต้องพูดอะไรซักอย่าง ให้รู้ว่าฉันเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน)

 

ในขณะที่ฉันกำลัง*หวาหวา*อยู่ ก็สบตาเข้ากับองค์ชายที่ส่งยิ้มมา ทำให้ความคิดของฉันหยุดชะงักไป

 

「แต่ว่านะ องค์ชาย ผมน่ะอนาคตจะเป็นอัศวินหลวง มากิลูก้าเองก็คงเป็นจอมเวทย์หลวง แล้วท่านแมรี่จะอยู่เคียงข้างยังไง? อ๋อ อย่างงี้นี่เอง องค์ราชินีสินะ! แบบนี้ก็ลงตัวพอดีเลย」

 

เกิดบรรยากาศแปลกๆขึ้นมาระหว่างพวกเรา หลังจากที่ซาฮะตั้งคำถามแบบไม่ได้คิดอะไรออกมา ทั่วทั้งบริเวณก็ถูกทำให้หยุดนิ่ง

 

ผู้ที่ได้สติกับมาก่อนคือมากิลูก้า ไม่รู้ว่าเธอกำลังจินตนาการว่ายังไงถึงได้หน้าแดงแจ๋ร้อง「เอ๋? เอ๋เอ๋?」 ซึ่งนั่นทำให้เวลากลับมาเดินอีกครั้ง

 

「เอ๋ อะ… หยา…」

 

องค์ชายคงไม่ได้คิดอะไรไปไกลขนาดนั้น แต่ฉันกลับหน้าแดงเพราะคำพูดของซาฮะ แดงจนเกินลิมิตที่ตัวเองจะรับไหว

 

「มะ ไม่ใช่นะ! ที่พูดนั่น ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น」

 

「เนี๊ยวววว!」

 

「เอ๋! ขะ ขะ คุณหนู รอด้วยค่าาาา」

 

พอเห็นองค์ชายก้าวเข้ามา ฉันก็เอามือทั้งสองข้างปิดใบหน้าที่รู้สึกอายจนถึงขีดสุด ส่งเสียงร้องแปลกๆพร้อมทั้งวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนว่าจะสุภาพหรือไม่

 

คงไม่นึกมาก่อนว่าฉันจะวิ่งหนี ทุตเต้รีบวิ่งไล่ตามมา ทิ้งเอาไว้เพียงบรรยากาศแปลกๆ

 

ท่านเคล้าส์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กุมศีรษะพลางส่ายหน้าระอาใจให้กับไอ้บ้าKYที่ทำให้บรรยากาศกลายเป็นแบบนี้

 

และแล้ว ความวุ่นวายในงานเทศกาลดอกพริมโรสก็ได้ปิดฉากลง

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset