Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว – ตอนที่ 31 การเยี่ยมชมโรงตีดาบของราชวงศ์

ณ วันหยุดสุดสัปดาห์

 

ฉันกับทุตเต้นั่งรถม้าไปยังโรงเรียนอารุเดียด้วยกัน เพราะมารวมตัวกับทุกคนได้สะดวกกว่า

 

「เปรียบเทียบกับที่ญี่ปุ่นแล้ว… ก็ประมาณว่าไปเที่ยวในเมืองกับเพื่อนๆตอนวันหยุด… พูดแบบนั้นก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าต้องไปเดินด้วยกันกับองค์ชายลำดับหนึ่งล่ะก็ แค่คิดก็ปวดท้องขึ้นมาแล้ว」

 

「แหมแหม คุณหนู นั่นก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือคะ รีบรีบทำตัวให้ชินกับแพทเทิร์นแบบนี้เถอะค่ะ… นอกจากนี้ เรื่องดาบยังไงล่ะคะ ดาบ! บางทีอาจจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของดาบในตำนานก็ได้มิใช่หรือคะ」

 

ในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็มีเสียงคำพูดมาช่วยให้ฉันผ่อนคลายลง ต้องขอบคุณทุตเต้ที่ช่วยปลอบ ทำให้ออร่าสีดำนั้นค่อยๆจางหายไป

 

「ใช่แล้วล่ะ! นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งหดหู่ซักหน่อย! ต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับดาบ และถ้ามีโอกาสก็ต้องเอามันมาครอบครองให้ได้ ถ้าทำได้ อนาคตของฉันก็จะสดใสยังไงล่ะ!」

 

「ใช่แล้วค่ะ! คุณหนู!」

 

ฉันเร่งพลังใจของตัวเองขึ้นมา และก็ยิ้มให้กับภาพของตัวเองในอนาคตที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

 

และแล้ว รถม้าก็ถึงตรงเวลา พวกเราเดินทางมาถึงโรงเรียนในที่สุด

 

(ทุกคน มาถึงกันรึยังนะ?)

 

ฉันพาทุตเต้มายังคาเฟ่เทอเรสที่อยู่นอกตัวอาคารเรียน มันเป็นร้านคาเฟ่แบบเปิดโล่ง ที่มีโต๊ะและเก้าอี้จำนวนมากเรียงกันอยู่ภายนอกร้าน

 

(ไม่เหมือนวันธรรมดา ผู้คนค่อนข้างบางตา)

 

ปกติแล้วจะมีลูกค้าค่อนข้างมาก จนยากที่จะจับจองที่นั่ง แต่อาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด จึงมีผู้คนไม่มาก ทำให้ฉันมองหาโต๊ะที่มากิลูก้ากับซาฮะและซาฟีน่านั่งอยู่ได้อย่างรวดเร็ว

 

(โล่งอกไปที… ดูเหมือนว่าจะมาก่อนองค์ชาย… ถึงจะไม่รู้ว่ามาก่อนเวลานัดซักเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าทำเรื่องผิดพลาดอย่างการมาหลังเขาล่ะนะ)

 

พอเห็นว่าไม่มีองค์ชายอยู่ในกลุ่ม ฉันก็รู้สึกโล่งอก และเดินเข้าไปหาทุกคน

 

(หือ!? เดี๋ยวนะ! ตัวฉัน ไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นเวลาพูดประโยคในตำนานของอีเวนท์การพบหน้ากันหรอกเหรอ)

 

เรื่องประโยคพูดตอนพบกันที่จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้น หลังจากยืนเตรียมความพร้อมเล็กน้อย ก็*ตึกตึกตึก*วิ่งเหยาะๆอย่างเป็นธรรมชาติเข้าไปหาทุกคน

 

「ขอโทษน้า~! มาช้า…าาาาา!」

 

ขณะที่ฉัน*ปิ้งปิ้ง*ยิ้มโปรยเสน่ห์พร้อมกับเคลื่อนที่เกือบจะถึงโต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่นั้น ก็สวนเข้ากับคนที่กำลังจะเดินออกมาจากร้าน ซึ่งใบหน้านั้นทำให้ฉันถึงกับค้างไปเลย

 

ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ คนๆนั้นคือองค์ชายนั่นเอง

 

「ไม่เลย ผมเองก็เพิ่งมาถึงครับ」

 

รอยยิ้มสดใสขององค์ชายที่ส่งให้กับฉันที่กำลังอึ้งจนพูดไม่ออก รวมกับคำพูดสุภาพที่ย้อนกลับมายิ่งทำให้ฉันได้รับแดมเมจมากขึ้นไปอีก

 

「กราบขออภัยอย่างสุดซึ้งเจ้าค่ะ!」

 

เกือบจะเผลอคุกเข่าลงไปทำท่าโดเกสะ แต่คิดได้ว่าทำมันตรงนี้คงไม่ดีแน่ ฉันจึงล้มเลิกเรื่องนั้น และทำเท่าที่ทำได้ คือการโค้งศีรษะลงต่ำ กับ หลากหลายความรู้สึกที่เกิดขึ้น…

 

「ไม่เลยครับ ผมมาก่อนเวลานัดหมายเอง แล้วคุณหนูแมรี่ก็มาตรงเวลา ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำขอโทษใดๆเลยครับ」

 

「ไม่ใช่ค่ะ เป็นเรื่องอื่น ต้องขอโทษในหลายๆเรื่องด้วยค่ะ」

 

เพราะจู่ๆฉันก็แสดงสีหน้าและท่าทางแบบนั้น องค์ชายที่ตามสถานการณ์ไม่ทัน จึงตื่นตระหนกกับอาการของฉันที่แดงจนถึงใบหูก้มหน้าก้มตาขอโทษไม่เลิก

 

「ในเมื่อทุกคนมากับครบแล้ว… เดินทางเข้าเมืองกันเถอะค่ะ ฝ่าบาท」

 

ในตอนที่ฉันกำลังก้มศีรษะอยู่นั้น มีผู้ที่เข้ามาโอบกอดบริเวณไหล่อย่างนุ่มนวล มากิลูก้าช่วยเรียกสติของฉันกลับมา และพูดกับองค์ชาย เขาพยักหน้ารับรู้และเริ่มดำเนินการตามกำหนด

 

「ขอบคุณนะ มากิลูก้า」

 

「ไม่หรอกค่ะ… ทางนี้เองก็ได้เห็นภาพของท่านแมรี่ที่รีบวิ่งเพื่อมาให้ทันเวลาด้วย น่ารักเป็นที่สุดเลยค่ะ ♪ 」

 

「เรื่องนั้น ช่วยลืมที…」

 

ฉันกระซิบขอบคุณเพื่อนที่เข้ามาช่วยเหลือเบาๆ ซึ่งเธอหัวเราะอย่างสนุกสนานและขุดเรื่องน่าอายของฉันขึ้นมาอีกรอบ

 

และแล้ว พวกเราทั้งหมดก็ออกเดินทางเข้าเมืองกัน

 

――――――――――

 

ฉันเดินผ่านเหล่าผู้คนในเมือง ซึ่งบางคน ถูกดึงดูดให้มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็อดทน เดินหน้าต่อไปจนถึงจุดหมาย

 

「ที่นี่ครับ」

 

ในขณะที่ฉันต่อสู้กับสายตาโดยรอบ องค์ชายก็หยุดเดิน และกล่าวแนะนำร้าน ขนาดของร้านนั้นทำให้ฉัน*ก๊อง*ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

 

(ใหญ่มาก… จินตนาการเอาไว้ว่าเป็นร้านค้าเล็กๆแบบที่เคยเห็นในเกม RPG แต่นี่มันใหญ่ระดับโรงงาน ไม่ใช่แค่ร้านค้าแล้ว)

 

องค์ชายพาพวกเราเดินเข้ามายังโรงงานที่อยู่ภายในกำแพงที่แข็งแรง ข้างในนั้น มีคนยืนรออยู่ เป็นคุณลุงท่าทางเคร่งขรึมในชุดภูมิฐานเดินเข้ามากล่าวทักทาย

 

「กำลังรออยู่เลยครับ ฝ่าบาท… ที่ฝ่าบาททรงมาเยี่ยมด้วยตัวเองในวันนี้ พวกเราทุกคน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ」

 

「อื้ม… ที่มาวันนี้ก็มาพบ『หัวหน้า』น่ะ… อยู่หรือเปล่า?」

 

(หือ? ผู้รับผิดชอบไม่ใช่เขาอย่างงั้นเหรอ… อ้อ จะว่าไป ได้ยินว่าเป็นดวอร์ฟนี่นา… จะแตกต่างจากมนุษย์ขนาดไหนนะ…)

 

เสน่ห์หลายๆอย่างที่มีเฉพาะแต่ในเผ่าพันธุ์ดวอร์ฟ นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังนึกอยู่ในตอนนี้

 

「โอยะโอยะ คิดว่าใคร นายน้อยหรอกรึ?」

 

ผู้ที่เดินออกมาจากตัวอาคารด้านหลัง พร้อมกับน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง เมื่อบุคคลนั้นปรากฏตัว ฉันถึงกับจ้องมองจนลืมหายใจไปชั่วขณะ

 

มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ผมสีแดงตัดสั้น ผิวออกสีน้ำตาลเกือบเข้ม ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อดูมีพละกำลัง ทว่า แม้จะดูเป็นผู้ใหญ่แต่กลับมีส่วนสูงไม่มาก ถ้าจะให้พูดก็ แค่ประมาณเดียวกันกับเด็ก 10 ขวบอย่างฉันเท่านั้นเอง

 

(โโโอ้ ดวอร์ฟล่ะ! แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย! ถึงจะไม่มีหนวดก็เถอะ แต่รูปหน้าแทบไม่ต่างกับที่เคยเห็นในเกมเลย! กรี๊ด~ ของจริงล่ะ! กะ กล้อง! กล้องอยู่ไหน!)

 

ภายในใจของฉันรู้สึกตื่นเต้น กับเหล่าดอร์ฟที่เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ในขณะที่มองเธอโดยทำ poker face เอาไว้ มีเพียงองค์ชายที่ยิ้มขมๆ ให้กับเธอที่เดินเข้ามา

 

「ฮะฮะฮะ ช่วยหยุดเรียกว่านายน้อยได้ไหม ดีโอโดร่า… ผมอายุ 10 ปีแล้วนะ」

 

「สำหรับชั้นแล้ว นายน้อยก็ยังเป็นนายน้อยอยู่ดีนั่นล่ะ วะฮ่าฮ่าฮ่า」

 

ดีโอโดร่าที่เป็นดวอร์ฟหญิง ให้ภาพลักษณ์คุณป้าอารมณ์ดี หัวเราะ แล้วก็ตบหลังองค์ชายดัง*ป๊าบป๊าบ*

 

(นี่มันสุดยอดไปเลย… สมแล้วที่เป็นดวอร์ฟ)

 

และ พอฉันที่กำลังรู้สึกประทับใจอย่างไม่มีเหตุผล เดินเข้าไปใกล้จนเธอสังเกตเห็น

 

「โอยะ? หิ้วเด็กสาวน่ารักมาด้วยสินะ เหมือนกับฝ่าบาทเลยนะเนี่ย!」

 

「ไม่ ไม่ใช่นะ! พวกเธอเป็นเพื่อนครับ」

 

ในขณะที่องค์ชายซึ่งกำลังเขินอายพูดแก้ต่างอยู่นั้น ดีโอโดร่าก็เดินตรงมาหาพวกเรา ฉันซึ่งกำลังตื่นเต้นอยู่นั้นก็ทำการขอบคุณแบบคุณหนูออกไป

 

「สวัสดีค่ะ… หนูชื่อแมรี่ เลกาเลียค่ะ」

 

「ชั้น ดีโอโดร่า… ก็ไม่ค่อยถนัดการทักทายแบบเป็นทางการของมนุษย์น่ะนะ อาจจะคิดว่าหยาบคายแต่ก็คุยได้แต่แบบเป็นกันเองอย่างนี้ล่ะ เธอเองก็ไม่ต้องใส่ใจเรื่องคำพูดกับชั้นด้วยเหมือนกันนะ」

 

และหัวเราะจนเห็นฟัน ภาพลักษณ์เหมือนกับพวกคุณป้าภายในเมืองที่เคยเห็นเพียงแต่เธอตัวเล็กกว่า หลังจากกล่าวทักทายกันเป็นที่เรียบร้อย ก็พาพวกเราเข้ามาในร้าน

 

「เอาล่ะ… ก็ได้อ่านธุระจากในจดหมายแล้ว แต่ช่วยพูดให้ฟังอีกรอบได้มั้ย?」

 

พอตอบตกลงที่จะเล่าให้ฟังอีกรอบ เธอก็นั่งลงบนเก้าอี้ เพื่อรับฟังเรื่องราว

 

ว่าแต่ว่า คนที่สนใจเรื่องราวของท่านอัศวินสีเงินอย่างมากิลูก้ากับซาฟีน่าทำไม ถึงมาหลบอยู่ข้างหลังฉัน รอคอยที่จะรับฟังล่ะ องค์ชายเองก็มองมาทางฉัน รอคอยที่จะฟังด้วย ทุตเต้รับชากับของว่างจากคนในร้าน และทำการจัดเตรียมให้กับทุกคน ส่วนซาฮะทำตัวไม่เกี่ยวข้อง มองดูอาวุธที่จัดแสดงอยู่ภายในร้านโดยไม่สนใจดีโอโดร่าแม้แต่น้อย

 

(หือ? นี่มัน กลายเป็นหน้าที่ของฉันไปแล้วเหรอ? เอาเถอะ คนเริ่มต้นเรื่องมันก็ฉันนี่นะ)

 

ดูเหมือนดีโอโดร่าจะสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคนที่มองมาทางฉัน เธอจึงมองที่ฉันด้วย และรอคอยฟังคำตอบ

 

「เอโตะ… เกี่ยวกับ Eternal Sword… พอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นบ้างไหม นั่นคือเหตุผลที่มาที่นี่ค่ะ」

 

「อื ~ ม… Eternal Swordสินะ… เรื่องนั้นใช่มั้ย? ที่เมื่อนานมาแล้ว องค์ราชาสั่งให้พ่อของชั้นกับพวกช่างตีดาบช่วยกันสร้างขึ้นมา ดาบที่เล่ากันว่าแม้แต่เกล็ดของมังกรก็สามารถแทงทะลุได้น่ะ?」

 

ดีโอโดร่าพูดเหมือนไม่ค่อยให้ความสนใจในเนื้อหา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องการได้ยินเป็นอย่างยิ่ง

 

「ใช่แล้ว ดาบเล่มนั้นค่ะ! ดาบที่มอบให้กับท่านอัศวินสิเงินนั่นล่ะค่ะ!」

 

「ว่าแล้วเชียว เรื่องนั้น~… นั่นน่ะนะ~」

 

ในขณะที่ดวงตาของฉันเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง ทว่าดีโอโดร่ากลับเกาแก้มเหมือนลำบากที่จะพูด ก่อนจะตอบออกมา ว่า

 

「เรื่องนั้น มันจบลงด้วยความล้มเหลวน่ะ」

 

*ฮะฮะฮะ*เสียงหัวเราะแห้งๆที่ตามมากับคำพูดของดีโอโดร่า ทำเอาความคิดของฉันหยุดนิ่งไปพักหนึ่งเลย

 

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

Douyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu ne – ดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว

อ่านนิยาย เรื่องDouyara Watashi no Karada wa Kanzen Muteki no You desu neอ่านนิยาย เรื่องดูเหมือนว่าร่างกายของฉันจะแข็งแกร็งไร้เทียมทานซะแล้ว ชาติที่แล้วในช่วงชีวิตก่อนที่จะตายฉันได้วิงวอน [ถ้าได้เกิดใหม่ขอร่างกายที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่แพ้ได้ง่ายๆ] และดูท่าว่าคำขอนั้นจะถูกส่งไปถึง หลังจากมาเกิดใหม่ก็เป็นต่างโลกซะแล้ว ทั้งพละกำลังที่แข็งแกร่งสุดๆ ทั้งพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน ทั้งพลังเวทที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งความเร็วที่เร็วที่สุด การโจมตีทางกายภาพก็ทำอะไรไม่ได้ การโจมตีด้วยเวทมนต์ก็ไร้ผล เพราะว่าไม่มีทางแพ้ทุกๆอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามเลยทำให้มีค่า สเตตัสทุกอย่างเต็ม MAX

Options

not work with dark mode
Reset