วันปฐมนิเทศใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในขณะที่ฉันพยายามฝึกทำนั่นทำนี่ที่ไม่คุ้นเคย และแล้ววันที่ฉันเฝ้าฝันก็มาถึง ในที่สุด ในที่สุด ฉัน แมรี่ เลกาเลียก็อายุ 10 ขวบแล้วค่ะ
ฉันในตอนนี้ ปล่อยให้เหล่าคุณเมดเป็นคนจัดการชุดเดรสเหมือนเช่นเคย สภาพไม่ต่างกับเป็นตุ๊กตาที่ถูกจับแต่งตัว
「คุณหนู… ถึงจะฝึกฝนอะไรต่างๆมากมาย แต่อยู่คนเดียวจะไม่เป็นไรจริงๆหรือคะ?」
「เอาจริงๆ ก็รู้สึกกังวลอยู่หรอก แต่ฉันเป็นบุตรีตระกูลดยุคจะแสดงท่าทีน่าอับอายแบบนั้นไม่ได้… จะพยายามให้ดีที่สุด」
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลกับการใช้ชีวิตประจำวันฉันจึงทำการฝึกฝนเอาไว้ก่อน ในตลอดปีมานี้ ฉันพยายามพึ่งพาทุตเต้ให้น้อยที่สุดเพื่อให้แผนที่วางไว้ประสบผลสำเร็จ แต่ ถึงยังไงก็ยังคงมีความกังวลอยู่ภายในจิตใจที่บอบบางดุจเต้าหู้ของฉัน ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีอะไรมาทำให้ตกใจล่ะก็ ฉันอาจจะ Job Change กลายเป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างในทันทีก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ ประสบการณ์ หรือการฝึกฝน สิ่งที่กล่าวมานั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
(อาา…ทำไมจิตใจของฉันไม่เติบโตขึ้นเหมือนกับเส้นผมบนศีรษะบ้างนะ)
มาถึงตอนนี้ แม้จะมาถึงเวลาเข้าพิธีปฐมนิเทศแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่เลย
ฉันไม่ต้องการที่จะตกเป็นเป้าสายตาของคนในหอประชุม ได้ออกคำสั่งให้ทำชุดซึ่งมีสีสันไม่เป็นที่สะดุดตา และก็ได้ออกมาเป็นชุดเดรสสีขาวเหมือนที่ใส่ตามปกติ แต่เพราะใช้ผ้าไหมเป็นวัตถุดิบมันจึงดูหรูหราเกินไป นอกจากนั้น ทั้งการตัดเย็บที่ปราณีต ลูกไม้ จีบ และอื่นๆ ออกมาเป็นชุดกระโปรง 3 ชั้น เมื่อมองลงไป ถุงมือและถุงน่องเองก็มีลูกไม้ จีบ และงานเย็บป้กถักร้อยด้วย นี่มันโดดเด่นมากเกินไปแล้ว
(คอนเซ็ปต์ที่บอกช่างตัดเย็บส่วนตัวของฉันไปคือมองดูแล้วไม่หรูหรา…ใช่ แล้วทำไม นี่มันดูอย่างกับชุดแต่งงานเลยไม่ใช่เหรอ… เฮ้อ ~ แบบนี้ใส่ชุดฟอร์มโรงเรียนยังดีกว่าอีก… ถ้ารู้ว่าจะทำแบบนี้ น่าจะบอกให้ทำเสื้อยืดไปตรงๆเลย)
ผมของฉันถูกมัดเอาไว้ ด้วยที่คาดผมสีเงินทำให้หยุดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เหมือนเดิมเป๊ะ ขาวทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
(อือ ทั้งที่ไม่อยากเด่น… แบบนี้…)
มองตัวเองที่ขาวทั้งตัวแล้ว ฉันก็ได้แต่บ่นในใจ
(ทำไมต้องในใจน่ะเหรอ ก็เพราะเหล่าเมดที่กำลังแสดงความพึงพอใจและชื่นชมผลงานกันอยู่น่ะสิ แต่อย่าถึงกับมีน้ำที่หางตาเลยนะ)
ทุตเต้จูงมือฉันขึ้นรถม้า ที่จอดอยู่ตรงหน้าประตู โรงเรียนอารุเดียตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากเมืองหลวงไปเล็กน้อย รถม้าค่อยๆแล่นจากไปช้าๆ เรื่องอย่างการมาสายตั้งแต่วันแรกเนี่ย ในฐานะบุตรีดยุคไม่ควรทำอะไรแบบนั้น จึงเผื่อเวลาเอาไว้แล้ว
และแล้ว ฉันก็มาถึงโรงเรียนอารุเดียโดยไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น
ต่างจากกำแพงเมือง ที่นี่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงแบบสถาปัตยกรรมก่ออิฐบนเนื้อที่ขนาดใหญ่และมีอาคารขนาดใหญ่อยู่หลายอาคาร
「ที่นี่เหรอ โรงเรียนอารุเดีย…」
ฉันรู้สึกตื่นเต้น จนเผลอส่งเสียงออกมาขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านประตู ผ่านถนนซึ่งมีแนวต้นไม้ออกดอกคล้ายกับต้นซากุระก่อนจะมาหยุดที่จุดจอด มีรถม้าบางคันจอดอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นการบอกว่ามีนักเรียนใหม่นอกจากฉันมาถึงแล้วเช่นกัน
「คุณหนูคะ ดูเหมือนหอประชุมจะเป็นทางนี้ค่ะ」
「อะ อืม…」
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรในใจ ทุตเต้ก็นำทางฉันเดินมาจนถึงหอประชุมที่จัดพิธีปฐมนิเทศ
สถานที่จัดงานนั้นใหญ่กว่าห้องประชุมจนน่าจะเรียกว่าโรงยิมเลยล่ะ จากความทรงจำของฉัน มันใหญ่พอจะเป็นโรงหนังได้สบายๆ พอเดินมาถึง เจ้าหน้าที่ก็พูดอะไรบางอย่างกับทุตเต้ ดูเหมือนตำแหน่งที่นั่งจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ก็เป็นไปตามระเบียบของพวกขุนนางล่ะนะ
คงต้องโบกมือลาทุตเต้ไปซักพัก พอฉันเดินเข้าหอประชุม ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาพร้อมกัน ทุกคนในหอประชุมต่างมองมาทางฉันอย่างกับไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
(เอ๋? อะไร? ทำไม? ฉัน มีอะไรแปลกหรือไง?)
รีบเหลือบมองเช็คสภาพของตัวเอง และ ฉันเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน เพราะชุดของฉันกำลังส่องแสงระยิบระยับอ่อนๆออกมา
หอประชุมนั้นเป็นพื้นที่ปิดซึ่งมีแสงลอดเข้ามาจากหน้าต่างเท่านั้น ทำให้สถานที่นี้ค่อนข้างมืด ซึ่งชุดฉันที่โดนแสงแล้วส่องประกายอ่อนๆออกมาจึงดูเด่นมาก ไม่ใช่แค่เพราะมันทำจากวัตถุดิบสะท้อนแสงที่มีราคาเท่านั้น เมื่อสังเกตดีๆก็พบว่า บางจุดที่ส่องประกายอยู่นั้นมีอัญมณี เม็ดเล็กๆถูกเย็บติดอยู่ด้วย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันหันไปที่ประตูทางเข้าซึ่งมีทุตเต้ชำเลืองมองมา เธอกำหมัดน้อยๆอยู่ในท่า Guts Pose ด้วยความพึงพอใจ คงดีใจที่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของทุกคนล่ะสิ แต่ฉันไม่ดีใจด้วยหรอกนะ…
「นั่นน่ะเหรอ『องค์หญิงสีขาว』ที่องค์ชายพูดถึง」
「งดงามยิ่งกว่าในข่าวลือซะอีก… สมแล้วที่ดยุคเลกาเลียอวดนักอวดหนา」
「ช่างเป็นคุณหนูที่ขาวบริสุทธิ์อะไรอย่างนี้」
และอื่นๆ เสียงแสดงความรู้สึกจากผู้คนดังมาถึงหู แต่ฉันเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ อยู่ในอาการสงบ รักษาท่วงท่าสง่างาม ก้าวสั้นๆอย่างรวดเร็วภายใต้กระโปรงไม่ให้ใครสังเกตไปถึงที่นั่งอย่างรวดเร็ว นี่มันอย่างกับ หงส์ที่ว่ายน้ำอย่างสง่างามเหนือทะเลสาบ แต่ในความจริงต้องขยับขาอย่างหนักใต้น้ำเลยนี่นา…
ถึงแม้ว่าแสงจากหน้าต่างจะส่องมาไม่ถึงชุดของฉันจึงกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป เพราะความโดดเด่นของฉันทำให้ตกเป็นเป้าสายตาจากความสนใจของผู้คนไปซะแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งที่นั่งที่จัดให้ฉันยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก กึ่งกลางหอประชุม ตำแหน่งที่ดีสำหรับครูผู้สอนเพราะทุกคนสามารถมองเห็นได้นั่นคือที่นั่งของฉัน เท่านั้นไม่พอ ไม่รู้ว่าจำเพาะเจาะจงอะไรถึงไม่มีใครมานั่งข้างฉันเลย
(ฮะฮะฮะ ขอร้องล่ะอย่าปล่อยให้ฉันต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวแบบนี้เลยนะคะ…)
ฉันหัวเราะแห้งๆด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว นั่งลงมองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
「ฟุฟุ… โดดเด่นจริงๆเลยนะคะ ท่านแมรี่」
ฉันลุกจากที่นั่งหันหลังไปทางต้นเสียงในทันที
「มากิลูก้า」
เมื่อหันหลังไปมอง ยินดีที่ได้พบค่ะ เทพธิดาผมม้วนของฉัน
เธอผู้มีสถานะเดียวกับฉัน เพื่อนสาวผมบลอนด์ที่มีโรลม้วนแนวตั้งอันโดดเด่น ตัดกับชุดเดรสราคาแพงสีน้ำเงินกับดำ ใช้พัดป้องปากหัวเราะขณะนั่งลง ดูเหมือนว่าตรงนี้จะเป็นที่นั่ง VIP ถึงยังไงก็คลายความรู้สึกโดดเดี่ยวไปได้แล้ว ฉันจึงถอนหายใจออกมา ภายในสถานที่จัดงานมีนักเรียนใหม่ทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ และพิธีก็เริ่มต้นขึ้นตามกำหนดการณ์
อีกเรื่องคือซาฮะเองก็นั่งอยู่ข้างๆมากิลูก้าด้วย เพราะเด็กชายมาเกือบจะไม่ทันเวลาจึงสวมรอยเป็นคนอื่นเพื่อโยนความผิด
และ พิธีดำเนินไปโดยไม่มีการหยุดพัก ขณะที่ทุกคนฟังผู้อำนวยการโรงเรียนร่ายยาวเรื่องน่าเบื่อ สิ่งที่เรียกว่าความง่วงก็เริ่มก่อตัวขึ้น แต่ฉันก็พยายามฝืนร่างกายไว้ ใช้พลังใจในฐานะบุตรีดยุคเข้าทำสงครามกับความง่วง การต่อสู้ดำเนินไปได้ไม่นาน ศีรษะของฉันเริ่มไม่รับรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร สงสัยอย่างหนักว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนทะลุการป้องกันเวทย์ของฉันมาได้ยังไง มันน่าจะปัดเวทย์นอนหลับหรืออะไรที่คล้ายๆกันได้ไม่ใช่เหรอ ฉันง่วงมากจนรู้สึกสงสัยแบบนั้นจริงๆ
แล้วความง่วงนั้นก็ถูกเป่าให้ปลิวหายไปด้วยเสียงโห่ร้องที่เกิดขึ้นภายในหอประชุม ซึ่งเป็นเพราะว่าตัวแทนนักเรียนใหม่ที่เดินขึ้นมากล่าวบนเวทีคือองค์ชายนั่นเอง
ปอยผมสีทองด้านหน้าที่ดูเรียบลื่นตัดกับดวงตาสีฟ้าที่ดูอบอุ่น กล่าวคำพูดออกมาด้วยท่วงท่าสง่างามชวนให้หลงใหล เหล่าสาวๆที่อยู่ในหอประชุมต่างแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมาให้เห็น
(องค์ชายก็ยังคงเป็นที่นิยมเหมือนเดิมเลยนะ)
ขณะที่ฉันรู้สึกขอบคุณเขาที่ช่วยเป่าความง่วงให้ปลิวหายไป พิธีการก็เดินหน้าต่อ อย่างราบรื่น และพิธีปฐมนิเทศก็จบลงโดยไม่มีปัญหาใดๆ
พอพิธีจบลง ทุกคนก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง ฉันตัดสินใจที่จะนั่งต่อไปอีกหน่อยเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกับคลื่นมนุษย์
(แล้วก็ไปเบียดเสียดกันตรงรถม้าอีก มีคนอยู่รอบตัวขนาดนี้ จะทำอะไรก็ลำบากล่ะนะ)
ยังเร็วไปที่จะรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความจริงที่ว่าพิธีจบแล้วก็ทำให้ฉันคลายความกังวลลง จึงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งผ่อนแรงที่ไหล่ และหลับตาลง
「โอ่ ~ ย ยังจะหลับอีกเหรอ ท่านแมรี่ พิธีจบแล้วนา」
「เดี๋ บ้า! ไม่ได้หลับซักหน่อย」
ฉันจ้องไปยังคนบ้าที่พูดจาหยาบคายสุดๆออกมา ส่งผลให้ เพื่อนร่วมชั้นที่เดินอยู่ใกล้ๆหัวเราะ*ฮุฮุ*ออกมา
(ไอ้~… ตาบ้านี่ มันน่าต่อยให้กระเด็นจริงๆ)
ในระหว่างพิธี คนที่หลับแบบเอาเป็นเอาตายก็คือซาฮะ ซึ่งตอนนี้กำลังส่ายหน้า*ไม่ไหวไม่ไหว*ให้เห็น ฉันสาบานกับด้านมืดในตัวว่าจะต้องเอาคืนแน่นอน
「อะเระ? มากิลูก้าล่ะ?」
มองไม่เห็นมากิลูก้าที่ปกติจะต้องคอยแก้คำพูดเพี้ยนๆของเด็กชายให้ถูกต้อง ฉัน*ควับควับ*มองไปรอบๆ แต่ก็หาเธอไม่เจอ
「ถ้ามากิลูก้าล่ะก็ เดินไปหาองค์ชายโน่นแล้ว」
「เหรอ คงเข้าไปคุยธุระสินะ แล้วนายล่ะไม่ไปด้วยเหรอ?」
「อ๋อ ผมง่วงน่ะ อยากจะไปนอนแล้ว」
「เหรอ…」
*ฮึ*และหันไปทางอื่น ฉันเดินไปที่ประตูทางออกซึ่งมีคนเบาบางแล้ว ซึ่งซาฮะเองก็เดินมาด้วย
「แล้วตามมาทำไมล่ะ」
「มากิลูก้าบอกมาน่ะ ว่ายังไง ช่วยเป็นการ์ดไล่พวกผู้ชายให้ด้วย…」
เขาเอามือไขว้ที่หลังศีรษะหันหน้าไปทางอื่นแต่ก็ยังเห็นแก้มที่แดงเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าอาการเขินเล็กๆนั่นดูน่ารักดี ฉันก็เลยตัดสินใจถอนคำสาบานเมื่อซักครู่
「งั้นก็… ขอบคุณนะ」
เมื่อซาฮะพูดแบบนั้น ฉันก็สังเกตเห็นว่าเด็กผู้ชายรอบๆตัวกำลังเหลือบมองมาทางฉันซึ่งพอพวกเขาสบตาก็รีบหลบหน้าในทันที
(เอาเถอะ ตัวฉัน ยังไงก็เป็นบุตรีของตระกูลเรกาเลียนี่นะ ทั้งท่านพ่อท่านแม่และเหล่าผู้ติดตามต้องขอกล่าวคำว่า ~ … ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากค่ะ)
หลังจากถอนหายใจให้กับความยุ่งยากของสังคมขุนนาง ฉันก็เดินออกจากหอประชุมไป