Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 30 ไปเยือนคลาสอื่นค่ะ

ในตอนนี้ ฉันกับซาฟีน่ากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยกัน ที่ไหนน่ะเหรอ ห้องนั่งเล่นของ『ลาไลออส』ยังไงล่ะ

 

(จุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรมาก มาพบองค์ชายยังไงล่ะ… ก็เรื่องดาบในตำนานที่คุยกันครั้งก่อน ฉันอยากรู้จริงๆนี่นา! และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากได้มันมาด้วย ไม่อย่างงั้นล่ะก็ การสอบของฉันไม่มีหวังแน่)

 

ฉันจัดท่าทางของตัวเอง เตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง ด้วยความบังเอิญ ที่ซาฟีน่าไม่มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ พอฉันบอกไปว่าไม่รู้ทางไปห้องนั่งเล่นเธอจึงขอตามมาด้วย

 

(อา ตัวฉันช่างโชคดีที่มีเพื่อนแบบนี้… แต่ เรื่องที่กำลังจะไปพบกับใครนั้น ฉันไม่ได้บอกกับซาฟีน่า ไม่แน่ว่าตอนที่เธอได้พบกับองค์ชาย อาจจะสลบไปเลยก็ได้…)

 

แล้วทำไม ถึงต้องมาพบองค์ชายทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอาการเครียดจนปวดกระเพาะน่ะเหรอ ก็เพราะดาบมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์จึงต้องถามเอาจากราชวงศ์ยังไงล่ะ และคนในราชวงศ์ที่ฉันรู้จักก็มีแต่เขาเท่านั้น

 

(อยากจะเก็บไพ่ใบนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย แต่… ก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้… มันช่วยไม่ได้นี่นะ)

 

ในขณะที่เดินไปตามทาง พวกเราอยู่ในชุดที่ต่างกันนิดหน่อย ซึ่งนั่นทำให้มีผู้คนมองมาทางเราด้วยความสนใจ

 

ขออธิบายเพิ่มเติมว่าชุดของฉันนั้น เป็นชุดที่สั่งช่างตัดเย็บเอาไว้เป็นพิเศษก่อนหน้า ออกมาเป็นชุดยูนิฟอร์มของญี่ปุ่นในชาติก่อนนั่นเอง เมื่อพูดถึงโรงเรียนสำหรับคนญี่ปุ่นก็จะนึกถึงการใส่ชุดยูนิฟอร์ม ตัวฉันคิดแบบนั้นและอยากจะใส่มันมานานแล้ว

 

เป็นชุดยูนิฟอร์มแบบเบลเซอร์ลายตารางสีขาวสลับดำ ปักตราโรงเรียนอารุเดียและตราสัญลักษณ์ของโซลออสเอาไว้ ถึงจะมีคนอื่นมองมาก็สามารถบอกได้ว่า 「ฉันเป็นนักเรียนของโรงเรียนอารุเดีย สังกัดโซลออสค่ะ」  และ พอรู้จากการแต่งตัวของฉันว่าเป็นคนของโซลออส คนของลาไลออสก็เว้นระยะให้ ทำเพียงแค่มองดูอยู่ห่างๆ

 

ทว่า ปัญหาอย่างนึงก็คือในตอนนี้ผู้ที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มมาโรงเรียนมีเพียงแค่ฉันเท่านั้น ก็ ปกติแล้วทุกคนจะต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มกันใช่ไหมล่ะ ถ้ามีเพียงฉันที่ใส่ล่ะก็ แบบนั้นมันไม่ใช่ยูนิฟอร์มเป็นได้แค่แฟชั่นอย่างนึงเท่านั้นเอง

 

(ก็แหม การใส่ชุดยูนิฟอร์มคือความหมายอย่างนึงของการมาโรงเรียนไม่ใช่เหรอ)

 

เริ่มต้นจาก ซาฟีน่าที่อยู่ข้างๆซึ่งกำลังแสดงความสนใจอย่างเต็มที่เนี่ยล่ะ ไว้วันหลังฉันจะเตรียมชุดยูนิฟอร์มที่เหมาะให้เอง

 

(ฟุฟุฟุ… ในเวลาไม่นานมันจะต้องเป็นที่นิยมทั่วทั้งโซลออสอย่างแน่นอน)

 

ขณะที่กำลังวางแผนให้ชุดยูนิฟอร์มเป็นที่แพร่หลายไปทั้งโซลออสอยู่นั้น ไม่นานนัก ก็มาถึงห้องที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ ภาพห้องนั่งเล่นตรงหน้าทำให้ความตึงเครียดของฉันพุ่งสูงขึ้น

 

(อย่างที่ญี่ปุ่นเอง… ความรู้สึกในการไปเยือนห้องอื่นเป็นครั้งแรกก็คงจะเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง แต่…ว่า บทสนทนาของนักเรียนที่อยู่ใกล้ประตู

 

「โอ๋~○○ซังทำให้XXเหรอ!」

 

「อ๋า มีอะไรกับXXคนดังเนี่ยนะ วิ้ดวิ้ว 」

 

「หยุดเลยนะ น่าอายออก! ○○ซัง ไปคุยกันข้างนอกดีไหม?」

 

มันดันเป็นเรื่องประเภทนั้นเนี่ย… ว๊าย~♪ )

 

เพราะในชาติก่อน ไม่เคยได้เจอความรู้สึกเปรี้ยวอมหวานแบบนี้ จึงรู้สึกยินดี ในทางกลับกัน เพราะว่า XX คือองค์ชายจึงทำให้รู้สึกเครียดจนปวดท้อง ในขณะที่ฉันมีอาการแบบนั้น แน่นอนว่าซาฟีน่านั้นมีสภาพจิตใจที่บอบบางกว่าฉัน ย่อมรู้สึกเครียดยิ่งกว่า สีหน้าในตอนนี้บ่งบอกว่าเธอพร้อมจะอาเจียนออกมาได้ทุกเมื่อ

 

「ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ จากตรงนี้ฉันจะเข้าไปเองคนเดียว」

 

เพราะเห็นว่าซีดไปหมดทั้งตัวแล้วฉันจึงส่งเรือกู้ชีพเข้าไป แต่เธอกลับ*พั่บพั่บ*ส่ายหน้า

 

「หะ ให้อยู่ตรงนี้คนเดียว… ไม่ไหวหรอกค่ะ…」

 

(นั่นสิน้า~… ฉันเองถ้าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวคงจะร้องไห้แน่เลย)

 

หลังจากสูดหายใจลึกๆ ฉันก็มองเข้าไปในห้องนั่งเล่น ภายในห้องมีโครงสร้างแทบจะเหมือนกันกับห้องนั่งเล่นของพวกเรา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไร คนในห้องเองก็หันมามองพวกเราด้วยความสงสัย ซึ่งพอสังเกตว่าฉันเป็นคนของโซลออส ก็ปล่อยผ่านไป

 

(ตายแล้ว… ที่นี่ไม่มีการจัดที่นั่ง แต่ถึงจะมีก็ไม่รู้จักใครที่พอจะถามได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ คุ คงต้องมองหาด้วยตัวเองอย่างช่วยไม่ได้สินะ… อู ตื่นเต้นจัง… องค์ชายอยู่ตรงไหนกันน้า?)

 

เพื่อที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ฉันจึงออกเดินและใช้สายตามองหาองค์ชาย แล้วก็พบเขาในเวลาอันรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง

 

(ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะมีเด็กสาวหลายคนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นยังไงล่ะ)

 

มีเด็กชายหญิงจำนวนหนึ่งกำลังยืนล้อมรอบโต๊ะ ซึ่งตรงกลางของวงล้อมมีองค์ชายผู้อ่อนโยนกำลังพูดคุยในหัวเรื่องอะไรซักอย่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

(กำลังพูดถึงวิชาที่เรียนเหรอ… หรือว่าคุยเรื่องบ้านเมืองกันนะ แต่จะเรื่องไหนก็แทรกเข้าไปได้ยาก เพราะฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนั้นเลยนี่นะ)

 

องค์ชายไม่ได้เป็นผู้พูดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รับฟังความคิดเห็นของคนที่อยู่รอบๆด้วย และ นำไปปรับใช้ ทำให้จับใจผู้ฟังมากยิ่งขึ้น พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นองค์ชายแต่ก็ยังคงพูดกันอย่างสนิทสนมกับเขาผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยด้วยสีหน้าเคารพเทิดทูน และ องค์ชายเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกสนุกมากด้วยเช่นกัน พอมองไปทางฝ่ายเด็กสาวนั้น ดูเหมือนจะหลงเสน่ห์กันไปหมด

 

(ยังไง… ไม่เข้าไปรบกวนดีกว่าเนอะ…)

 

ในขณะที่ฉันยืนรอว่าการสนทนาจะจบลงเมื่อไหร่นั้น จังหวะที่องค์ชายรู้สึกถึงตัวตนของพวกเรา จากนั้น สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาทางฉันอย่างพร้อมเพียงกัน

 

「ต้องขอโทษด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนคนสำคัญมาเยี่ยม เอาไว้ค่อยคุยกันต่อโอกาสหน้านะครับ」

 

พูดออกมาแบบนั้นด้วยรอยยิ้มสบายๆแบบเป็นกันเอง ซึ่งก็ไม่มีใครพูดขัดอะไรออกมา แม้จะมีบางคนทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ปิดปากเงียบเอาไว้ ต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นจากที่นั่ง และก้าวเดินออกจากจุดนั้น

 

(อะโน คือว่า… สายตาของพวกเด็กสาวมันออกจะน่ากลัวไปหน่อยนะคะ…)

 

พวกเด็กสาวที่เดินจากไปนั้น*ฮึ*จ้องมาพร้อมทั้งแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่ฉันไม่กล้าที่จะจ้องตากลับไปหรอกนะ

 

(จะว่าไป ไม่เห็นซาฟีน่าจะพูดอะไรมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เป็นยังไงบ้างนะ?)

 

เพราะเห็นว่าองค์ชายกำลังเดินตรงมาทางพวกเรา เลยคิดว่าซาฟีน่าอาจจะกำลังตื่นตระหนก แต่เธอกลับจับแขนเสื้อของฉันเอาไว้แน่นแล้วยืนนิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

 

(หมายความว่าสภาพจิตใจเข้มแข็งขึ้นแล้วอย่างงั้นเหรอ? น่าอิจฉาจังเลย… นะ?)

 

*หือ?* เพราะเกิดความรู้สึกแปลกๆจึงเหลือมองเธอ และเมื่อมองดูดีๆ ซาฟีน่าหมดสติทั้งๆที่ยังยืนอยู่ไปแล้วไม่ใช่เหรอนั่น

 

(ขอโทษ! ไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลยนี่นา! แถมยังเกินขีดจำกัดจนน็อคไปแล้วสิเนี่ย!)

 

「ซา ซาฟีน่าาาา! กลับมาก่อนนน!」

 

ฉันจับไหล่ของเธอเขย่าไปมา *หงึกหงึก*แต่ราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาที่เชือดขาด ไม่มีการตอบสนองใดๆ นอกจากคอที่พับลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก

 

「…เป็นลมหรือครับ? แย่เลยนะ ถ้ายังไง พาไปนอนพักที่โซฟาทางด้านนั้นดีไหมครับ」

 

(ไม่ใช่ค่ะ เด็กคนนี้แค่เห็นองค์ชายก็ตื่นตระหนกเกินขีดจำกัด จนสติหลุดลอยเพื่อหนีจากโลกแห่งความเป็นจริง… ถึงยังไงก็คงพูดแบบนั้นออกไปไม่ได้หรอกนะ)

 

บรรดาเด็กชายรอบๆตัวฉันที่กำลังดื่มชาตอบรับคำขอร้องขององค์ชายเข้ามาช่วยกันยกร่างของซาฟีน่าพาไปนอนที่โซฟา ฉันที่ยังรู้สึกเป็นห่วงมองตามหลังไป และที่หางตาก็สังเกตเห็นว่าองค์ชายกำลังส่งยิ้มมาที่ฉัน

 

「มีอะไรหรือคะ? ท่านเรย์ฟอร์ซ?」

 

「เปล่าครับ เพียงแค่กำลังคิดว่าไม่เคยเห็นชุดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน」

 

ฉันมองไปยังชุดยูนิฟอร์มแบบญี่ปุ่นที่ทำขึ้นมาเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันมีลักษณะเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบผู้คนที่อยู่โดยรอบ

 

「ดิฉันเป็นคนออกแบบ และตัดเย็บ… ดูแปลกหรือเปล่าคะ?」

 

ฉันกางแขนออกเล็กน้อย พลางมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง มันดูเหมือนกับภาพที่เคยเห็นจากมังกะและอนิเมในห้องผู้ป่วยจากชาติก่อน ฉันวาดแบบยูนิฟอร์มที่เห็นในตอนนั้นและสร้างออกใหม่ในโลกฝั่งนี้โดยพยายามให้ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด หรือเป็นเพราะว่ามีองค์ประกอบของอนิเมมากไปหน่อย จะให้ความรู้สึกในแนวแฟนซีมากไปรึเปล่านะ?

 

「ไม่แปลกเลยครับ เป็นการออกแบบที่ขับเน้นความน่ารักและงามสง่าประสานกันอย่างลงตัว… เข้ากับคุณเป็นอย่างยิ่ง วิเศษมากครับ」

 

「ท่านเรย์ฟอร์ซ… ที่พูดเมื่อครู่ จำมาจากองค์ราชาอย่างนั้นหรือคะ?」

 

「โอ๊ะ ไม่ได้สิ ช่วงนี้ ไม่มีใครคอยเตือนซะด้วย… ขอโทษที่เผลอไป… ฮะฮะฮะ」

 

ฉันหรี่ตาลงพูดตัดคำพูดกึ่งล้อเล่นนั้น องค์ชาย*ฮะฮะฮะ*ก็หัวเราะกลับมา แตกต่างจากเมื่อครู่ คราวนี้เป็นรอยยิ้มน่ารักที่ดูเหมาะสมกับวัย และ ในเวลาเดียวกัน ฉันก็รู้สึกถึงสายตาแห่งความมุ่งร้ายจากที่ไกลๆพุ่งเข้ามาทิ่มแทงจากทางด้านหลัง

 

เพราะในตอนนี้องค์ชายที่กำลังยิ้มนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับซาฟีน่าที่กำลังนอนอยู่ เมื่อฉันเห็นดังนั้น จึงเลือกที่จะนั่งลงข้างๆซาฟีน่า

 

「แล้ว? ที่มาหาผมนี่มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือครับ? ปกติแล้วคุณหนูแมรี่จะไม่ค่อยเป็นฝ่ายเข้ามาหา แสดงว่ามีธุระสำคัญมากสินะครับ」

 

(…มองมาด้วยสายตาคาดหวังซะขนาดนั้น มันแสบตานะคะ องค์ชาย… ดิฉันแค่มาด้วยเหตุผลส่วนตัวเท่านั้นเอง ไม่ต้องส่องประกายก็ได้ค่ะ)

 

ด้วยความรู้สึกผิดที่ทรยศต่อความคาดหวังขององค์ชาย ฉันจึงหลบสายตาของเขา และตัดสินใจกล่าวเฉพาะธุระที่มาที่นี่ออกไป

 

――――――――――

 

「Eternal Sword… อืม… เรื่องนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ」

 

คำตอบขององค์ชายที่ตอบกลับมาหลังจากที่ฟังธุระแล้วทำให้ฉันต้องประหลาดใจ เป็นแค่เรื่องหลอกลวงอย่างงั้นเหรอ ทั้งทฤษฏีที่ว่าพระราชาสั่งให้สร้าง ทั้งพระผู้เป็นเจ้าประทานพรให้องค์หญิง และอื่นๆอีกหลายทฤษฏี แม้แต่เรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าไม่เคยได้ยินอย่างงั้นเหรอ

 

「คุณหนูแมรี่กับมากิลูก้า และท่านอื่นๆเอง ก็ดูให้ความสนใจกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น การที่ไม่มีข้อมูลใดๆส่งต่อมาช่างน่าแปลกจริงๆ…」

 

「หรือจะหมายความว่า? เรื่องราวที่ฉันได้ยินมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าอย่างนั้นหรือคะ?」

 

「อย่างไรก็ตาม… การรวบรวมช่างฝีมือจากทั่วประเทศก็เป็นเรื่องจริง แสดงว่าเรื่องนั้นคงมิใช่เพียงข่าวลือที่ไม่มีมูล… จริงสิ ในหมู่ช่างฝีมือของราชวงศ์เองก็มีดวอร์ฟอยู่ ถ้าลองถามดูอาจจะรู้ข้อมูลอะไรก็ได้ครับ」

 

(โอ้ ช่างฝีมือของราชวงศ์… เป็นชื่อที่เยี่ยมไปเลย! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นดวอร์ฟด้วยล่ะ! อยากจะเห็นตัวจริงจัง)

 

เพราะดวงตาของฉันเปล่งประกาย*ว้าวว้าว*ด้วยความตื่นเต้น องค์ชายที่เห็นฉันเป็นแบบนั้นจึง*ฮุ*หัวเราะออกมา จากนั้นก็พูดแบบไม่คิดอะไรมากออกมาว่า

 

「ถ้าเช่นนั้น ไปด้วยกันในช่วงวันหยุดครั้งต่อไปดีไหมครับ? อยู่ในเมืองหลวงนี่เอง คิดว่าคงไม่เสียเวลามากนัก」

 

แน่นอนว่าสมาชิกประจำทั้งหมดก็จะไปด้วยกัน แต่เพราะคำพูดชวนให้เข้าใจผิดนั้น ก่อให้เกิดออร่าด้านลบพุ่งเข้ามาทิ่มแทงฉันจากรอบทิศทาง ตัวฉันที่มีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาได้แต่*ฮะฮะฮะ*หัวเราะแห้งๆ พลางคิดอย่างจริงจังในใจว่า ขอล่ะการโจมตีด้วยสายตามันกระตุ้นสกิลแถมยังปิดไม่ได้ด้วยนะค้า~

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset