เกิดเสียงเซ็งแซ่ทั่วทั้งสนาม เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าตัวเก็งผู้ชนะทั้งสองจะถูกหามส่งห้องพยาบาลอย่างกะทันหัน ฉันรีบวิ่งตามซาฮะกับซาฟีน่าที่ถูกจับลงเปลสนามหามออกไป
「คุณซาฮะ! ซาฟีน่า!」
พอตามทัน ฉันก็ส่งเสียงเรียนทั้งสองคน แต่ทว่าดูเหมือนจะยังไม่ได้สติทั้งคู่ ผลจากการขาดมานาอย่างงั้นเหรอ ฉันสั่นกลัวอย่างห้ามไม่อยู่
「มาเร็วจังนะ」
เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ ฉันก็ถอยหลังและออกห่างจากเปลหามอีกครั้ง เหล่าอาจารย์และสตัฟฟ์เดินเข้าไปยังห้องพยาบาล
ฉันที่ยืนห่างอยู่ข้างหลังคอยมองติดตามสถานการณ์อยู่ห่างๆ เพราะคาดการณ์ถึงเหตุที่น่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยในลานต่อสู้ จึงมีการจัดเตรียมห้องว่างให้เป็นห้องพยาบาลอยู่ใกล้ๆ จึงเป็นธรรมดาที่คนเจ็บจะถูกพามายังที่นี่ก่อน ทั้งสองคนเองก็ไม่ใช่กรณียกเว้น ถูกพามายังห้องนี้ ประตูไม้ถูกเปิดออก ฉันยืนมองพวกเขาเดินเข้าไป แล้วประตูก็ปิดลงตรงหน้า
「จะปลอดภัยใช่ไหม…」
ฉันไม่รู้ว่าอาการขาดมานาเป็นยังไงจึงรู้สึกกังวล ไม่แน่ว่า ทั้งคู่อาจจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีก เกิดความคิดไปในทางไม่ดีเช่นนั้น ฉันกุมมือซ้ายขวาไว้ตรงอกแล้วภาวนาให้ทั้งคู่ปลอดภัย
「ปลอดภัยดีค่ะ แค่หลับไปเท่านั้น พอพลังเวทย์ฟื้นคืนมาเป็นปกติก็จะลืมตาตื่นขึ้นมาเองค่ะ」
ฉันแสดงท่าทีเป็นกังวล ในขณะที่มากิลูก้าเข้ามาปลอบและบอกว่าไม่ต้องห่วง
「นั่นสินะ ม่า ถึงจะต้องใช้เวลาพักฟื้นซักหน่อยแต่คิดว่าไม่มีผลข้างเคียงต่อชีวิตแน่นอนครับ」
รุ่นพี่คาริสเองก็มาด้วย คงเพราะรู้สึกว่าตนมีส่วนต้องรับผิดชอบที่สอนเวทย์มนต์ไป ไม่นาน ประตูที่ปิดก็ถูกเปิดออก และอาจารย์ก็เดินออกมา
「อาจารย์คะ ทั้งสองคนเป็นยังไงคะ?」
แม้จะอยู่ไม่ไกล แต่ฉันก็รีบพุ่งเข้าไปถามอาการ
「อ้อ ปลอดภัยดีจ๊ะ ซาฟีน่าซังไม่ได้มีบาดแผลอะไร ส่วนซาฮะคุงกระดูกร้าวบริเวณซี่โครงกับแขนซ้าย แต่อยู่ในขอบเขตที่เวทย์รักษาจัดการได้ ไม่มีปัญหาจ๊ะ」
อาจารย์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้ฉัน*เฮ้อ*ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
「แต่ว่า อาการขาดมานา เวทย์รักษาของฉันไม่สามารถทำอะไรได้ วันนี้คงจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา เดี๋ยวคงไปคุยกับพวกอาจารย์ที่ดูแลเรื่องการแข่งซักหน่อยนะจ๊ะ」
พูดเช่นนั้นแล้วอาจารย์ก็เดินจากพวกเราไปทางสนามแข่ง รู้สึกโล่งอกที่ทั้งคู่ปลอดภัย พอจิตใจค่อยๆสงบลง ฉันก็เริ่มจัดลำดับสถานการณ์
(เอโตะ ก่อนอื่น ผู้เข้าแข่งขันรอบรองชนะเลิศสองคนเกิดเสมอกัน แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแข่งในรอบต่อไปได้ด้วยสินะ ในวันนี้มีแข่งรอบรองชนะเลิศแล้วก็รอบชิงชนะเลิศซึ่งแข่งจบในวันเดียว ไม่มีการแข่งในวันพรุ่งนี้… ตรงนั้นก็เข้าใจอยู่ หือ? ถ้างั้น พอรอบของเราจบลงไป แล้วรอบชิงชนะเลิศล่ะ?)
คิดเรียงลำดับเหตุการณ์อยู่ในหัว พอรับรู้ถึงสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังรออยู่เบื้องหน้าฉัน เหงื่อเย็นยะเยือกก็ไหลออกมา
(เดี๋ยวนะ… หมายความว่า รอบรองชนะเลิศคู่ที่2 จะถูกร่นขึ้นมาเป็นรอบชิงงั้นเหรอ? เอาจริงสิ?)
พอรับรู้ถึงสถานการณ์ฉันก็ งั้นอยู่ที่ตรงนี้แล้วปล่อยรอบการแข่งผ่านไปก็ได้ไม่ใช่รึไง เกิดความคิดไม่ดีแบบนั้นขึ้นมา หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาตามตนเอง โชคยังดี ที่ไม่มีใครเดินจากทางฝั่งสนามมาเห็นเข้า
การที่ฉันยังคงอยู่ตรงนี้คงเป็นอะไรที่ดูแปลก ทุตเต้จึงมองมาด้วยสายตาแปลกๆพร้อมเปิดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา
「จะว่าไป การที่คุณหนูมาอยู่ที่นี่ อุ๊บ」
ฉันรีบเอามือปิดปากทุตเต้ก่อนที่จะทันได้พูดสิ่งที่กังวลออกมา เงียบเอาไว้ ชืบๆ ฉันค่อยๆถอยห่างจากจุดนั้นอย่างเงียบเชียบไม่ให้ใครรู้
「เข้าใจมั้ย? เพื่อจะได้ไม่ต้องแข่งรอบหน้า ฉันเป็นนักเรียนที่อยู่ตรงนี้ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ถึงแม้จะทำให้แพ้ก็ไม่ว่าอะไร」
「คุณหนูคะ ถึงตอนนี้แล้วไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ยังไงก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากแล้วล่ะค่ะ」
「ดีแล้ว ตามนี้ล่ะ เพราะฉันต้องการแพ้ยังไงล่ะ!」
แม้ ครึ่งหนึ่งจะรับรู้ว่าเป็นความเอาแต่ใจที่อยากจะแพ้ของฉัน แต่ว่า ในตอนนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆที่ฉันอยากได้ในสิ่งที่ต้องการ เพื่อปลอบโยนสภาพจิตใจที่อ่อนไหวและใกล้จะแตกสลายของฉัน ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงเลยว่ามันกำลังอยู่ในสภาพแบบนั้น
「ด้วยเหตุนี้ ทุตเต้กลับไปที่สนาม แล้วแอบดูว่าเป็นยังไงบ้าง」
「เฮ้อ… รับทราบค่ะ」
ถึงจะอิดออดอยู่บ้าง แต่ทุตเต้ก็กลับไปยังสนามแข่งตามที่สั่ง ในขณะที่ฉันทำท่า Yes อยู่ในใจ
และ ไม่กี่นาทีต่อมา
ในขณะที่ฉันทำหน้าตาไม่รู้เรื่องรวมอยู่กับทุกคน ทุตเต้ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา
「ขะ ขะๆๆ คุณหนูคะ แย่แล้วค่ะ!」
ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น แถมยังเรียกฉันเสียงดังอีก ผู้คนโดยรอบจึงรู้สึกถึงตัวตนของฉัน ต่างมองมาพร้อมทำหน้าประหลาดใจ
「เอ๋? เอ่อ ท่านแมรี่ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้? แล้วการแข่งล่ะคะ?」
「ระ เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ ที่สำคัญกว่านั้น ทุตเต้ เธอกลับมาทำไมล่ะ」
พอมากิลูก้ารู้สึกถึงตัวตนของฉัน ก็ถามออกมาด้วยความน้ำเสียงประหลาดใจ ฉันบอกปัดและหันไปหาทุตเต้ที่กำลังร้อนรน จับเธอที่กำลังหน้าซีดเขย่าไปมา
(จะว่าไปแล้ว พอทุตเต้มีอาการแบบนี้ทีไร ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับฉันสินะ)
ฉันเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เกิดความคิดว่าไม่อยากฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอก โดยไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของฉัน ทุตเต้ละล่ำละลักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามแข่งจนต้องรีบวิ่งมา
「แย่แล้วค่ะ คุณหนู คู่แข่งในรอบรองชนะเลิศประกาศยอมแพ้ไปแล้วค่ะ ผมคงไม่อาจลงแข่งได้ เพราะพลังต่อสู้นั้นต่างกันเกินไปซึ่งทุกคนก็คงจะรู้อยู่แล้วค่ะ」
「หาาา?」
คำตอบของทุตเต้ทำให้ฉันเผลอส่งเสียงแปลกๆออกมา
「และก็ เป็นห่วงเพื่อนมากกว่าผลแพ้ชนะการแข่ง มันช่างเจิดจ้า จิตใจของคุณหนูที่สามารถโยนทิ้งมันไปโดยไม่ลังเล ทำให้ผู้คนทั้งสนามประทับใจจนส่งเสียงโห่ร้องออกมา」
「ว่า ไงนะ…」
ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับฉัน ถูกเสริมเติมเติมแต่งให้สวยหรูขึ้นไปอีก ทุตเต้เล่าต่อว่า มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยอยู่ในสนามเช่นกันแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่แย่ไปกว่านั้น คือเจ้าเรื่องที่ถูกเสริมเติมแต่งให้สวยหรูนั่น ดันได้ยินไปถึงหูของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ดูแลการแข่ง
「ละ แล้ว… หลังจากนั้น? หรือว่า เหตุผลแบบนั้น เหล่าอาจารย์จะยอมรับ…」
เป็นสถานการณ์ที่ฉันไม่ต้องการได้ยินแต่ก็ไม่อาจเลือกที่จะไม่ฟัง น้ำเสียงจึงสั่น
「เหล่าอาจารย์มีมติเป็นเอกฉันท์ยอมรับการขอยอมแพ้ ตอนนี้ ในสนามกำลังปรบมือให้กับอีกฝ่ายอยู่เลยค่ะ」
คำพูดของทุตเต้ทำให้ทุกสิ่งตรงหน้าฉันมืดสนิท
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่ตัวฉันมีจิตใจบอบบาง บวกกับแรงช็อคจากความเป็นจริงซึ่งไม่เป็นไปดั่งหวังจนเกินขอบเขตที่จะรับได้ จึงช่วยไม่ได้ที่มันจะมอดไหม้ จิตใจที่ยอมรับความพ่ายแพ้หลุดออกจากร่าง
ซึ่งพอมาคิดทีหลังแล้ว นั่นเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดครั้งใหญ่
ถ้าไม่สลบ แล้วรีบวิ่งไปยังสนาม อาจเปลี่ยนผลการแข่งได้ แต่ก็ไม่ได้พูดและปล่อยให้มันเป็นไป เพราะตัวฉันหมดสติจึงเท่ากับการทิ้งโอกาสนั้นไปด้วยตัวเอง
มาคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว
ตัวฉัน ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนในฐานะนักเรียนที่คว้าแชมป์โดยต้องต่อสู้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
และแล้ว การแข่งขันศิลปะการต่อสู้น้องใหม่ในปีนี้จึงปิดม่านลงด้วยความยุ่งเหยิง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยอาการช็อคทำให้ฉัน ต้องพักฟื้นอยู่ในห้อง และขาดเรียนเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์กว่าจะกลับมาตั้งสติได้