วันต่อมา ฉันขึ้นรถม้าที่จอดรอโดยมีทุตเต้ยืนส่ง มุ่งหน้าไปห้องนั่งเล่นของ「โซลออส」เพียงลำพัง
เมื่อวานนี้ เพราะว่าระบบของโรงเรียนต่างจากที่เคยรู้มา พอกลับบ้านแล้วจึงให้ทุตเต้ช่วยเลกเชอร์ให้ แล้วก็ได้รู้เรื่องน่าประหลาดใจ ที่โรงเรียนนี้ไม่มีห้องเรียนประจำ แม้แต่เก้าอี้ของฉันก็ไม่มี กลับกัน นักเรียนของ「โซลออส」จะมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น ดูเหมือนจะใช้เป็นสถานที่พบปะและพูดคุยกัน
(ทำยังไงดี… ความรู้ในชาติก่อนใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย)
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือหลักสูตรในชั้นเรียน จากความรู้ของฉัน โดยปกติแล้วโรงเรียนเป็นผู้จัดสรรคาบเรียนให้ แต่ที่โรงเรียนนี้กลับให้นักเรียนเป็นผู้จัดสรรคาบเรียนด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม คนของโซลออสก็ต้องเรียนวิชาบังคับของโซลออสมิฉะนั้นจะไม่สามารถเลื่อนชั้นได้
(แทนที่จะบอกว่าเป็นโรงเรียนประถมหรือมัธยม นี่มันเหมือนกับเป็นระดับมหาวิทยาลัยมากกว่านะ… ช่างเถอะ ไม่ว่าจะแบบไหนก็ไม่เคยไปอยู่ดี…)
*เฮ้อ~*หลังจากถอนหายใจยาวออกมา ฉันก็มองไปยังตราเล็กๆที่ติดอยู่บนเสื้อ นี่คือ สัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นนักเรียนของโซลออส ฉันที่ไม่รู้อะไรเลยได้รับความรู้จากทุตเต้ เพื่อที่จะก้าวผ่านวันนี้ไปให้ได้
(ขอบคุณที่คอยทำนั่นทำนี่ให้ แต่ฉันก็ยังคงไม่รู้เรื่องต่างๆรอบตัวอยู่ดีน่ะนะ… ดังนั้น พออยู่คนเดียวแบบนี้แล้วรู้สึกกังวลมากเลย…)
ฉันเหลือบมองไปรอบๆ มองดูตราของนักเรียนคนอื่นที่ แล้วก็เดินตามหลังคนที่มีตราเหมือนกับตัวเองไป
(เยี่ยม เพราะไม่รู้ว่าห้องนั่งเล่นอยู่ไหน! มันช่วยไม่ได้นี่นะ)
ฉันพยายามปลอบใจตัวเอง แม้ทุตเต้จะบอกวิธีการเดินทางไปยังจุดต่างๆมาบ้าง แต่ดูเหมือนมันแทบจะไม่เข้าหัวเลย ตัวฉันไม่สามารถสร้างแผนที่ขึ้นมาในหัว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ไปถึงยังจุดหมาย จึงมาเป็นสถานการณ์ในปัจจุบัน คือโกงนิดหน่อยด้วยการเดินตามหลังคนอื่นๆไป
(ฉัน… คงจะเป็นคนที่ไม่มีเซนส์ในเรื่องทิศทางเลยล่ะมั้ง…)
ระหว่างที่กำลังหดหู่กับสกิลใหม่อันไม่ได้เรื่องที่ค้นพบ โชคดีที่ฉันมาถึงห้องนั่งเล่นที่มีเหล่านักเรียนซึ่งมีตราแบบเดียวกัน
สถานที่ที่เรียกว่าห้องนั่งเล่นนั้นกว้างกว่าที่คิด ตามจุดต่างๆนั้น มีโต๊ะเก้าอี้ โซฟาถูกจัดเตรียมเอาไว้ จากความรู้สึกของฉัน มันดูเหมือนภัตตาคารอาหารขนาดใหญ่สำหรับมากันเป็นครอบครัวเลยล่ะ
ทุกคน เลือกนั่งที่กันตามใจชอบ จึงช่วยไม่ได้ที่มันจะเกิดการกีดขวาง ในขณะที่ฉันกำลังมองไปรอบๆคิดว่าจะทำยังไงดีนั้น ก็มีผู้ชายที่โบกมือเหมือนคนบ้ามาทางนี้
(ตาบ้า ตกเป็นเป้าสายตาหมดแล้ว…)
ซาฮะรู้สึกตัวและเดินเข้ามาหา ทำให้ฉันเอามุมกุมขมับและถอนหายใจออกมา
「อรุณสวัสดิ์… คุณซาฮะ…」
ถึงยังไง ในเมื่อเขาเดินเข้ามาหา ฉันก็ยิ้มและกล่าวคำทักทายกลับไป
「อรุณสวัสดิ์ ท่านแมรี่ ไม่นึกว่าจะมาสายนะ หลงทางอย่างงั้นเหรอ?」
「ระ เรื่องแบบนั้น… ไม่มีทาง… หรอก」
การมาถึงที่นี่ได้โดยไม่หลงทางนั้นเกือบจะเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์เลยล่ะ ซึ่งนั่นทำให้ฉันไม่สามารถพูดออกไปได้อย่างเต็มปาก
ปั๊บ!ปั๊บ!
ในขณะที่พวกเรากำลังแลกเปลี่ยนบทสนทนากันอยู่นั้น ก็มีคนเดินมาที่กลางห้องนั่งเล่นและปรบมือให้สัญญาณ พวกเราหันไปมองคนๆนั้นพร้อมกัน
「โยช! นักเรียนใหม่ปีนี้ของโซลออสมารวมตัวกันทางนี้!」
ผู้ชายซึ่งตัวโตกว่าพวกเรา ที่มียิ้มแบบสบายๆด้วยความสดชื่น หันมองไปรอบๆ เป็นผู้ตะโกนขึ้น
(คนอื่นล่ะ… งั้นก็หมายความว่า มีคนจากคลาสอื่นอยู่ในนี้ด้วยอย่างงั้นเหรอ? ก็แน่ล่ะสิ ไม่มีใครบอกซักหน่อยว่าที่นี่เป็นห้องพักส่วนตัวน่ะ)
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรแบบนั้น ทุกคนที่อยู่รอบก็ไปรวมตัวกันที่เขา
「อื้ม… มารวมกันแล้วนะ เอาเป็นว่า ขอแนะนำตัวเองก่อน! ผมมีชื่อว่า 『 คาริส เอนโชว์ 』 และก็อย่างที่เห็นเป็นนักเรียนชั้นปี 3 ซึ่งผมได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นคลาสมาสเตอร์ของโซลออสนี้! ใครจะเรียกว่ารุ่นพี่ก็ได้นะไม่มีปัญหา ยินดีที่รู้จัก」
จากนั้นก็โค้งคำนับเหมือนกับที่เคยเห็นในสังคมขุนนาง เป็นการบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็ขุนนางเช่นกัน
(คลาสมาสเตอร์เนี่ย ฟังดูเท่ห์จังเลยนะ! แล้วแบบนี้มันจะเหมือนกับหัวหน้าห้องรึเปล่า? แต่ว่า เขาอายุมากกว่าพวกเรานี่นา… จะว่าไป ไม่มีครูประจำชั้นหรือไงกันนะ? อือ… ความรู้จากชาติก่อนของฉัน ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยจริงๆ)
ขณะที่ฉันกุมศีรษะ รุ่นพี่คาริสก็เริ่มพูดต่อ เขามีส่วนสูงมากกว่าฉันประมาณ 2 ช่วงหัว ซึ่งก็สมกับที่อยู่โซสออส ร่างผอมเพรียวของเขานั้นมีกล้ามเนื้อซึ่งเกิดจากการฝึกฝน ผมสั้นสีน้ำตาล และจากที่เหลือบมอง มีขนคิ้วหนา ทำให้มีลักษณะของเด็กหนุ่มผู้กระฉับกระเฉง รอยยิ้มเห็นฟันนั่นก็ดูดีไม่เบา ซึ่งทำให้เด็กหญิงบางคนในที่นี้เข้าสู่โหมดสาวน้อยไปในทันที
(โดยสรุปก็คือ รักการออกกำลังกาย ดูแลรุ่นน้องเป็นอย่างดี นี่เป็นรุ่นพี่ที่แสนดีจากเรื่องไหนกัน?)
ฉันนึกถึงหนังสือและอนิเมะที่เคยเห็นในชาติก่อน แล้วก็เอามาเทียบเคียงตามอำเภอใจ
「เอาล่ะ ขอจบการอธิบายเรื่องยากๆเอาไว้แต่เพียงเท่านี้」
ในขณะรุ่นพี่ที่แสนดีกำลังพูด แต่ฉันกลับเอาแต่จินตนาการฟุ้งซ่านจนไม่ได้ฟัง
(อูย… แมรี่… ความผิดพลาดอันเจ็บปวด)
「จากนี้จะพาเที่ยวชมภายในบริเวณโรงเรียน ตามมาเลย」
พูดเช่นนั้นแล้ว รุ่นพี่คาริสก็เดินออกจากห้องนั่งเล่น และทุกคนก็รีบเดินออกจากห้องตามไป
「เป็นอะไรเหรอ ท่านแมรี่? ไม่ไปเหรอ?」
ในขณะที่คนอื่นเดินกัน ฉันกลับยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ซาฮะจึงส่งเสียงเรียก
「เอ๋ อะ อื้ม… ไปสิ」
หลังจากเปลี่ยนอารมณ์ ฉันก็รีบตามทุกคนไป แล้วก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมา เมื่อหันไปดู ก็พบเด็กหญิงร่างเล็กที่มีผมทรง wave hair ดูนุ่มนิ่มน่าจะเป็นสีน้ำตาลมากกว่าสีทอง กำลังมองมาทางนี้
เมื่อดวงตาสีหยกสบเข้ากับดวงตาสีทองของฉัน เธอก็รีบวิ่งหนีไปทางที่ทุกคนเดินไป…
แต่แล้ว กลับสะดุดล้มอย่างแรงทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้สะดุด
「「……」」
เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ ฉันกับซาฮะจับจ้องไปยังร่างของเด็กหญิงที่ล้มฟาดลงกับพื้น โชคไม่ดีที่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว มีเพียงรุ่นพี่ที่มองมาแบบไม่ใส่ใจจากระยะไกลเท่านั้น
「อะ เอ่อ… เป็นอะไรรึเปล่า?」
ฉันพูดถามร่างที่ล้มอยู่โดยไม่ต้องคิด ร่างนั้นเกิดอาการสะดุ้ง จากนั้นก็รีบกระโดดขึ้นมาในทันใด ก่อนที่จะลงพื้นและลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
(เด็กคนนี้เนี่ย… ประสาทการเคลื่อนไหวดีเยี่ยมหรือว่าแย่ แบบไหนกันแน่เนี่ย?)
มองภาพเหตุการณ์นั้นแล้ว ฉันก็เผยอปากส่งเสียง*โฮ่~ *ออกมา เด็กสาวที่ยืนหันหลังให้ค่อยๆหันหลังกลับมา
「มะ ม่ายเป็นรายคร่า」
จมูกของเด็กสาวกลายเป็นสีแดง และมีน้ำตาที่หางตาให้เห็น
(หรือว่า ตอนที่ล้มจะหน้าฟาดพื้นอย่างงั้นเหรอ?)
「ไม่ได้ไม่เป็นไรซักหน่อยนี่นา」
ฉันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา และพยายามจะวางลงไปบนจมูกของเด็กสาว แต่
「อะ ผ้าเช็ดหน้าสวยๆแบบนั้น ว๊าย!」
เธอยื่นหน้าเข้ามาเพื่อห้าม แล้วชนเข้ากับศีรษะของฉัน
ตามปกติแล้วคงจะเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายลงไปร้อง「 อูย…เจ็บ…」 แต่ปรากฏว่านั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บซักนิดเดียว ผู้ที่ร้องอยู่จึงมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
「อะ เอ่อ… ขอโทษ เป็นอะไรไหม?」
「มะ ไม่เป็นไรค่ะ」
พอมองผ้าเช็ดหน้าในมือของฉันแล้ว เธอก็บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่เป็นไรก็คงไม่เอามือกุมหน้าผากแบบนั้นหรอก
「โอ่ย คุยกันจบรึยัง? ทุกคนเค้าไปกันหมดแล้วนะ」
ในขณะที่มองดูบทสนทนาเรื่อยเปื่อยดำเนินไป ซาฮะก็ตั้งคำถามแทรกขึ้น ทำให้รู้สึกตัวว่าถูกทิ้งเอาไว้ซะแล้ว ฉันลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ แต่ก็ตามคาด ไม่มีแม้แต่เงาของกลุ่มคนที่เดินจากห้องนี้ไป
「ตายล่ะ! ถูกทิ้งไว้ซะแล้วสิ」
「ขะ ขอโทษค่ะ! เป็นเพราะฉันแท้ๆ」
เธอมองมาพร้อมขอโทษด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พอได้แล้วล่ะ ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั่นยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว ฉันกับซาฮะก้าวเข้าไปหาเธอที่กำลังร้องไห้
「ยะ หยุดร้องไห้เถอะนะคะ」
「ชะ ใช่แล้วล่ะ… แบบนี้มันเหมือนว่าพวกผมเป็นคนทำให้ร้องไห้เลยไม่ใช่เหรอ」
เธอร้องไห้หนักมากจนฉันกับซาฮะต้องเข้าไปช่วยกันปลอบ
(อะเระ? เดี๋ยวนะ… ประจำเลย พอเกิดเรื่องทีไรฉันก็มักจะเอาแต่ร้องไห้แล้วก็สูญเสียความเยือกเย็น… แต่ทั้งทุตเต้ ทั้งมากิลูก้า กลับไม่เป็นแบบนั้น ทำยังไงถึงจะสงบได้แบบนั้นนะ?)
พอคิดได้ ฉันก็มองไปที่เธออีกครั้ง ค่อนข้างมั่นใจสาเหตุมาจากตัวของเธอเอง เพิ่งเคยเจอคนร้องไห้หนักขนาดนี้ต่อหน้าต่อตา ปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีไหมนะ ช่วยไม่ได้นี่นา เพราะตัวฉันเองก็ต้องสงบจิตสงบใจด้วยเหมือนกัน
「เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ… ว่าแต่ว่า ทุกคนไปไหนกันหมดแล้วล่ะ?」
「หา? ผมก็ไม่ได้ฟังเหมือนกัน」
(ฉันโง่เองสินะที่เผลอไปคาดหวังอะไรกับคนอย่างนาย)
พอฉันตั้งคำถามไป ตาบ้านี่ก็ยกธงขาวยอมแพ้ในทันที ฉันที่เห็นถึงกับต้องถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งใช้ความคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี
(เข้าเรียนวันแรกก็เกิดเหตุซะแล้ว… ทำยังไงดี… อ้าาาา… แย่ที่สุด… นี่ฉันจนมุมแล้วเหรออออ)
ในขณะที่ฉันเกือบจะ Job Change เป็นจอมมารแห่งการทำลายล้าง ก็ได้ยินเสียงสั่นๆเรียกขึ้นมา
「อะ อะโน… ไม่แน่ว่า ทุกคน… อาจจะไปที่ลานฝึกซ้อมกัน… รึเปล่าคะ…」
เสียงที่เบาจนเหมือนกับจะจางหายของหนูน้อยผู้บอบบางช่วยจุดประกายให้พวกเรา
「ลานฝึกซ้อม?」
「ฮี้! ขอโทษค่ะ ที่คนอย่างฉันเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต」
คำพูดที่ถามกลับไปโดยไม่คิดอะไรของซะฮะ ทำให้หนูน้อยผู้บอบบางตกใจ
(หรือว่าเด็กคนนี้ จะกลัวเด็กผู้ชายรึเปล่านะ?)
「ลานฝึกซ้อมคือ?」
「ฮี้! ขอโทษค่ะ ที่คนอย่างฉันเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต」
(อืม… เด็กคนนี้ ไม่ใช้แค่ตัวเล็กอย่างเดียว แต่มีจิตใจบอบบางดุจเต้าหู้ด้วยสินะ)
แม้การที่ถูกแสดงปฏิกิริยาตอบรับแบบเดียวกับซาฮะจะทำให้ช็อคจนเผลอก้าวถอยหลังไปนิดหน่อย แต่ฉันก็พยายามยิ้มเท่าที่จะทำได้ และพูดออกไปอย่างอ่อนโยนเพื่อไม่ให้เธอกลัว
「ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ลานประลองมันทำไมเหรอ?」
「เอ่อ คือว่า… ก่อนหน้านี้…ตัวแทนรุ่นพี่พูดเกี่ยวกับลานประลองขึ้นมาค่ะ… ดังนั้นอาจจะ…」
ฉันพยายามตั้งใจฟังแม้น้ำเสียงตอนท้ายจะค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ จากนั้นก็หันหน้าไปทางซาฮะ ซึ่งเขาทำหน้านิ่งส่ายศีรษะไปมา
(อะไรล่ะนั่น? เขาไม่ได้ฟังที่รุ่นพี่พูด หรือไม่รู้ว่าลานประลองอยู่ไหน แบบไหนกัน)
ฉันหรี่ตามมองซาฮะด้วยความรู้สึกแบบนั้น
「ทั้งคู่เลย」
เขาตอบกลับมาราวกับว่าได้ยินเสียงความคิดในใจฉัน และก็ต้องรู้สึกผิดหวังกับเขาอีกครั้งจนต้องถอนหายใจออกมา
「โอ่ย เธอ! ผมก็แค่ไม่ได้ฟัง แล้วก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนแค่นั้นเอง!」
ซาฮะตะโกนประท้วงการกระทำของฉัน สัญชาตญาณกับเรื่องแบบนี้เฉียบคมจังเลยนะ…
「อะโน… ถ้าเป็นที่นั่น… คือ… พอจะรู้ค่ะ…」
เด็กหญิงตอบกลับมาอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา ฉันยื่นมือออกไปเพื่อดึงตัวเธอขึ้นมา
「จริงเหรอ! ถ้าอย่างนั้น ช่วยนำทางที!… เอโตะ…」
มาจนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่รู้เลยนี่นาว่าหนูน้อยผู้บอบบางมีชื่อว่าอะไร
「เอ่อ… เอโตะ… ดิฉันชื่อ『ซาฟีน่า คัลซาน่า』ค่ะ ท่านแมรี่」
พอเดาออกว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร เธอ ซาฟีน่าก็แนะนำตัวเองออกมา